ทันใดนั้นการบีบอัดที่น่ากลัวเยื้องกรายเข้ามาปกคลุมร่างของลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
“ระวัง!”
มันแทบจะมาพร้อมเสียงเตือนของเจียงหลี ลู่เสวียนคว้ามือของเหวินเหรินชิ่งชิ่งแล้วพานางลงมาจากขั้นบันไดและยืนขนาบข้างเจียงหลีตามสัญชาติญาณ
“โฮกกก!”
“นี่เกิดอะไรขึ้น พวกมัน!” ลู่เสวียนมองฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เจียงหลีเม้มริมฝีปากแน่น สายตาอันเคร่งขรึมมองไปที่ประตูหินสูงใหญ่เช่นกัน
เสาสองต้นนั้นสูงพอๆ กับประตูหิน รอยแกะสลักรูปสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นคาดไม่ถึงว่าเมื่อครู่นี้จะมีชีวิตปรากฏออกมาตรงหน้าพวกเขาจริงๆ
ร่างหินแกะสลักของสัตว์ประหลาดที่คล้ายมังกรก็มิใช่งูก็มิเชิง รูปร่างของมันราวกับหินภูเขาไฟที่หลอมละลายในดินแตกระแหงไหลรวมเป็นแสงสีแดงเพลิงหยาดเยิ้ม ร่างกายท่อนบนของพวกมันไร้ซึ่งพันธนาการจากเสาหิน หลังจากที่ลอบโจมตีเมื่อครู่นี้ ส่วนหัวของพวกมันก็พันเกี่ยวเลี้ยวลดจากด้านหน้าประตูหินเพื่อขวางทางพวกเขาเอาไว้
ในขณะที่ท่อนล่างของพวกมันยังคงถูกแกะสลักอยู่บนเสาหินเอาไว้อย่างมั่นคง
ตกลงสัตว์ประหลาดนี้มีชีวิตจริงหรือไม่ เจียงหลีลอบพูดในใจ จู่ๆ สัตว์ประหลาดก็ ‘ฟื้นคืนชีพ’ แม้จะประหวั่นพรั่นพรึงบ้าง แต่พวงมันยังถูกจองจำอยู่ในเสาหิน ขอเพียงไม่เข้าไปใกล้ก็จะไม่ถูกมันข่มขู่ ซึ่งข้อนี้เองทำให้เจียงหลีใจเย็นลง
“นี่ เจ้ารีบปล่อยข้าซะ!” ข้างหลังของเขามีเสียงพึมพำไม่พอใจของเหวินเหรินชิ่งชิ่งดังขึ้นมา
แววตาเจียงหลีวาวโรจน์ ไม่ได้ให้ความสนใจกับทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง
เมื่อถูกเหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเตือนสติ ลู่เสวียนถึงได้สังเกตว่าเมื่อครู่นี้ภายใต้เหตุการณ์ฉุกละหุก คิดไม่ถึงว่าเขาจะลืมปล่อยมือนางเสียนี่
ใบหน้าของใครบางคนแดงระเรื่อถูกปล่อยมือราวกับโดนเข็มทิ่มตำ เพื่อเป็นการปกปิดความเขินอายของตน ลู่เสวียนก็ตอบแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง “เหอะ ยังไม่รู้จักขอบคุณผู้มีพระคุณสักคำ”
เดิมทีคิดว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งจะโมโหเขากลับมาเหมือนครั้งก่อนๆ แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป สาวน้อยกลับมีสีหน้าเคอะเขินทั้งยังกระซิบเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณ”
เอ่อ…
เมื่อลู่เสวียนได้ยินคำขอบคุณก็เผยสีหน้าตกตะลึงราวกับว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดหน้าประตูหินเสียอีก
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเบิกตาโตจ้องเขาแล้วยื่นขาออกไปเหยียบเท้าเขาเต็มแรง
ซี๊ดดด!
เมื่อลู่เสวียนถูกจู่โจมกะทันหันก็เจ็บจนร้องซี๊ดแล้วเบิกตามองนาง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเผยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ
“ผู้หญิงปากจัด” ลู่เสวียนขบกรามพูดสองคำนั้นในลำคอ
“เลิกทะเลาะกันสักที” เจียงหลีเข้าใจสองคนที่เย้าแหย่กันข้างหลังอย่างชัดเจน นางจึงเอ่ยเสียงปรามทั้งสองเอาไว้
ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งจึงเงียบเสียงพร้อมกัน พวกเขาไม่ลืมว่ายังมีสัตว์ประหลาดสองตัวกำลัง
จ้องเขมือบเราอยู่
“พวกมันขวางประตูเอาไว้แล้ว” ลู่เสวียนที่ยืนข้างเจียงหลีมีสีหน้าเคร่งขรึม
ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างสองคนช่างคลุมเครือดูเหมือนไม่ได้เป็นเพียงนายบ่าวเท่านั้น ในสายตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งมีความประหลาดใจ แม้แต่นางยังรู้สึกว่าหลังจากเข้าไปในสุสานโบราณแล้ว ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ลู่เสวียนต้องเอาแต่ถามความคิดเห็นของเซ่าจจวินผู้นี้อย่างแน่นอน
แต่ทว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาติดตามเรื่องเหล่านี้
“เช่นนั้นก็ฆ่ามันซะ”
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเบิกตาโตทันทีแล้วมองไปที่เจียงหลี ประโยคที่ดูใจกล้าบ้าบิ่นเมื่อครู่นี้ คือนางพูดออกมาเองหรือ “ตกลงพวกมันเป็นตัวอะไรเราก็ไม่รู้ แล้วจะฆ่ามันได้อย่างไร”
“ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไร โจมตีจนพวกมันไม่เป็นรูปเป็นร่างก็สามารถฆ่ามันตายได้แล้ว” หลังเจียงหลีเอ่ยเสร็จสิ้น เงาร่างของนางก็ส่องประกาย จากนั้นจึงหายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน
นางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มายืนอยู่ด้านล่างของสัตว์ประหลาดทั้งสองตัวแล้ว
เมื่อเห็นว่านางปรากฏตัวบนขั้นบันได จู่ๆ ลำคอที่พันเลื้อยก็คลายจากกัน ในขณะเดียวกันก็อ้าปากกว้างน่าสะพรึงราวกับจะกลืนนางลงท้องเข้าไปในทันที

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์