นางรำคนนั้น รูปร่างงดงามและเย้ายวนใจ ใบหน้ามีผ้าคลุมโปร่งปิดซ่อนใบหน้าที่แท้จริง แต่มันกลับเพิ่มความลึกลับและยั่วยวนใจยิ่งไปอีก
ไป๋เซี่ยงไท่ที่สนใจในตัวนางเพราะรูปร่างของนางมีความคล้ายคลึงกับเจียงหลีมาก
ครั้งแรกที่พบเจียงหลี เขาก็ตกตะลึงในความงดงามของจักรพรรดินีน้อยแล้ว ถึงแม้อายุจะยังน้อย แต่มีรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์เย้ายวน ทำให้คันไม้คันมือในใจ
เมื่อครู่ เขาจงใจใช้ถ้อยคำเอาเปรียบ แต่เมื่อเห็นว่าเจียงหลีไม่ได้โกรธเคืองอะไร ทำให้ใจเขาพะว้าพะวังอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้ เมื่อเห็นผู้หญิงที่มีเงาคล้ายเจียงหลี อารมณ์ในใจถูกเย้ายวนจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์นั้นไว้ได้
เมื่อจับต้องจักรพรรดินีไม่ได้ กับนางรำคนนี้ทำไมจะทำไม่ได้ เมื่อในใจไป๋เซี่ยงไท่คิดเช่นนี้ สายตาที่มองไปยังนางรำก็เปลี่ยนไปและเผยให้เห็นถึงความต้องการและความรุ่มร้อน
ดวงตานั้น ทำให้นางรำตกใจจนร่ายรำผิดจังหวะ
เจียงหลีที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูง จ้องมองไปยังนางรำคนนั้นที่ร่ายรำผิดจังหวะ และหันไปมองที่ไป๋เซี่ยงไท่
ท่าทางที่บ้ากาม สายตาที่กำเริบเสิบสาน ดวงตาเจียงหลีแผ่รังสีของความเยือกเย็นขึ้น และพลังวิญญาณค่อยๆ หมุนรอบมือ
นางคือหลิงไซว่ แต่ไป๋เซี่ยงไท่นั้นเป็นเพียงหลิงเจี้ยงขั้นสูง กล้าทำตัวกำเริบเช่นนี้ต่อหน้านาง!
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นถึงฮ่องเต้ของอาณาจักรจยาเซียน แต่เขาเป็นเพียงทูตที่มาเยือนเท่านั้น
ณ เวลานี้ เพลงบรรเลงหยุดลง นางรำก็จบการแสดง หลังจากนั้นก้มลงแสดงความเคารพต่อผู้ชมในท้องพระโรง แล้วค่อยๆ เดินถอยออกมา นางรำที่ต้องตาไป๋เซี่ยงไท่นั้น พยายามนำตัวหลบเข้าไปอยู่ในกลุ่มนางรำ เพื่อหลบหลีกสายตาน่ากลัวที่จดจ้องมายังนาง
“ช้าก่อน”
แต่ทว่า ในขณะที่นางกำลังจะออกจากตำหนัก ไป๋เซี่ยงไท่ได้เปิดปากพูด
นางเงยหน้าขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก และสบตากับดวงตาที่กำเริบเสิบสานทำตามใจตนอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดของไป๋เซี่ยงไท่ เขาทำคล้ายกับกำลังล่าสัตว์ ทำให้นางที่คิดว่าจะสามารถหนีพ้น กลับทำให้ความหวังของนางถูกดึงกลับมาอย่างโหดเหี้ยมคล้ายถูกผลักไปเหวลึกอย่างสิ้นหวัง
คนในตำหนักล้วนเป็นผู้สูงศักดิ์ มิใช่นางรำจะหาเรื่องได้
ไป๋เซี่ยงไท่เปิดปากพูด นางรำที่กำลังถอยออกไปต่างหยุด นางรำคนนั้นก็จนปัญญา ทำได้ได้เพียงหยุดตามคนทั้งกลุ่ม กังวลใจและดวงตาก็ปรากฏความสิ้นหวัง
สิ่งที่ไป๋เซี่ยงไท่กระทำนั้น ทำให้ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลง ใบหน้าค่อยๆ มีความเยือกเย็นปรากฏขึ้น
“จักรพรรดินี ข้าอยากจะขอหญิงคนหนึ่งจากพระองค์!” ไป๋เซี่ยงไท่มองมาที่เจียงหลี และเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
จงเจิ้งเหยี่ยคิ้วขมวด ส่งเสียงเบาเอ่ยห้าม “ไป๋เซี่ยงไท่อย่าทำตัวบ้าบิ่น”
น่าเสียดายที่ไป๋เซี่ยงไท่มิได้สนใจเขา ยังคงมองไปยังเจียงหลีอย่างหยิ่งผยอง และรอตำตอบจากนาง
“อืม จะขอคนไหนหรือ” เจียงหลีเม้มปาก สีหน้ายิ้มแย้มแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น
“นาง!” ไป๋เซี่ยงไท่ยกมือขึ้น ชี้ไปนางรำคนนั้นที่เนื้อตัวสั่นเทาไร้เรี่ยวแรง “จักรพรรดินี ข้าสนใจนาง อยากให้นางไปอยู่กับข้าคืนนี้ หากนางปรนนิบัติข้าได้ถูกใจ ข้าจะพานางกลับไปเป่ยโหรว ไม่ทราบว่าจักรพรรดินีจะสละนางให้ข้าได้หรือไม่”
เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา บนใบหน้าของนางรำมีความหวาดกลัวปรากฏอยู่ จึงรีบคุกเข่าหมอบลงกับพื้นเพื่อร้องขอความเมตตา “ฝ่าบาท! ฝ่าบาท ข้าน้อยอยากรำถวายอยู่ที่วังหลวงเพคะ ไม่ยินยอมจะไปปรนนิบัติใคร”
คำปฏิเสธของนาง ทำให้ไป๋เซี่ยงไท่โกรธจนคิ้วกระตุก
เขาทำเสียงฮึดฮัด เอ่ยกับเจียงหลี “จักรพรรดินี ก็แค่นางรำธรรมดา พระองค์คงไม่ใจแคบกับข้าหรือไม่”
คำพูดเช่นนี้ ดูเหมือนจะพูดจาเสียดสีเจียงหลีว่าไม่ได้ใจกว้างเหมือนฮ่องเต้เป่ยโหรว
“ไป๋เซี่ยงไท่!” จงเจิ้งเหยี่ยนส่งเสียงเตือน
ไป๋เซี่ยงไท่กับทำท่าทีจองหองมองไปที่เขา “ข้าแค่จะขอนางรำเพียงคนเดียว เรื่องแบบนี้ในตระกูลผู้มีอำนาจที่เป่ยโหรวของเราก็ทำกัน แต่ทำไมที่อาณาจักรจยาเซียน ถึงได้ใจแคบเช่นนี้”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์