เจียงหลีและหนานอู๋เฮิ่นกลับสถาบันไป่หยวนด้วยความมึนงง
ตอนที่แยกกันนางเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหนานอู๋เฮิ่นถึงสำนึกถึง ‘เจตนาร้าย’ ของตาเฒ่าเลวทรามผู้นี้
“น่ารังเกียจ สักวันหนึ่งอย่ามาตกอยู่ในเงื้อมมือข้าก็แล้วกัน” เจียงหลีเข่นเขี้ยวจดจ้องเงาร่างของหนานอู๋เฮิ่นที่กำลังเดินจากไป
เกี่ยวกับการเดินทางเข้าไปในอาณาเขตอู่หลิงครานี้ เรื่องที่นางถูกตามฆ่า หนานอู๋เฮิ่นจะต้องให้คำอธิบายแก่นางอย่างแน่นอน
เช่นนั้นหลิงไซว่อาจจะมีความรู้สึกก็เป็นได้แต่เก็บซ่อนเอาไว้เสียก่อน ฉะนั้นหนานอู๋เฮิ่นสังหารหลิงเจี้ยงสองคน แม้กระทั่งหนอนบ่อนไส้ในสถาบันไป๋หยวนก็หายตัวไป หนานอู๋เฮิ่นบอกว่าได้ส่งคนไปตามหาแล้ว ตอนนี้ดูท่าทางสองคนนั้นดูเหมือนถูกสถาบันอู่หลิงซื้อตัวไปแน่
เรื่องนี้ถือเป็นการบอกขั้นตอนหนึ่ง เจียงหลียิ้มเย็นชาในใจ สำหรับอู๋เชียนตัวต้นเหตุผู้นี้แน่นอนว่านางต้องจัดการด้วยตนเอง
ตอนนี้นางยังไม่ให้เจ้าสุนัขเฒ่านั่นตายหรอก
นางรู้แจ้งแก่ใจดี หากนางยิ่งเป็นจุดสนใจแก่สายตาผู้คนมากเท่าไหร่สุนัขเฒ่านั่นก็ยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข ยิ่งเขาอยู่ไม่เป็นสุขนางก็ยิ่งสะใจ
เมื่อกลับมาถึงหอของตนเองในสถาบันไป๋หยวน เจียงหลีจึงหยิบคัมภีร์วรยุทธ์ระดับพิเศษขั้นที่สามทั้งสองเล่มขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ถึงแม้นางจะไม่ใช่นักเรียนประจำ แต่นางก็มีห้องฝึกฝนวรยุทธ์เป็นของตนเองในสถาบันไป๋หยวนเช่นเดียวกับลู่เสวียน
“เล่มหนึ่งเป็นวรยุทธ์โจมตี ส่วนอีกเล่มเป็นท่าร่าง ข้าอยากได้อยู่พอดีเลย” เจียงหลีชั่งน้ำหนักดูคัมภีร์
วรยุทธ์ทั้งสองเล่มแล้วพึมพำออกมา
เจียงหลีวางคัมภีร์เล่มนั้นของอู๋เชียนไว้ก่อนแล้วจึงเปิดคัมภีร์ของหนานอู๋เฮิ่น
คัมภีร์วรยุทธ์เล่มนี้มีชื่อเรียกว่าชวนเสินอิ่น เป็นคัมภีร์วรยุทธ์ท่าร่างชั้นสูง แบ่งออกทั้งหมดสามขั้น ท่วงท่าในแต่ละขั้นจะยิ่งวิจิตรกว่าขึ้นไปอีกขั้น หลังจากที่อ่านดูอย่างละเอียดแล้วทันใดนั้นเจียงหลีจึงค้นพบ “ที่แท้ท่าร่างที่หนานอู๋เฮิ่นใช้เมื่อครู่นี้ก็คือชวนเสินอิ่นขั้นที่สามนั่นเอง!”
