ความลับของลู่เจี้ยปิดบังเอาไว้ไม่มิด
เจียงหลีมองแวบเดียวก็รู้ ‘กลุ่มสังเกตการณ์เทียนเจียว’ ครั้งนี้เป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่างฮ่องเต้กับตระกูลลู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้วางหมากไว้อย่างไรและตระกูลลู่จะแก้หมากกระดานนี้ได้เยี่ยงไร
“ก็ได้ ข้าจะไม่ยุ่ง” เจียงหลีจ้องเข้าไปในแววตาสกาวใสของลู่เจี้ยแล้วพยักหน้าเชื่องช้า
เนื่องจากลู่เจี้ยไม่ให้นางยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ซึ่งนั่นหมายความว่าทุกอย่างอยู่ในเงื้อมมือเขา เช่นนั้นแล้วนางยังจะต้องห่วงอะไรอีก
“หลีเอ๋อร์…” จู่ๆ ลู่เจี้ยเลื่อนปลายนิ้วผ่านแก้มนางแผ่วเบาน้ำเสียงผะแผ่วราวกับกำลังมัวเมา
น้ำเสียงนี้แทงทะลุเข้าไปในใจของเจียงหลีพร้อมกับการกระทำที่ปลายนิ้วของเขาทำให้นางรู้สึกเสียววูบวาบราวกับถูกกระแสไฟแล่นผ่านร่าง
“อืม” นางครวญครางตอบเสียงเบาโดยไม่รู้ตัว
การตอบกลับของนางมีความสับสนเล็กน้อยทำให้แววตาของลู่เจี้ยพลันมืดหม่นดั่งมีความมืดพุ่งพล่านในส่วนลึกของดวงตา
เขาซ่อนความรู้สึกไว้ในแววตาเงียบๆ หรี่ตาเอ่ยถามเสียงเบา “บาดเจ็บสาหัสหรือไม่”
“ไม่สาหัส วิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุยแข็งแกร่งจริงๆ” เจียงหลีส่ายหน้าแววตาตื่นเต้นอยากแบ่งปันความรู้สึกของนางที่มีต่อเสวียนกังกุยให้ลู่เจี้ยรับรู้
ลู่เจี้ยกะพริบตาเบาๆ พร้อมกับยกยิ้มเจือจางที่มุมปาก “อันดับของเสวียนกังกุยอยู่ก่อนหน้าเลี่ยเทียนซื่อ ย่อมไม่อ่อนแอเป็นธรรมดา”
“อืม ตอนนี้ข้ายิ่งตื่นเต้นรอคอยวิญญาณยุทธ์ตัวที่สามแล้ว” เจียงหลีพยักหน้าหนักแน่นดวงตาเป็นประกายแสงสุกใส
นางขยับตัวในอ้อมกอดของลู่เจี้ยเล็กน้อยเพื่อหาท่วงท่าที่สบายที่สุดขดตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยไม่รู้สึกกระดากอายเลยสักนิด แต่ถึงอย่างไรก็ทำอย่างเป็นธรรมชาติสบายๆ “ลู่เจี้ย ท่านว่าวิญญาณยุทธ์ตัวที่สามควรเลือกอะไรดี” หลังจากได้ลิ้มรสชาติอันหอมหวานของเสวียนกังกุย ตอนนี้นางจึงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของลู่เจี้ยเป็นอย่างยิ่ง
ลู่เจี้ยเลื่อนสายตาลงมองหญิงสาวที่เหมือนแมวจอมขี้เกียจในอ้อมกอดของตนเอง ในรอยยิ้มเจือจางแฝงไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูที่สังเกตได้ยากยิ่ง “พื้นฐานของสามเนตรญาณจะตัดสินเส้นทางการฝึกฝนต่อไปภายหลัง วันนี้เนตรญาณสองตัวก่อนของหลีเอ๋อร์ได้แยกเข้าสู่ฝ่ายโจมตีและป้องกันไปแล้ว เช่นนั้นเนตรญาณตัวที่สามเจ้าลองฝ่ายส่งเสริมดีหรือไม่”
“ประเภทส่งเสริมอย่างนั้นหรือ” เจียงหลีดันตัวขึ้นจากอ้อมแขนสบตาเขาก่อนจะซุกตัวเข้าไปใหม่ดวงตาเรียวเล็กเผยสีหน้ามีเสน่ห์น่าหลงใหล “พูดให้ฟังหน่อย”
ลู่เจี้ยที่จดจ่ออยู่กับนางเห็นการเปลี่ยนแปลงในเสน่ห์ของนางเวลานี้ ดูเหมือนว่าจะมีแสงดาวระยิบระยับในดวงตาของนาง ผู้หญิงคนนี้เหมือนจักรพรรดินีจริงๆ น่าเกรงขามสั่นสะเทือนสยบฟ้าดิน
ลู่เจี้ยยิ้มจางๆ ชื่นชมเสน่ห์ของนางแล้วอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียด “วิญญาณยุทธ์ฝ่ายส่งเสริมมีมากมายหลายประเภท ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นหลังจากหลอมรวมก็ไม่เหมือนกัน หนึ่งในนั้นมีทักษะการรักษาที่โดดเด่นที่สุดด้วย”
“ทักษะการรักษาหรือ” เจียงหลีประหลาดใจเล็กน้อย ในโลกนั้นของนางวิธีการรักษาคือเลี่ยนตาน ขั้นการฝึกเลี่ยนตานยิ่งสูงก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการรักษาสูงตามไปด้วย
“อืม” ลู่เจี้ยพยักหน้า “ทักษะการรักษาเกิดจากการหลอมรวมวิญญาณยุทธ์ฝ่ายส่งเสริมประเภทเดียวกันขึ้นมา นอกจากจะเพิ่มพลังความสามารถในการฝึกตนแล้วยังสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าในบรรดาการฝึกวิญญาณยุทธ์ฝ่ายส่งเสริมของหลิงซือ ฝ่ายรักษาเป็นที่ต้องการมากที่สุดและก็อยู่ในตำแหน่งสูงสุดด้วย”
เจียงหลีกระพริบตาปริบๆ คันยุบยิบในใจแล้วจึงลองถาม “ถ้าข้าหลอมรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์เช่นนี้ข้าก็จะมีความสามารถในการรักษาใช่หรือไม่ สามารถช่วยรักษาร่างกายของท่านได้หรือไม่”
นางถามไปเรื่อยเปื่อยก็จริงแต่ไหนเลยจะไม่ใช่ความคิดที่แท้จริงในใจของนาง
เจียงหลีไม่หลบหนีสายตาแปลกประหลาดของลู่เจี้ยแล้วรอคอยให้เขาพยักหน้า

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์