คุณหนูใหญ่ของตระกูลลู่ แน่นอนว่าจะต้องเป็นเจียงหลี ลูกสาวบุญธรรมคนใหม่
เมื่อละจากงานกองทัพ มาถึงกระโจมของเจียงหลี ลู่เจี้ยกลับไม่เห็นใครหลังม่านเลย
คิ้วที่สวยงามของเขาขมวดเล็กน้อย รีบเดินไป สิ่งที่เห็นหลังจากแหวกม่านก็คือสาวน้อยที่กอดผ้าห่มและที่นอนอยู่บนเตียงไว้อย่างแน่น
“หลีเอ๋อร์!” ลู่เจี้ยเรียกนางเบาๆ
เขาก็ขึ้นบนเตียงอย่างไม่คิดอะไรมาก โอบสาวน้อยที่เจ็บปวดจนหมดสติไปไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง
“อืม!” กลิ่นและอ้อมกอดที่คุ้นเคย ทำให้เจียงหลีที่ไม่ได้สติอยู่ส่งเสียงออกมา ซุกเข้าไปในอ้อมกอดด้วยความคุ้นชิน คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง
ลู่เจี้ยจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ที่ซีดขาวและเต็มไปด้วยเหงื่อ เจ็บปวดใจเล็กน้อย เขากระตุ้นพลังในร่างกายที่ลึกลับนั้นเอง ทำให้พลังนั้นยิ่งปรากฏออกมา และถูกเจียงหลีดูดซับ หลีเอ๋อร์ เพราะเหตุใดกันเจ้าถึงได้มีอาการเช่นนี้ รอให้เจ้าหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม จะหายจากอาการนี้หรือไม่
พอนึกถึงปัญหานี้ แววตาของลู่เจี้ยก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา เขาไม่เคยลืมว่าตอนที่เขาให้นางเลือกวิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม นางโพล่งคำพูดเหล่านั้นออกมา
นางถามว่าถ้านางมีความสามารถในการรักษา จะรักษาเขาได้ไหม
แต่นางกลับไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่เขาให้นางเลือกหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์ประเภทการรักษา ก็เพราะโรคร้ายในร่างกายของนาง
หลีเอ๋อร์ เวลาของข้าเหลือไม่มากแล้ว ถ้าหากว่าข้าไม่อยู่แล้ว ตอนที่เจ้าอาการกำเริบ ใครจะเป็นคนระงับความเจ็บปวดให้กับเจ้าได้เล่า นิ้วมือที่เรียวยาวของลู่เจี้ยลูบที่แก้มของเจียงหลีเบาๆ มีคำพูดบางคำที่พูดได้แค่ในใจ
ลู่เจี้ยถอนหายใจเบาๆ แล้วโอบเจียงหลีไว้แน่น อีกมือหนึ่งก็หยิบหยกขาวออกมาจากด้านในเสื้อ
“อืม!”
เขาส่งเสียงด้วยความอึดอัด พลังที่บ้าคลั่งในร่างกายกำลังจะฉีกร่างกายของเขาออก ทุกครั้งที่พลังนี้เคลื่อนไหว ทำให้เขารับรู้ได้ถึงรสชาติของความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
พลังที่ลึกลับ ออกมาจากร่างกายของเขา ส่วนหนึ่งถูกเจียงหลีดูดซับ อีกส่วนหนึ่งก็ถูกหยกดูดซ้ำ
ภายใต้พลังที่มากมายนี้ ผิวที่ซีดขาวของเจียงหลีก็ค่อยๆ แดงขึ้นมา แต่ทว่าสีหน้าของลู่เจี้ยกลับยิ่งซีดขาวไปเรื่อยๆ เหมือนว่าจะซีดจนเหลืองเล็กน้อย
หลังจากที่ลมปราณของนางคงที่แล้ว ลู่เจี้ยถึงได้นำหยกเก็บไว้ในเสื้อ และจากไปอย่างเงียบๆ
วันรุ่งขึ้น เจียงหลีตื่นขึ้นมา มองเตียงที่ว่างเปล่าด้วยความงุนงง นางจำได้ว่าเมื่อคืนนางไม่สบาย คล้ายๆ ว่าลู่เจี้ยจะมาหา
เป็นเพราะพลังนั้นที่บรรเทาความเจ็บปวดของนาง ยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าเส้นเอ็นและเส้นเลือดของนางเปลี่ยนเป็นแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วยพลังนี้
ความลับในร่างกายของลู่เจี้ย ดวงชะตาของลู่เจี้ย……
เจียงหลีค่อยๆ กัดฟัน ใคร่อยากจะรีบหาคำตอบนี้ นางบีบกำปั้นของตัวเอง พูดว่า “วิญญาณยุทธ์ตัวที่สาม! ไม่สนว่าจะได้ผลไหม อย่างไรข้าก็ต้องลองดู!”
ฝึกฝน! ฝึกฝน!
จำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้โดยเร็ว นางถึงจะสามารถทำเรื่องที่อยากทำได้!
……
ณ ซั่งตู ปิดประตูเมืองไปนานแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงอันตราย
แม้แต่สถาบันหลิงอู่ก็ปิดประตูใหญ่ชั่วคราว อาจารย์และนักเรียนทั้งหมดต่างถูกดึงตัวไปเป็นกองกำลังลาดตระเวน เดินตรวจตราไปมาอยู่ในเมืองซั่งตู
มีเพียงหนึ่งเดียวในนั้นที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เหมือนเดิมทุกประการ ก็คือสถาบันไป๋หยวนที่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่
ไม่ว่าราชวงศ์โฮ่วจิ้นจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันนี้
เพียงแต่ว่ารอบนอกสถาบันไป๋หยวน กลับมีทหารม้าของราชสำนักประจำการอยู่ ที่พวกเขามุ่งเป้าไม่ใช่สถาบันไป๋หยวน แต่เป็นลู่เสวียนที่ถูกสงสัยว่าซ่อนตัวอยู่ในสถาบันไป๋หยวน นักฆ่าที่ลอบสังหารราชนิกุลของโฮ่วจิ้นหลายครั้งหลายคราในเมืองซั่งตู
เสียดาย ประจำการอยู่นานขนาดนี้แล้ว แม้แต่เงาของลู่เสวียน พวกเขาก็ยังไม่เคยได้เห็น นี่ก็ทำให้คนสงสัยไม่น้อยเลยว่าลู่เสวียนอยู่ในสถาบันไป๋หยวนจริงๆ หรือ

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์