ผิดแล้ว เป็นข้าเอง ที่ต้องการล้มล้างตระกูลหรงของเจ้า และเป็นตระกูลหรงของเจ้าต่างหากที่สร้างความพินาศให้ตัวเอง!
น้ำเสียงของเจียงหลีราวกับว่าทะลุผ่านท้องฟ้ายามค่ำเข้าไปในหูของทุกคนในตระกูลหรง หรงเทียนเผิงตัวแข็งทื่อ สายตาที่มองไปยังจักรพรรดินีสาวเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
“ฆ่ามันนน!”
เมื่อเจียงหลีออกคําสั่ง เหล่าลูกธนูที่เตรียมไว้ก็ยิงออกไปพร้อมกันมุ่งตรงไปยังทุกคนในตระกูลหรง
ฆ่ากันเองหรือ
นอกเหนือจากการฆ่าคนของตัวเองในเส้นทางนี้แล้วมันจะทำเยี่ยงไรได้อีกเล่า
เกรงว่า เมื่อกำแพงถูกทำลายโดยการฆ่าฟันกันเอง คนตระกูลหรงที่อยู่ข้างในก็ตายไปเกือบหมดแล้ว
หรงเทียนเผิงหันหน้าไปทางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยลูกธนู และมองไปที่หญิงสาวด้วยสีหน้าเย็นชา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าจักรพรรดินีสาวผู้นี้ไม่อาจต่อกรได้ง่ายอย่างที่คิด
การสังหารเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ในบริเวณเส้นทางตรงไปยังพระราชวัง
ตระกูลหรงจัดเตรียมมาเป็นเวลานานเพื่อรอวันนี้ แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเจียงหลีคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง
การแย่งชิงอำนาจในวังนั้นทําให้คนรู้สึกหน่ายแหนงเป็นที่สุด เจียงหลียืนบนกําแพงอย่างเคร่งขรึม สีหน้าดูโดดเดี่ยว
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหรงวิ่งกรูเข้ามาหวังจะฆ่านาง แต่ถูกเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมืดหยุดไว้
เจียงหลีเหลือบมองสนามรบที่กําลังดําเนินอยู่อย่างเฉยเมย ภายในใจไม่มีคลื่นแห่งชัยชนะ เรื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำให้นางมีความยินดีเลยจริงๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหรงในวันนี้ ล้วนเป็นlสิ่งที่เขาเลือกด้วยตัวเขาเอง
เพื่อจะสงบความโกลาหลนี้ ตําแหน่งของนางในราชวงศ์จยาเซียนก็จะไม่มีใครโค่นล้มได้
ในฐานะจักรพรรดิที่ทํางานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ตราบใดที่นางสามารถนําประเทศและประชาชนให้สู่ความสงบสุขได้ ใครจะสนใจว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
ต่อให้จะมีผู้ที่ใจโลภมากก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ และยากที่จะกลับมาได้!
เมื่อเสียงการสังหารค่อยๆ เบาลง เจียงหลีก็หันหลังกลับและออกคําสั่งขณะเดินออกไปด้านนอก “คนที่เหลือ ขังมันไว้ก่อน แล้วค่อยประหารชีวิตพรุ่งนี้”
ก่อนที่จะลงมือ นางได้สั่งการล่วงหน้าแล้วว่าต้องเก็บประมุขตระกูลหรงไว้ก่อน เพื่อข่มขู่ผู้คนโง่เง่าที่มีใจก่อกบฏในราชวงศ์จยาเซียน
การกบฏที่ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าได้ดำเนินการในเวลามืดค่ำ
มันควรจะกล่าวว่า ยังไม่ทันที่ได้เริ่มก็ต้องมาสิ้นสุดลงเสียแล้วถูกบีบจนตายในฝ่ามือของจักรพรรดินีจยาเซียน
เมื่อฟ้ารุ่งสาง อวี้ซูและลู่จ้านนําคําสารภาพที่ถูกสอบสวนในยามค่ำคืนและความสัมพันธ์ระหว่างหลายฝ่ายพร้อมด้วยหลักฐานของตระกูลอื่นๆ ที่น่าสงสัยมาเข้าเฝ้าเจียงหลี
เจียงหลีไม่ได้นอนทั้งคืน พึ่งเสร็จจากการฝึกฝนไปเมื่อ
นางมองกองกระดาษที่ทั้งสองคนยกมา หลับตาลงอย่างปวดหัว “ของพวกนี้ พวกเจ้าจัดการเองก็พอแล้ว ไม่ต้องนำมาให้ข้าดู”
“ฝ่าบาท ยังไงท่านพระองค์ก็ต้องลงลายพระหัตถ์ก่อนเพคะ” อวี้ซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ลู่จ้านก็ถามขึ้นว่า “คนตระกูลหรงถูกขังอยู่ในคุกหลวง รอให้ฝ่าบาทตัดสินโทษ”
เจียงหลีประคองศีรษะขึ้น ดวงตาจับจ้องไปยังกองฎีกาเหล่านั้น มืออีกข้างพลิกไปมาอย่างสบายๆ นางถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างว่าราชกิจในวันนี้บ้าง”
“ทุกอย่างยังสงบดีพ่ะย่ะค่ะ” ลู่จ้านตอบ
เจียงหลีเอามือวางบนกระดาษเหล่านั้นและเงยหน้ามองทั้งสอง “นำหลักฐานที่รวบรวมได้ เผยแพร่ไปทั่วแผ่นดิน ทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ต้องจัดการให้หมด ตระกูลของพวกเขาต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และต้องถูกยึดคืนทรัพย์สิน ”
“เพคะ!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ทั้งสองพยักหน้า
“แล้ว…ตระกูลหรงล่ะเพคะ” อวี้ซูเอ่ยถามเสียงแผ่ว
เจียงหลีหรี่ตาลง ครู่ต่อมาก็กล่าวกับอวี้ซูว่า “เอากระดาษและพู่กันมา”
อวี้ซูก้าวไปข้างหน้าวางกระดาษให้เจียงหลี หลังจากฝนหมึกแล้วนางจึงยื่นพู่กันที่จุ่มหมึกให้กับเจียงหลี
เจียงหลีเขียนลงบนหนังสือสักพัก
ไม่รอให้อวี้ซูและลู่จ้านได้เห็นชัดเจน นางก็ทิ้งพู่กันลงแล้วออกคําสั่งกับอวี้ซูว่า “ส่งคนไปที่จวนตระกูลหรง ให้หรงจิ่งอ่านจดหมาย อืม ส่วนจวนตระกูลหรง…อย่างพึ่งทำอะไรแล้วให้หรงจิ่งตอบจดหมายก่อน”
“เพคะ” อวี้ซูพับกระดาษให้เรียบร้อยและถอยออกไป


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์