จะฆ่าข้าหรือ หลังจากที่เจียงหลีเปลี่ยนใบหน้าใหม่ รอยยิ้มพิลึกก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนางและเดินโผงผางไปที่ประตูเมือง
กลัวพวกเขาจะคิดว่าหลังจากนางสังหารคนแล้วจะหลบหนีไปไม่กล้ากลับมาชิ่งตูอีก
อาจเป็นไปได้ว่าตระกูลไป๋เซี่ยงเป็นผู้ริเริ่มคำสั่งจับกุมแล้วถูกติดประกาศไปตามถนนหนทางกลับราชวงศ์จยาเซียนแล้ว
ผู้คนต่อแถวรอทหารยามตรวจตราก่อนแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปในเมือง
เจียงหลีอ่านใบติดประกาศ นอกจากประกาศจากทางการของเป่ยโหรวแล้วข้างๆ กันยังมีติดประกาศตบรางวัลจากตระกูลไป๋เซี่ยงอีกด้วย
หินวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน เจียงหลีเบะปากด้วยความรังเกียจ นางมีค่าแค่นี้เองหรือเนี่ย
“หยุด!” เสียงของทหารยามดังมาจากข้างหน้า เจียงหลีหยุดฝีเท้าแล้วมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ทหารยามผู้นั้นเปรียบเทียบใบหน้านางอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังจากยืนยันแล้วว่านางไม่ใช่คนในรูปวาดจึงหลีกทางให้เจียงหลีเดินเข้าไป “คนต่อไป”
เมื่อเข้ามาในเมืองอย่างปลอดภัยแล้วเจียงหลีอดยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเองไม่ได้ เชียนเหยียนพันหน้านี่ดีจริงๆ ลู่เจี้ยหยิบของสิ่งนั้นออกมา กลับไปข้าต้องตบรางวัลให้อย่างงามสักหน่อยแล้ว เมื่อหาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลในการทำตัวไร้สาระแล้วดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงและยิ้มจนดวงตาเหมือนพระจันทร์เสี้ยวสองดวง
ในเมื่อถูกป่าวประกาศไปแล้ว เจียงหลีก็ไม่อาจเดินไปเรือนรับรองซื่อฟางได้อย่างสง่าผ่าเผยอีกแล้ว เรือนรับรองซื่อฟางเป็นเสมือนสถานทูตรับรองทูตจากต่างประเทศและได้รับการคุ้มกันโดยทหารยามที่อยู่รอบๆ คณะทูตที่มาเป่ยโหรวครั้งนี้ต่างลงทะเบียนกันหมดทุกคน ตอนนี้นางกลับมาพร้อมรูปลักษณ์แปลกหน้า ต้องถูกกักอยู่ด้านนอกประตูแน่ๆ แล้วอาจจะดึงดูดให้พวกเป่ยโหรวเกิดความสงสัยได้
เจียงหลีก็เลยเดินเล่นตามถนนก่อนสักพักแล้วสุ่มเลือกโรงน้ำชาสักโรงเพื่อเข้าไปหาที่นั่ง
ทางด้านลู่เสวียน
ฮ่องเต้เป่ยโหรวนยังต้องการลู่เจี้ยอยู่ ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยห่วงความปลอดภัยของเขาเท่าใดนัก
ขณะเดียวกัน ณ พระราชวังเป่ยโหรว ลู่เสวียนเข้าพบเป่ยเหมินเวยเพียงลำพัง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งหายเข้ากลีบเมฆไม่รู้ไปไหน
“ฝ่าบาทเรียกข้ามา มีเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” พอนั่งลงแล้วลู่เสวียนก็เอ่ยถาม จิตใจของเขากระวนกระวายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ท่าทางนั่งไม่ติดเก้าอี้ทำให้เป่ยเหมินเวยยิ้มขำกว่าเดิมหลายเท่า “ดูท่าทางหยวนหวังประหม่ามาก ท่านคงเป็นห่วงความปลอดภัยของนางกำนัลนั่นมากสินะ”
“เซ่าจวินโตมากับข้า ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นนายบ่าวกันแต่กลับเหมือนพี่น้องกันมากกว่า นางถูกตระกูลไป๋เซี่ยงรังแกข่มเหงเยี่ยงนี้ ข้ากลับไม่มีปัญญาช่วย จะไม่ให้ข้ากระวนกระวายเป็นห่วงได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เสวียนบ่นด้วยความขุ่นเคือง
เป่ยเหมินเวยยกยิ้มเล็กน้อย “เรื่องก็ผ่านไปแล้ว ชิ่งชิ่งเล่าให้ข้าฟังทุกอย่างแล้ว คราวนี้ตระกูลไป๋เซี่ยงทำเกินกว่าเหตุจริงๆ หาโอกาสโลภแย่งเอาของในมือแม่นางเซ่าจวินแล้วยังใส่ร้ายแม่นางเซ่าจวินอีก เพียงแต่ว่าหยวนหวังท่านรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ท่านออกมา”
“เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เสวียนมีสีหน้างุนงง
รอยยิ้มอบอุ่นของเป่ยเหมินเวยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่แววตากลับเป็นประกายวูบไหว “เช้านี้ ข้าได้รับข่าวด่วนจากตระกูลไป๋เซี่ยง คนในตระกูลของพวกเขาที่ล่วงหน้าไปฝึกประสบการณ์ก่อนถูกฆ่าตายทั้งหมดแล้วฆาตกรก็คือ แม่นางเซ่าจวิน พวกเขายังให้ข้าออกหมายจับให้ความร่วมมือกับตระกูลพวกเขาในการตบรางวัลและเตรียมการเพื่อจับตัวแม่นางเซ่าจวิน”
“เป็นไปไม่ได้!” ลู่เสวียนตกตะลึงลุกยืนขึ้น
เป่ยเหมินโหรวมองสีหน้าเขาอย่างละเอียดแล้วเอ่ยกับเขาอย่างเห็นด้วย “ใช่น่ะสิ ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แม่นางเซ่าจวินเป็นเพียงนางกำนัลจะเอาปัญญาที่ไหนไปฆ่าคนของตระกูลไป๋เซี่ยงมากมายขนาดนี้”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ตระกูลไป๋เซี่ยงต้องใส่ร้ายแน่ๆ” ลู่เสวียนรีบเอ่ยขึ้น
“ใส่ร้ายหรือ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดซะทีเดียว” เป่ยเหมินเวยส่ายหน้าช้าๆ “คนของตระกูลไป๋เซี่ยงตายนั้นเป็นเรื่องจริง”
ลู่เสวียนหน้าถอดสี สุดท้ายเขาก็นั่งลงไปอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทเรียกข้ามาเพื่ออะไร เมื่อตามจับเซ่าจวินไม่ได้ก็จะส่งกระหม่อมไปรับโทษแทนที่ตระกูลไป๋เซี่ยงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“มิใช่หรอก! หยวนหวังเป็นแขกของข้า ข้าจะส่งตัวท่านไปตระกูลไป๋เซี่ยงได้เยี่ยงไร” เป่ยเหมินเวยเอ่ยตอบ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์