“เจ้าไม่คิดว่าเบื้องหลังจุดประสงค์นี้เป็นการยุยงปลุกปั่นให้เหล่าผู้ถูกเลือกออกรบหรือไง” เจียงหลีกะพริบตาใส่เขา
“ออกรบหรือ” ลู่เสวียนมองเจียงหลีด้วยสีหน้ามึนงง ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเสียงนินทา ทำให้พ่อเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างชัดเจน
“ช่างสอนไม่จำจริงๆ” เจียงหลีกรอกตาขี้เกียจอธิบาย
“นี่ เจ้าพูดให้ชัดเจนหน่อยสิ” ลู่เสวียนเซ้าซี้ไม่เลิก “ข้ารู้ว่าข้าไม่ฉลาด เจ้าอธิบายให้ข้า ข้าก็จะได้เข้าใจอย่างไรเล่า หลายวันที่ผ่านมาพวกเขากล่าวหาว่าพ่อข้าขี้ขลาดกลัวตายไร้ความสามารถ กลัวรบกับกีบเหล็กของต้าฉิน หาว่าท่านไม่อยากออกรบ อีกอย่างพ่อข้าปิดประตูไม่ไปไหนไม่ยอมรับคำยั่วยุของต้าฉิน ท่านต้องมีเหตุผลของท่านแน่”
เมื่อเจียงหลีถูกเขาเซ้าซี้จนเกิดความรำคาญประตูห้องนางถูกเปิดออกกะทันหัน
เงาร่างสูงโปร่งบังประตูทางเข้าที่ไม่กว้างมากและบังแสงสว่างในห้องทำให้สองคนที่อยู่ในห้องหันไปมองเขาพร้อมกัน
ดวงตาเจียงหลีหรี่ลงเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือใคร
ลู่เสวียนกลับเบิกตากว้างกระโดดขึ้นมา “เจ้า นี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนเลย ในค่ายทหารห้ามต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว เจ้าอย่ามาหาเรื่องดีกว่า”
พูดจบร่างเขาก็มายืนบังหน้าเจียงหลีไว้ท่าทางเตรียมพร้อมรับมือกับศัตรู สายตาจ้องมองจิ่งเยี่ยที่ยืนหน้าประตู
เห็นลู่เสียวนอยู่ในห้องเจียงหลี จิ่งเยี่ยก็รู้สึกโมโหขึ้นหน้า
ผู้ชายตระกูลลู่ ไม่มีใครดีสักคน ชอบหาเรื่องให้น้องสาวเขาเดือดร้อนทุกคน
จิ่งเยี่ยมองข้ามลู่เสวียน เดินตรงเข้ามาหาเจียงหลี
“เจ้าจะทำไม!” ลู่เสวียนยืดอกพองตัว ยื่นหน้ามาหาเขาอีกครั้ง กระบวนท่าหกหมัดหนักในมือออกโรง
แต่ทว่าเขาออกมือแล้วแต่กลับถูกจิ่งเยี่ยใช้ท่าสี่ตำลึงแปดพันชั่งหลบลมหมัดของเขา ผลักเขากระเด็นออกไป จิ่งเยี่ยเป็นถึงหลิงเจี้ยงยังมีรากฐานร่างกายที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย
“อาหลี เกิดเรื่องแล้ว” จิ่งเยี่ยที่มาถึงหน้าเจียงหลีโพล่งออกมาทันที
แววตาเจียงหลีดูจริงจังขึ้นยกมือขึ้นบังตรงหน้าลู่เสวียนที่จะออกหมัดอีกครั้ง ถามด้วยสีหน้าขรึม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ลู่เสวียนเก็บกระบวนท่าอย่างไม่เต็มใจพลางยืนต่อหน้าเจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ “ซ้อเล็ก…”
ฉึกฉึก!
แววตาแหลมคมราวกับจะฆ่าคน ฟาดมาทางเขา
ลู่เสวียนจ้องมองจิ่งเยี่ยอย่างไม่ยอมแพ้เชิดคางเล็กน้อยอย่างได้ใจ
“อย่าเรียกนางอย่างนั้น” จิ่งเยี่ยพูดเสียงเตือน
“ข้าจะเรียก!” ลู่เสวียนยักคิ้วขึ้นอย่างอวดเก่ง
“ถ้าเรียกอีก ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย” ระหว่างที่จิ่งเยี่ยพูด แววตาก็ปรากฎพลังสังหารออกมา
ลู่เสวียนเหมือนไม่รู้สึกตัว “แน่จริงเจ้าก็มาสิ!”
“พอได้แล้ว!” เจียงหลีมองทั้งสองคนอย่างปวดหัว ร่างชายสองคนนี่อายุอานามรวมกันก็แก่กว่านางทำไมถึงทำตัวปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้
ไหนว่าเกิดเรื่องขึ้นมิใช่หรือ
“ลู่เสวียน จิ่งเยี่ยเป็นคนกันเอง” เจียงหลีอธิบายแบบส่งๆ ถามพี่ชายต่อว่า “ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
“ใครจะเป็นพวกเดียวกับเขากันเล่า” ลู่เสวียนบ่นออกมา แววตาที่มองจิ่งเยี่ยยังคงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
แต่ความหวาดระแววและสายตามุ่งร้ายนั้น กลับมีความไร้เดียงสาปะปนอยู่
จิ่งเยี่ยเองก็ขี้เกียจเถียงกับเขา พูดกับเจียงหลีว่า “ในกลุ่มผู้ถูกเลือกมีคนแอบตัดสินใจไว้แล้วว่า รอคนต้าฉินออกมาร้องตะโกนอีกครั้ง หากแม่ทัพยังไม่ออกไปประเชิญหน้ากับศัตรู กลุ่มผู้ถูกเลือกจะออกรบแทนทหารเป่ยฝาง”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์