“อาหลี ตกลงแล้วเจ้าชอบใครกันแน่” เจียงเฮ่ามองนางด้วยสายตาหนักแน่น
เจียงหลีชะงักค้าง
ตกลงนางชอบใครอะไรกัน นางชอบใครมันก็ชัดเจนอยู่แล้วมิใช่หรือ “แน่นอนว่าต้องเป็นลู่เจี้ยไง” เจียงหลีตอบอย่างไม่เขินอายเลยสักนิด
นางเปิดกว้างกับเรื่องของลู่เจี้ยเสมอ คนในตระกูลลู่รวมถึงเจียงเฮ่าต่างก็รู้ไส้รู้พุงมาตั้งนานแล้ว นางยังต้องแสร้งทำเป็นเขินอายอีกหรือ
“หากเป็นเช่นนี้แล้วคุณชายชุดแดงนั่นคืออะไร ก่อนหน้านี้เจ้ากอดเขาต่อหน้าคนอื่นจากนั้นยังเข้าร่วมกลุ่มกับเขาอีก ชายหญิงตัวเปล่าเล่าเปลือยไปมาหาสู่กันตั้งหลายวัน” เจียงเฮ่าชักจะจนปัญญา
“…” เจียงหลีเบิกตาค้างมองพี่ชาย นางกับมู่ชิงเกอเนี่ยนะ พวกนางเนี่ยนะ
เอ่อ…
ช่างเถอะ นางชินที่มู่ชิงเกอปลอมตัวเป็นชายเสียแล้วแต่กลับลืมนึกไปว่าคนอื่นต่างมองมู่ชิงเกอเป็นผู้ชายจริงๆ
อืม น่าจะอธิบายให้ถูกต้องสักหน่อยแล้วล่ะ เจียงหลีเอ่ยในใจ
เพียงแต่ยังไม่ทันให้นางได้เริ่มอธิบายเจียงเฮ่าก็ลั่นวาจาด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง “อาหลี พี่หวังว่าเจ้าจะมีความสุข หวังว่าคนที่มาดูแลเจ้าในอนาคตจะเป็นคนที่เจ้าชอบแล้วก็ชอบเจ้า พี่เคยบอกแล้วว่านายน้อยลู่ชะตาตื้นเขินนักเกรงว่าจะไม่คู่ควรกับเจ้า ส่วนคุณชายชุดแดงข้าดูแล้วไม่ใช่คนธรรมดา หากเจ้าไม่รังเกียจ พี่เองก็หวังว่าเจ้าจะใกล้ชิดสนิทสนมกับเขามากขึ้น แน่นอนว่าตอนนี้เจ้ายังเด็ก ต่อไปคงต้องเจอบุรุษที่เพียบพร้อมอีกมากมาย เพราะฉะนั้นหากเจ้าไม่ชอบก็อย่าเพิ่งเร่งรัดเลย”
คำพูดของเจียงเฮ่าทำให้เจียงหลีแสดงสีหน้าหนักอึ้ง
หากเข้าใจนางกับมู่ชิงเกอผิดก็แล้วไป ถึงอย่างไรพฤติกรรมนางก็มิได้สนใจใยดีอยู่แล้วจึงทำให้เขาเข้าใจผิด แต่ว่าความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงเฮ่าคือลู่เจี้ยมีชะตาชีวิตตื้นเขินอยากให้นางตัดใจเสียแต่เนิ่นๆ แล้วหันไปรักคนอื่นแทน ซึ่งคำพูดนี้ทำให้นางทนไม่ไหวอีกต่อไป
“เจียงเฮ่า” จู่ๆ นางตะโกนเรียกชื่อผู้เป็นพี่ชาย
เจียงเฮ่าอึ้งกิมกี่อย่างประหลาดใจ ตั้งแต่เล็กจนโตหากเขาทำให้น้องสาวโกรธเข้านางก็จะเรียกชื่อตัวเองเต็มยศ
“อาหลี” เจียงเฮ่าลนลาน
เจียงหลีมองเขาตาเป็นประกายแล้วลั่นวาจาด้วยน้ำเสียงยืนหยัดหนักแน่น “ข้าชอบลู่เจี้ย ชาตินี้กำหนดชัดเจนแล้วว่าต้องเป็นเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นของข้า ตอนมีชีวิตอยู่ก็เป็นคนของข้า ตอนตายก็เป็นผีของข้า แล้วข้าจะไม่ยอมให้เขาตายเด็ดขาด!”
