เงาทำตามคำสั่งของเจียงหลี หลังจากที่ทิ้งของที่ควรทิ้งเขาก็รีบถอยไป แต่ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อนไปรวมตัวกับเจียงหลี แต่กลับเปลี่ยนเส้นทางไปยังเรือนรับรองซื่อฟางแทน
แน่นอนว่านี่ก็เป็นคำสั่งของเจียงหลีเช่นกัน นางอยากให้ส่งจดหมายถึงลู่เสวียน ถือเสียว่าไปรับรู้สถานการณ์ทางลู่เสวียนที่กลับมาด้วย
ตอนนี้สถานะของนางช่างละเอียดอ่อนนัก มีเงาคอยจัดการแทนเงียบจะเป็นการปลอดภัยที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้นทหารองครักษ์ในเรือนรับรองซื่อฟางไม่สามารถหาร่องรอยของเงาเจอได้
ในท่าร่างพลางตัว เจียงหลีนับถือที่ลู่เสวียนฝึกฝนเงาออกมาได้อย่างไร บางครั้งทั้งๆ ที่เขายืนอยู่ตรงนั้น แต่เจ้าก็จะไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเขา
เมื่อดูละครจบ เจียงหลีก็ถึงคราวต้องออกไปจากที่นี่
ในขณะที่นางกำลังเดิน เป่ยเหมินเจวี๋ยก็รีบพาคนเข้ามาพบไป๋เซี่ยงกง
เพียงแต่ว่าตอนนี้ไป๋เซี่ยงเลี่ยกลับชักสีหน้าใส่เขา “เฉิงหวังเสด็จมากะทันหัน ขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับ”
ดูเหมือนเป่ยเหมินเจวี๋ยจะไม่ได้ยินความหมายประชดของเขา เพียงแต่เอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้ามาที่นี่ ดูว่าตระกูลไป๋เซี่ยงเกิดเรื่องอันใดขึ้น เผื่อจะมีที่ต้องการความช่วยเหลือ”
“ขอบพระทัยในน้ำใจของฝ่าบาท เรื่องของตระกูลไป๋เซี่ยงกระหม่อมจัดการเองได้ ธุระในเรือนยังมีอีกมากไม่สะดวกรับแขก เชิญเฉิงหวังเสด็จกลับไปเถิด” ไป๋เซี่ยงกงยิ้มเย็นเยียบ น้ำเสียงแข็งกระด้าง
เฉิงหวังเป่ยเหมินเจวี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าค่อยๆ เย็นชา “ไป๋เซี่ยงกง เจ้าอย่าปฏิเสธน้ำใจของฝ่าบาทเลย”
“ฝ่าบาททรงต้องการให้เฉิงหวังมาดูให้เห็นกับตาว่าตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าถูกเผาไหม้วอดวายเช่นนี้แล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เซี่ยงกงประชดประชัน
“หึ! กำเริบเสิบสาน” เป่ยเหมินเจวี๋ยสบถเสียงเย็นแล้วสะบัดชายแขนเสื้อออกไป
เมื่อสายตามองตามเงาร่างของเป่ยเหมินเจวี๋ยที่จากไป รอยยิ้มแดกดันบนใบหน้าของไป๋เซี่ยงกงนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า ในอ้อมแขนของเขายังคงมีตราสัญลักษณ์ขององครักษ์เงาอยู่
ยิ่งเวลานี้เป่ยเหมินเจวี๋ยมาที่นี่เป็นคนแรก ไม่ให้เขาสงสัยราชวงศ์คงเป็นไปได้ยาก
เพียงแต่เพราะเหตุใดทางราชวงศ์ถึงต้องทำเช่นนี้ หรือในที่สุดก็อดทนไม่ไหวจนอยากลงมือกับตระกูลไป๋เซี่ยงของข้า แต่แล้วทำไมต้องเลือกโอกาสนี้ ไป๋เซี่ยงกงครุ่นคิดในใจ
ทันใดนั้น เขาคิกว่าตนเองหาคำตอบได้แล้ว เขาแสยะยิ้มแล้วพึมพำ “คิดว่าตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าสูญเสียบรรดาเทียนเจียวไปไม่น้อย แล้วยังมีเรื่องของฉางเหล่าอีก แค่นี้ก็คิดว่าพวกเราสูญเสียอำนาจไปแล้วหรือ”
เขามองว่าการลอบวางเพลิงครั้งนี้เป็นช่องทางให้ราชวงศ์มีปัญหากับตระกูลไป๋เซี่ยง
แต่ใครจะรู้ว่าความคาดเดาของเขาจะตรงกับความตั้งใจของเจียงหลี
ในที่สุดฟ้าก็สว่างแล้ว
เรื่องที่ไฟไหม้บ้านตระกูลไป๋เซี่ยงเมื่อคืนนี้ลือกระฉ่อนไปทั่วทั้งชิ่งตู เกือบจะทุกคนที่ถกเถียงพูดคุยถึงประเด็นนี้
แต่สิ่งที่เจียงหลีสนใจกลับไม่ใช่เรื่องนี้
ตอนเช้าหลังจากตื่นนอน นางรับประทานอาหารเช้าแล้วฟังรายงานจากเงา
เมื่อสิ้นเสียงเขาเจียงหลีก็วางถ้วยและตะเกียบแล้วเอนพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้าน นิ้วนางเคาะเบาๆ ที่พนักวางแขน “ดูท่าทาง เป่ยเหมินเวยคงอยากยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับลู่เสวียน หวังจะให้หลังจากลู่เสวียนกลับราชวงศ์ไปแล้วติดต่อกับพวกเก่าแก่ของตระกูลลู่เพื่อจัดการข้าใช่หรือไม่”
“องค์ชายยังกล่าวอีกว่า พวกเขาต้องการใช้ประโยชน์จากการต่อสู้ของพวกท่านอย่างแน่นอน จากนั้นจึงโจมตีอย่างอุกอาจ สงครามภายในพร้อมกับศัตรูต่างแคว้น ราชวงศ์จยาเซียนจะล่มสลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และจะตกอยู่ในเงื้อมมือของเป่ยโหรว” เงากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
เจียงหลีเลิกคิ้วอย่างยียวน “เป่ยเหมินเวยตกลงผลประโยชน์อะไรกับลู่เสวียน”
“…” เงานิ่งเงียบ
เจียงหลีเบนสายตามองเขาแล้วเข้าใจในทันที ปัญหานี้หากลู่เสวียนไม่บอกเองเงาก็ไม่ถาม หรือไม่ก็การตกลงเจรจาของลู่เสวียนและฮ่องเต้เป่ยโหรวยังไม่ได้ลงลึกในขั้นตอนนี้
เจียงหลีถอนสายตากลับมาแล้วค่อยๆ นั่งหลังตรง เคาะนิ้วบนโต๊ะแล้วเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ดูแล้ว ข้าต้องไปเจอหน้าเจ้านั่นเองซะแล้ว”
เงามองนางอย่างประหลาดใจ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์