“ท่านกำลังหึงรึ”
เจียงหลีไม่ยอมแสดงด้านที่อ่อนแอของตนให้เห็น และจ้องไปที่ชายผู้แข็งแกร่งจนน่าเกรงขามคนนี้
หึงงั้นรึ
เขาขมวดคิ้ว นัยน์ตาแสดงออกถึงความไม่เข้าใจว่า ‘หึงคืออะไร’
ความเย็นชาในสายตาของเขาไม่ได้หายไปเลย เพียงแค่จ้องไปที่นางด้วยสายตาอันแหลมคมนี้ก็มากพอที่จะฆ่านางได้หลายพันครั้ง
เจียงหลีเดินเข้าไปใกล้อีกก้าว “เพราะเหตุใดจึงไม่ให้ข้าเข้าใกล้ชายอื่น”
ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของจักรพรรดิก็คมขึ้นและสว่างไสวเหมือนดวงดาว ‘เพราะเหตุใด’ เขาไม่ได้พูดออกมาว่าเพราะเหตุใด แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ชอบใจยิ่งนัก
“ข้าไม่ชอบ” เขาพูดตามความจริง
คำเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำแต่กลับทำให้เจียงหลีอดยิ้มออกมาไม่ได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางและรอยยิ้มที่เหมือนดั่งดาวดวงน้อยๆ ในตาของนาง ทำให้ชายผู้นี้รู้สึกถึงความน่าเกรงขามของตนเองถูกทำลายลงเสียแล้ว
“ท่านไม่ชอบงั้นรึ ถ้าเช่นนั้นท่านชอบอะไร” เจียงหลีก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ร่างกายที่เริ่มเป็นสาวอิงแอบไปที่แผ่นอกของเขา
ท่าทางของนางที่ค่อยๆ เดินเข้าใกล้นั้น ทำให้เขาขมวดคิ้ว แต่ทว่าศักดิ์ศรีของเขาเองก็ไม่ได้ทำให้เขาถอยหลังไปแม้แต่ก้าวเดียว แม้จะโดนแผ่นอกของเขาเบาๆ ก็สามารถทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวแล้ว
ทั้งสองจ้องมองกันอย่างใกล้ชิด ลมหายใจของกันและกันก็ได้โอบรอบปลายจมูกของพวกเขา
ทันใดนั้นเจียงหลีก็เขย่งเท้า ยืดตัวและเงยศีรษะขึ้น แล้วจูบลงที่ริมฝีปากหนาของเขาเบาๆ
ช่างกล้าเสียจริง!
ดวงตาทั้งคู่ของชายผู้นี้เบิกกว้างทันที และจ้องไปที่หญิงสาวด้วยสายตาอันแหลมคมดุจมีด
“ท่านชอบแบบนี้หรือ” เจียงหลีถามพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
ชอบหรือไม่
ความโกรธในดวงตาของชายคนนี้ค่อยๆดับลง เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาไม่เพียงไม่ปฏิเสธการเข้าใกล้ของนาง แม้จะเป็นเพียงลมหายใจของนางก็ทำให้เขารู้สึกสบายได้
หลงใหล! หลงใหล! นี่คือความหลงใหล!
ชายผู้นี้พึมพำกับตนเองในใจอย่างไม่หยุด
“หึ!” เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างดุดัน แล้วหายไปต่อหน้าต่อตาเจียงหลี
เจียงหลียื่นมือออกไปเพื่อจะคว้าเขาไว้ แต่ก็พาดผ่านเรือนร่างของเขาไป แล้วจ้องมองเขาที่หายไปต่อหน้าต่อตา ความผิดหวังเสียใจปรากฏออกมาในดวงตาอันสว่างไสวคู่นั้น
แต่นางยังคงรู้สึกว่ามีความสุข เขาปรากฏตัวบ่อยขึ้น ถึงเขาจะโกรธเพราะนาง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอยากจะฆ่านางทั้งวันเหมือนก่อน และไม่ขับไล่นางไม่ให้เข้าใกล้ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดว่าเขายังคงเป็นลู่เจี้ยคนเดิม!
…
ที่ไหนสักแห่งในซิงไห่ในเมืองล่องหนนั้น เงาของคนร่างสูงยาวก็ปรากฏขึ้น ผ่านหน้าเสินอวี่และอวี้ฉี แต่กลับดูเหมือนว่ามองไม่เห็นพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาทเป็นอะไรหรือ” อวี้ฉีถาม
ความคิดอันล้ำลึกปรากฏขึ้นในดวงตาของเสินอวี่ และกล่าวอย่างรอบคอบว่า “ดูเหมือนฝ่าบาทจะเพิ่งกลับมาจากข้างนอก”
“อืม” อวี้ฉีพยักหน้า
“เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ว่าช่วงนี้ฝ่าบาทดูแปลกไป” จู่ๆ เสินอวี่ก็เอ่ยถาม
อวี้ฉีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและขมวดคิ้ว “เทียบกับเมื่อก่อน หลังจากที่ฝ่าบาทเสร็จสิ้นภารกิจ เขาควรจะเข้าสู่การเกิดใหม่ในครั้งต่อไปแล้ว”
“นั่นสิ แต่ตื่นมาครั้งนี้ ภารกิจก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว แต่ฝ่าบาทไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการเข้าสู่การเกิดใหม่อีกครั้ง” เสินอวี่บ่นพึมพำ
ดวงตาของอวี้ฉีสว่างขึ้น และตื่นเต้นขึ้นมาทันที “หรือว่า ฝ่าบาทจะจัดการวิกฤตอันใหญ่หลวงนั้นเรียบร้อยแล้ว”
เสินอวี่มองเขาอย่างพูดไม่ออก เหตุใดคนที่ปกติก็ดูฉลาดนั้น ในบางทีจึงได้ดูโง่เขลาเช่นนี้เล่า
“อืม ไม่น่าใช่ ถ้าหากว่าจัดการได้แล้วจริงๆ ฝ่าบาทไม่น่าแสดงอาการออกมาอย่างนี้” อวี้ฉี
กล่าวอย่างมั่นใจ
“ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงนี้ฝ่าบาทได้เข้าออกไปมาบ่อยครั้ง” เสินอวี่เตือน
อวี้ฉีมองเขาอย่างสงสัย “นี่หมายความว่าอย่างไร เจ้ากับข้าไม่อาจยุ่งเกี่ยวการเดินทางของฝ่าบาทได้”
“พูดจาไร้สาระ” เสินอวี่ส่ายหน้า “เจ้าสอนไม่ได้” หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หันหลังจากไป ขี้เกียจที่จะสาธยายเรื่องนี้กับอวี้ฉีต่อ
‘ท่านชอบแบบนี้หรือไม่’


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์