“…” เจียงเฮ่ามองผู้เป็นน้องสาวด้วยความตกใจ
วาจาเช่นนี้เอ่ยออกมาจากปากของนางทำเอาเขามิรู้ว่าจะว่ากล่าวตักเตือนเยี่ยงไรดี
สีหน้าเจียงหลียังคงเย็นชาแล้วพูดต่อ “ชิงเกอเป็นสหายสนิทของข้า ผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะมาเยี่ยมข้าเพียงเท่านั้น พวกเจ้าไม่ต้องใส่ใจ สำหรับคำพูดเมื่อครู่นี้ ข้าหวังว่าต่อไปอย่าได้เอ่ยออกมาจากปากของพี่ใหญ่อีก”
ดวงตาสุกใสจ้องมองมาที่ตัวเองเขม็ง เจียงเฮ่ารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นทาบทับมายังร่างของเขาจึงทำได้เพียงพยักหน้าให้เจียงหลีแล้วเปล่งคำว่า “ได้” ออกมาจากลำคอเท่านั้น
เมื่อเขาตกปากรับคำแรงกดดันที่ทับร่างพลันเบาลง
เจียงเฮ่ามองเจียงหลีด้วยความตกใจ ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าน้องสาวของเขาเติบโตจนสูงเกินเอื้อมโดยที่เขาไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
อาหลี ตกลงตอนนี้เจ้าฝึกฝนอะไรกันแน่ ปัญหานี้ที่เขาเพิกเฉยมานานจู่ๆ ก็นึกสะกิดใจขึ้นมา
ตอนที่เพิ่งเข้าสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียน เจียงหลีก็บรรลุหลิงเจี้ยงขั้นห้าแล้ว ผ่านไปปีกว่านางทุ่มเทฝึกฝนจนบัดนี้ไม่รู้ว่าบรรลุถึงระดับไหน
“พี่ใหญ่ เรื่องรักใคร่จะหวานชื่นหรือขมขื่นมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นถึงจะรู้ดี ข้าไม่ยุ่งเกี่ยวทางเลือกของพี่ใหญ่ในอนาคต ส่วนพี่ใหญ่ได้โปรดสนับสนุนการตัดสินใจของข้าเช่นกันด้วย” เจียงหลีระงับอารมณ์คุกรุ่นปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง
เจียงเฮ่าหวังดีกับนางจากใจจริง นางเองก็ไม่อยากห่างเหินกับพี่ใหญ่คนนี้
เจียงเฮ่าเผยสีหน้ารู้สึกผิด ในระหว่างที่เจียงหลีตั้งตารอ เขาจึงพยักหน้าอีกครั้ง “ได้ พี่ใหญ่ผิดไปแล้ว”
ลู่เสวียนกำลังจดๆ จ้องๆ มูชิงเกออยู่อีกด้านหนึ่ง
มู่ชิงเกอก็มองเขาด้วยความสนอกสนใจแล้วรอคอยเขาเปิดปากพูด
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร แล้วก็ไม่สนว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนด้วย ต่อไปนี้อยู่ให้ห่างๆ ซ้อเล็กของข้าหน่อย มิฉะนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนพี่ชายข้าเอง!” ลู่เสวียนขบกรามข่มขู่ฟ่อๆ
“ซ้อเล็ก?” มู่ชิงเกอแสดงความรู้สึกประหลาดใจภายใต้ใบหน้าอันเลอโฉม

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์