เพียงแค่อึดใจเดียวเมื่อเข้าไปในอาณาเขตไร้มนุษย์สามารถจับหลิงเจี้ยงของสำนักหลิงอู่ได้ทีเดียวถึงสองตน ท่าร่างไร้เทียมทานเช่นนี้นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งนัก
“แต่ทว่าน่าเสีย หากต้องการฝึกไปถึงขั้นสามจะต้องใช้เวลา เช่นนั้นเริ่มจากขั้นแรกก็แล้วกัน” เจียงหลีถอนหายใจพลิกคัมภีร์วรยุทธ์มาที่หน้าแรกดังเดิมจากนั้นศึกษาความลึกลับวิชาขั้นแรกของชวนเสินอิ่นอย่างละเอียด
หากจะฝึกชวนเสินอิ่นขั้นแรกจำเป็นต้องรู้สึกตัวและทำสมาธิให้จิตใจว่างเปล่า…
เจียงหลีตั้งมั่นศึกษาไปได้สักพักก็กระพริบตาลูบหน้าผากแล้วถอนหายใจออกมา “วรยุทธ์ชั้นสูงช่างยากที่จะฝึกฝนเสียจริง”
นางวางคัมภีร์ชวนเสินอิ่นลงจากนั้นจึงหยิบคัมภีร์ตัดเนื้อของอู๋เชียนขึ้นมาศึกษา “หัตถ์เทพเด็ดดารา” แต่ทว่าเมื่อนางอ่านคัมภีร์วรยุทธ์เล่มนี้จบกลับมีสีหน้าเย็นยะเยือกและแสยะยิ้ม “ตาสุนัขเฒ่าอู่เชียนจิตใจต่ำช้าจริงๆ”
พลังของหัตถ์เทพเด็ดดาราแกร่งกล้า มิฉะนั้นคงไม่ได้เป็นวรยุทธ์ของชั้นเอกขั้นสามหรอก เมื่อฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดสามารถเอื้อมมือเด็ดดวงดาราลงมาได้ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำอธิบายเท่านั้น ตามที่เขียนในคัมภีร์ฝึกฝนวรยุทธ์นี้สามารถรับเอาสรรพสิ่งกลางอากาศได้ แม้ระยะห่างมากกว่าร้อยจ้างก็สามารถเด็ดหัวคนได้
แต่ทว่าปฏิกิริยาตอบโต้นั้นรุนแรงมาก ถ้าหากพลังวิญญาณร่างของตนไม่แกร่งกล้าและการป้องกันไม่ดีพอ พลังอันรุนแรงนี้อาจย้อนกลับเข้าตัว รู้สึกเสมือนฆ่าพันคนแต่ตนเองสูญเสียไปแปดร้อยคน
อู๋เชียนเลือกคัมภีร์เล่มนี้ให้กับนางเห็นได้ชัดว่ามีเจตนาชั่วร้าย
เจียงหลียิ้มเยือกเย็นเย้ยหยันในใจ “โชคดีที่สุนัขเฒ่าไม่รู้ว่าวิญญาณยุทธ์ที่สองของข้าเป็นประเภทป้องกัน อีกทั้งยังเป็นเจ้าเต่าน้อยน่ารักเสวียนกังกุยอีกด้วย แผนการนี้ของเขาเกรงว่าจะเปล่าประโยชน์เสียแล้ว
เมื่ออ่านถึงตอนสุดท้าย ทันใดนั้นเจียงหลีก็รู้สึกว่าวิชาหัตถ์เทพเด็ดดารานี้ช่างคุ้นตายิ่งนัก หลังจากที่ปฏิกิริยาตอบสนองนางถึงนึกขึ้นมาได้ว่าหลิงไซว่ที่ไล่ล่านางในอาณาเขตหลิงอู่กระบวนท่าที่พุ่งมาจับตัวนางมิใช่หัตถ์เทพเด็ดดาราหรอกหรือ
อีกทั้งนั่นยังเป็นการโจมตีตามอำเภอใจให้นางใช้วิญญาณยุทธ์มาตอบโต้!
ดวงตาของเจียงหลีฉายแววลุ่มลึก
หลิงเจี้ยงที่ตามไล่ล่าสามตนนั้นตายไปสองตนยังเหลืออีกตนที่ร้ายกาจที่สุดมิรู้ว่าไปเป็นเต่ามุดหัวในกระดองอยู่แห่งหนไหน
“เกรงว่าหากเจ้าหลบไม่โผล่หัวออกมา หากเจ้าออกมาแล้วจะทำให้เจ้ากลับไปไม่ได้อีก!” เจียงหลีกัดฟันพูด
…
ชั่วพริบตาเดียววันเวลาผันผ่านร่วมเดือนกว่า
ช่วงระยะนี้เจียงหลีผ่านคืนวันอย่างสงบสุข


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์