ครืดๆ!
เสียงโซ่ดังขึ้นมาจากก้นบึ้งของทะเลเมฆหมอก
ลู่เสวียนมองย้อนกลับไปส่งสายตาให้เจียงเฮ่าท่ามกลางความมืดมน ทั้งสองต่างหยุดอยู่กับที่พร้อมกันเพื่อรอคู่ต่อสู้ปรากฏตัว
เจียงหลีที่อยู่บนหน้าผารู้สึกได้ว่าเชือกในมือมีการหยุดดึง นางจึงเงยหน้ามองมู่ชิงเกอ “หยุดแล้ว สงสัยคงเจอคู่ต่อสู้แล้วล่ะ”
“เชือกในมือข้าก็หยุดดึงไปแล้วเหมือนกัน” มู่ชิงเกอไกวเชือกในมือเบาๆ
เจียงหลีพยักหน้า ดวงตามองไปยังเหวลึกของทะเลเมฆหมอก
มู่ชิงเกอเฝ้าดูนางเยี่ยงนี้อย่างละเอียดรอบคอบยิ่งกว่าตอนที่นางทดสอบเสียอีก ทั้งยังรู้ด้วยว่านางมีความรู้สึกต่อทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในทะเลเมฆ
มู่ชิงเกอยิ้มเงียบๆ เจียงหลีต่างกันกับนางที่มักจะเฉยชากับความรู้สึกแล้วยอมรับความจริงใจของคนได้ยาก ส่วนเจียงหลีตราบใดนางแน่ใจว่าอีกฝ่ายดูท่าทางไม่เลวนางก็พร้อมมอบความจริงใจให้อย่างกล้าได้กล้าเสีย หากเป็นคนดีก็คบต่อ หากเป็นคนเลวนางก็ไม่ปล่อยเอาไว้เช่นกัน
บางครั้งมู่ชิงเกอคิดเสมอว่าพวกนางสองคนสามารถล่มหัวจมท้ายร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันได้ นอกจากบุคลิกอุปนิสัยคล้ายกันแล้ว เจียงหลียังเป็นคนประเภทที่นางนึกอิจฉาด้วย
เงาร่างของทั้งสองค่อยๆ ปรากฏตัวบนสายโซ่ท่ามกลางมวลทะเลเมฆ
จากนั้นหลังคนที่ปรากฏตัวในคราวนี้กลับทำให้ลู่เสวียนชะงักงัน เจียงเฮ่าจึงหันไปมองเขาโดยไม่รู้ตัว
ดูเหมือนไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่อยู่อีกฝั่งจะมาปรากฏตัวที่นี่ เมื่อเห็นลู่เสวียนสายตาก็พลันเย็นชาลง
“โจวยวน” ลู่เสวียนมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วพึมพำเสียงเบา
โจวยวนยิ้มเย็นเยียบ “คิดไม่ถึงว่าจะเจอเจ้า สงสัยสวรรค์คงจะเมตตาข้ากระมัง” ขณะที่พูดอยู่นางเผยแววตาเกลียดชังอย่างปิดไม่มิดเลยสักนิด
“…” ลู่เสวียนนิ่งเงียบ
เขาเข้าใจที่โจวยวนจงเกลียดจงชังเขาแต่เขาก็ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำเหมือนกัน
หลายครั้งการตัดสินใจของผู้ที่อยู่เหนืออำนาจสามารถเปลี่ยนผันชะตาชีวิตของผู้คนทั่วหล้า หากแม้นราชวงศ์ไร้ซึ่งความยำเกรงต่อตระกูลลู่ ถึงอย่างไรตระกูลลู่ยังยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเองได้ ดั่งเช่นที่แผ่ไพศาลทั่วแผ่นดินหนานฮวงอันยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้ อีกทั้งที่ผ่านมาระหว่างเขากับโจวยวนนั้นเขาเคยมีความรู้สึกดีที่คลุมเครือต่อสตรีแน่งน้อยผู้นี้ เขารู้สึกว่านางสวยหยาดฟ้ามาดินแต่ก็มิสูญสิ้นความน่ารัก แม้จะเอาแต่ใจแต่กลับใจดีมีเมตตา
แต่ตอนนี้ล่ะ
ลู่เสวียนถอนหายใจ ทำได้เพียงพูดว่าโชคชะตากลั่นแกล้ง
ความเงียบของเขาทำให้โจวยวนฉายแววชิงชังชัดเจนยิ่งขึ้น คู่หูข้างกายของนางคือองครักษ์ยอดฝีมือที่เฉียนจวิ้นคัดเลือกมาจากวังหลวง หากต้องการฆ่าลู่เสวียนกับเจียงเฮ่า แน่นอนว่าไม่มีปัญหา
“ฆ่าพวกเขาให้ข้า” โจวยวนออกคำสั่งเสียงกร้าว
องครักษ์ยอดฝีมือแห่งแคว้นซีเฉียนผู้นั้นชักดาบพุ่งไปข้างหน้าลู่เสวียนโดยไม่มีความลังเลเลยสักนิด
โจวยวนกำลังยิ้มและรอยยิ้มนั้นช่างแสนเย็นชาและโหดเหี้ยม
ลู่เสวียนเกิดความสับสน เขามิสามารถเชื่อมโยงโจวยวนในตอนนี้กับหญิงสาวไร้เดียงสาตรงไปตรงมาเฉกเช่นเมื่อก่อนคนนั้นเข้าด้วยกันได้
ตึง!
เจียงเฮ่ายื่นมือเข้าขัดขวางการโจมตีของยอดฝีมือผู้นั้นเพื่อป้องกันลู่เสวียนให้พ้นจากคมดาบ ในขณะเดียวกันเขาก็ตะโกนเรียกลู่เสวียนดังลั่น “ลู่เสวียน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดฟุ้งซ่าน”
นัยน์ตาของลู่เสวียนวูบไหว แววตาสับสนกลับมารวมกันอีกครั้ง เขามองไปยังโจวยวนเคร่งขรึมแล้วเข่นเขี้ยวเปิดฉากจู่โจม
หากผู้เข้าร่วมทดสอบตกรอบ ผู้ช่วยคู่ต่อสู้ก็ต้องตกรอบด้วยเช่นกัน
ต่อสู้กับองครักษ์ยอดฝีมือแห่งวังหลวงซีเฉียนบนหน้าผาที่คล้องโซ่ตรวนเช่นนี้ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย และวิธีเอาชนะผู้ต่อสู้ที่เร็วที่สุดคือการเอาชนะผู้ทดสอบอย่างโจวยวน
สายตาจับอยู่ที่ลู่เสวียนที่พุ่งเป้าหมายมายังตนเอง โจวยวนแย้มยิ้ม รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความเวทนา เกลียดชังรุนแรงและเย้ยหยัน
ราวกับว่านางกำลังโทษตัวเองที่ตาบอดเคยตกหลุมรักศัตรูที่ฆ่ามารดาของตน
“ลู่เสวียน ข้าจะถ่วงเขาเอาไว้เอง เจ้ารีบจัดการโจวยวนซะ” ในระหว่างการต่อสู้ เจียงเฮ่าได้หันไปด้านหน้าของลู่เสวียนแล้วรับมือกับคนผู้นั้น
ในขณะที่กำลังพูดอยู่ เขาก็ได้ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาเพื่อถ่วงองครักษ์ยอดฝีมืออย่างสุดกำลัง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์