การโจมตีครั้งสุดท้ายนั้น…
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจียงหลีว่าจิ่งเยี่ยไม่ได้ปล่อยวิญญาณยุทธ์ เขาเพียงสร้างภาพลวงตาเท่านั้น แม้แต่นางยังถูกหลอก ให้ปล่อยทักษะพรสวรรค์ออกมาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างที่ปล่อยเลี่ยเทียนซื่อ นางรับรู้ได้ว่าจิ่งเยี่ยออมมือทันทีและรับการโจมตีโดยปราศจากการตอบโต้ไว้เอง
นั่นหมายความว่า… เขาจงใจยอมข้า… และไม่อยากให้ใครเห็น คนที่เขาอยากปิดบัง ไม่ใช่ข้าอย่างแน่นอน แต่เป็นอาจารย์เหล่านั้นต่างหาก โดยเฉพาะอู๋เชียน เจียงหลีตกใจในใจ
นางคาดเดาการกระทำของเจียงหลีได้อย่างแม่นยำ แต่นางกลับคาดเดาไม่ออกว่าเหตุใดเขาถึงทำเช่นนั้น
“จิ่งเยี่ย!” อู๋เชียนเดินมาหาจิ่งเยี่ย
คนหลังกุมหน้าอก ไอสองครั้งอย่างรุนแรงแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “วิญญาณยุทธ์ของนางแข็งแกร่งเกินไป วิญญาณยุทธ์ของข้าถูกกดทับไว้ ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”
นี่คือเหตุผลที่เขามีให้แก่อู๋เชียน
“…” อู๋เชียนมองหน้าเขาด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่เห็นพิรุธใดๆ วิญญาณยุทธ์ของเจียงหลีทรงพลังเพียงใด เขารู้ดีอยู่แก่ใจ
การต่อสู้เมื่อชั่วครู่นี้…
อู๋เชียนหวนคิดอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบและดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ “เจ้าลงไปพักก่อนเถอะ”
“ขอรับ” จิ่งเยี่ยลดสายตาลงแล้วตอบรับ จากนั้นก็หันหลังเดินไปทางด้านหลัง หลับตาสงบสติอารมณ์
สายตาของหนานอู๋เฮิ่นขยับไปตามการเคลื่อนไหวของจิ่งเยี่ย แววตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด แต่ในที่สุดเขาก็ละสายตาอย่างเงียบๆ
รอบสุดท้าย จิ่งเยี่ยแพ้
บัดนี้ ถึงคราวของเจียงหลีที่จะท้าทายเจ็ดคนที่เหลือของสำนักหลิงอู่
“ยอดเยี่ยมมาก! ”
“ในที่สุดก็ชนะครั้งหนึ่งแล้ว! ”
“สั่งสอนคนพวกนั้นหน่อย! ”
“เจียงหลี พวกเราเชื่อในตัวเจ้า! ”
สถาบันไป๋หยวนกระหายชัยชนะ แม้ว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างไม่คาดคิด แต่ก็มิได้เป็นอุปสรรค เพราะชัยชนะของเจียงหลีครั้งนี้ ทำให้พวกเขาถึงกับยิ้มออก
ทันใดนั้น ความนิยมชมชอบของมวลชนชาวไป๋หยวนที่มีต่อเจียงหลีก็ทะยานขึ้นสูง
เจียงหลีเก็บความประหลาดใจต่อจิ่งเยี่ยไว้ก่อน และยืนอยู่บนสังเวียนด้วยใบหน้าเย็นชา แต่ระหว่างคิ้วกลับมีความทนงตนแฝงอยู่ เช่นเดียวกับที่จิ่งเยี่ยเคยทำมาก่อน นางชี้ไปที่ใครบางคนของสำนักหลิงอู่ “เจ้าขึ้นมา”
ดวงตาของคนที่ถูกเลือกคมชัดทันที
ก่อนที่จะเตรียมตัวขึ้นไป อู๋เชียนรั้งเขาไว้แล้วกำชับด้วยเสียงทุ่มต่ำ “ระวังวิญญาณยุทธ์ของนางด้วย”
ชายผู้นั้นพยักหน้าอย่างเงียบๆ และก้าวขึ้นสังเวียน
แต่ทว่า ครั้งนี้เจียงหลีกลับมิได้ปล่อยวิญาณยุทธ แต่ใช้เพียงทักษะการต่อสู้ในการเอาชนะเขา
พอการแข่งขันจบลง ชายผู้นั้นของสำนักหลิงอู่ก็ล้มนอนอยู่บนสังเวียน หายใจเฮือกสุดท้ายและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
“…”
“…”
ฝูงชนของสำนักหลิงอู่เงียบสงัด ขณะที่ผู้คนของสถานบันไป๋หยวนกลับกลั้นยิ้ม
แม้ว่าเจียงหลีของพวกเขาจะไม่ได้เอาชนะศัตรูเพียงท่าเดียว แต่การกดคู่ต่อสู้แนบลงกับพื้นสังเวียน แล้วกระหน่ำทุบตีจนเขาส่งเสียงกรีดร้องและไร้ซึ่งพละกำลังที่จะโต้ตอบ ซึ่งวิธีหยาบกระด้างเช่นนี้ ก็สะใจมิน้อย!
บรรเทาความโกรธ!
บรรเทาความโกรธยิ่งนัก!
บรรดาเด็กเปรตของสำนักหลิงอู่ก็มีวันนี้หรือ
สีหน้าของอู๋เชียนน่าเกลียดยิ่งนัก ส่วนรอยยิ้มของหนานอู๋เฮิ่นกลับปรากฏเด่นชัดขึ้น จิ่งเยี่ยหลับตาแล้วมองอย่างช้าๆ จากนั้นก็หลับตาอีกครั้ง ไม่มีใครเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักอย่างทะนุถนอมส่องผ่านดวงตาของเขาเพียงพริบตาเดียว
“เจียงหลี! เจ้าจะมากเกินไปแล้ว!” อู๋เชียนอดไม่ได้ที่จะตะโกน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์