รายงานสงคราม!
รายงานการรบจากที่แห่งใดหรือ
เหตุใดรายงานถึงถูกส่งมาที่นี่
ชั่วพริบตาความสนใจของทุกคนที่ลานล่าสัตว์ของราชวงศ์ก็เปลี่ยนไป
เสียงกีบม้าดังกระทบพื้นดินกึกก้องคนบนหลังม้าฟาดแส้ด้วยความเร็วทะยานเข้าแหวกผู้คนกลางลานล่าสัตว์ เขามาถึงสถานที่ที่ฝูงชนมารวมตัวกันเขาหยุดม้าพลิกตัวและกระโดดลง จากนั้นรีบเดินขึ้นไปบนเวทีสูงตระหง่านและตะโกนบอกเหล่าเทียนเทียวแห่งโฮ่วจิ้นที่อยู่ ณ ลานแห่งนี้
“เป่ยฝางได้เปิดสงคราม ราชวงศ์ฉินที่ยิ่งใหญ่นำทหารห้าแสนนายบุกเข้าไปในป้อมปราการทางเหนือของเรา ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการไว้ดังนี้ ‘เทียนเจียวของข้า สนามรบนองเลือด ประชาชนทุกข์ร้อน สงครามสองแคว้น บัดนี้ เป่ยฝางมีลู่อ๋องป้องกันเอาไว้ ปลอดภัยไร้กังวล เทียนเจียวทุกคนควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างของความจงรักภักดี ด้วยภารกิจสังเกตการณ์ มุ่งหน้าสู่เป่ยฝาง รับใช้ชาติประชาชน ตอบแทนคุณแผ่นดินเกิด’…”
หมายความว่าอย่างไร
เจียงหลีกะพริบตาปริบๆ หันไปมองลู่เสวียน
แต่ทว่าสีหน้าคุณชายน้อยลู่กลับซีดเซียว บ่นพึมพำในลำคอ “สงครามเป่ยฝาง…ทางเหนือเกิดสงครามขึ้นแล้ว!”
“…” เจียงหลีเข้าใจความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดี
คนที่ประจำการเป่ยฝางของราชวงศ์โฮ่วจิ้นก็คือบิดาของลู่เจี้ยและลู่เสวียน เวลานี้แดนดินทิศเหนือกำลังลุกฮือด้วยไฟสงคราม ในฐานะที่เป็นบุตรพวกเขาจึงเป็นห่วงความปลอดภัยของบิดาเป็นธรรมดา
หากเขาทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว เจียงหลีก็เกรงกว่าอาจรังเกียจเขาที่ไม่มีหัวใจก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญคือการป้องกันเป่ยฝางที่กำลังลุกโชนขณะนี้และจู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตั้งกลุ่มสังเกตการณ์เทียนเจียวในซั่งตู พระองค์ทรงต้องการเล่นกลสิ่งใด
“ซ้อเล็ก พวกเรากลับบ้านกันก่อน ข้าจะไปถามพี่ใหญ่” ลู่เสวียนเร่งเจียงหลี
เจียงหลีพยักหน้า เรื่องนี้ค่อนข้างมีพิรุธ นางก็อยากกลับไปถามลู่เจี้ยให้แน่ชัดเหมือนกัน
“อาหลี” จิ่งเยี่ยเรียกเสียงเรียบนิ่งเหมือนกำลังไม่พอใจที่น้องสาวเมินเฉยเขา
เจียงหลีเบนสายตามองซ้ายมองขวา ถึงแม้ไม่มีใครสังเกตพวกเขาแต่นางก็ไม่อยากให้ใครสงสัยถึงสถานะของจิ่งเยี่ย นางหันสายตากลับมาเอ่ยเสียงดัง “เจ้าอยากท้าประลองกับข้าหรือ ไว้วันหลังค่อยหาเวลามาใหม่เถอะ”
กล่าวจบ นางก็เร่งฝีเท้าตามลู่เจี้ยออกไปจากลานล่าสัตว์ของราชสำนัก
“…” จิ่งเยี่ยไม่ได้ตามนางไป เพียงแต่มองหลังน้องสาวที่ค่อยๆ ลับสายตาไปเท่านั้น
เขาเข้าใจความหมายของเจียงหลีแต่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยคำพูดมากมายซึ่งทำให้เขาไม่สบายใจจริงๆ
เจียงหลีสู้อย่างไม่คิดชีวิตเพื่อปกป้องลู่เจี้ยนั้นก็ช่างเถอะ แต่กลายไปเป็นบ่าวอุ่นเตียงของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ น้องสาวยอดดวงใจของเขาเสียเปรียบหรือไม่ แล้วสรุปมีความสัมพันธ์เช่นไรกับนายน้อยตระกูลลู่นั่น
จิ่งเยี่ยกำหมัดแน่นแล้วก็คลายแล้วก็กำแน่นอยู่อย่างนั้น ความคิดอยากบุกไปฆ่าคนก็ถูกเขาพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ในใจ แต่มันกลับผุดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
…
เจียงหลีกับลู่เสวียนเดินทางมาถึงจวนตระกูลลู่
พอเข้ามาถึงประตูก็เจอกับพระชายาลู่นั่งอยู่ในห้องโถง
เมื่อเห็นทั้งสองกลับมานางก็เงยหน้าขึ้นและยิ้มกว้าง แน่นอนเมื่อนางเห็นสภาพกระเซอะกระเซิงของเจียงหลีนางจึงหุบยิ้มในทันทีวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินไปหาเจียงหลี “หลี
เอ๋อร์ใครกล้าทำร้ายเจ้าถึงเพียงนี้”
อีกด้านหนึ่งคือบุตรชายแท้ๆ แต่กลับถูกมารดามองข้ามเมินเฉย
“เอ่อ คือ พระชายาข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” ความห่วงใยของพระชายาเล่นเอาเจียงหลีทำตัวไม่ถูก แผลของนางแม้ดูสาหัสแต่ที่จริงไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้ว มีวิญญาณยุทธ์อย่างเสวียนกังกุยปกป้องร่างกายได้ชดเชยความเสียหายที่เกิดจากวรยุทธ์ความโกรธจักรพรรดิแล้ว
“ลู่เสวียน เจ้าทำอะไรของเจ้า ทุกครั้งที่ออกไปกับเจียงหลีถึงได้ทำร้ายจนนางบาดเจ็บกลับมาทุกครั้ง เจ้าดื้อด้านนักใช่ไหม” พระชายาเพ่งเล็งไปที่ลู่เสวียน
คุณชายน้อยลู่ทำหน้าน้อยใจชี้ไปที่จมูกของตน “ท่านแม่ ข้าเป็นลูกชายท่านแม่นะ”
“ไปให้พ้น” นางยกขาขึ้นเตะตูดลู่เสวียนด้วยท่วงท่าสง่างาม ลู่เสวียนหลบหลีกว่องไวแต่ก็ยังมิวายเอามือปิดตูดของเขาด้วยความโกรธ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์