“หลีเอ๋อร์รึ”
น้ำเสียง อ้อมกอดและบรรยากาศอันแสนคุ้นเคยทำให้การมองเห็นของเจียงหลีแปรเปลี่ยนจากพร่ามัวเป็นคมชัดขึ้นมา
เมื่อนางมองเห็นชัดว่าชายคนใดที่กอดนางเอาไว้ในอ้อมอกมือของนางก็ยกขึ้นคล้องคอของเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้วแนบชิดอิงแอบอ้อมกอดของเขา จากนั้นจึงบิดเร้าตัวเองในท่วงท่าที่เย้ายวน
“ลู่เจี้ย”
เจียงหลีเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงแผ่วเบา
ขณะนั้นนางถึงได้สังเกตว่าบนเรือนร่างของตัวเองและชายหนุ่มสวมเพียงเสื้อคลุมบางเบาเท่านั้น เส้นผมของทั้งสองปล่อยสยาย นอนกอดก่ายเกี่ยวพันกันตามอำเภอใจบนที่นอน
สาปเสื้อของลู่เจื้ยแยกออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแรงงามเรียงตัวเป็นเส้นหนั่นแน่นและกระดูกไหปลาร้าคมสวยภายใต้อาภรณ์ปรากฏให้เห็นวับๆ แวมๆ ต่อหน้านาง
ภาพที่น่าดึงดูดเช่นนี้น่าตื่นเต้นจนเจียงหลีอดลอบกลืนน้ำลายไม่ได้ ดวงตาเป็นประกายของนางฉายแววซุกซน จ้องเม็ดถั่วแดงสองเม็ดภายใต้อาภรณ์ตาไม่กะพริบ
“หลีเอ๋อร์กำลังมองอะไร” นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มช้อนค้างของนางขึ้นมาเบาๆ เพื่อให้หันมาสบตาเขา
นางมองเห็นตัวเองในดวงตาลูกแก้วเคลือบใสเป็นประกายของเขา แล้วก็มองเห็นความตะลึงที่ซ่อนได้ยากของเขา “ในที่สุดหลีเอ๋อร์ของข้าก็โตเป็นสาวแล้ว”
นี่คือถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ไม่เพียงแต่ทำให้เจียงหลีรู้สึกเขินอายเท่านั้น แต่กลับยิ่งทำให้เจียงหลีขยับเข้าไปแนบชิดชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น น้ำเสียงของนางเจือปนความยั่วยวนน่าหลงใหลราวกับเส้นไหมที่เกี่ยวกระวัดรัดรึงต้องกายให้ชายหนุ่มเป็นผู้แก้ปม “ใช่น่ะสิ ข้าโตแล้วนะ สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้แล้วนะ”
“ปีศาจน้อย อยากยั่วข้าอีกแล้วรึ” แววตาของชายหนุ่มลุ่มลึก แววตาสีอ่อนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
เจียงหลีหัวเราะเบาๆ ยื่นมือออกไปช้อนคางของชายหนุ่มเช่นเดียวกัน ปีนขึ้นมาจากอ้อมกอดของเขาขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของเขาก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “เจ้าก็กำลังยั่วข้าอยู่มิใช่หรือ”
ทันใดนั้นร่างของเจียงหลีก็ถูกดึงอย่างแรงและทั้งร่างก็ถูกชายหนุ่มคร่อมทับไว้ใต้ร่างของเขาและทั้งสองก็โยนลงบนเตียงไปพร้อมกัน
มุมนี้ยิ่งทำให้นางเห็นอะไรต่อมิอะไรชัดเจนขึ้นเมื่อเสื้อของชายหนุ่มแหวกออก เมื่อยิ่งชัดเจนมากขึ้นก็ยิ่งทำให้เจียงหลีอยากกลืนกินชายหนุ่มผู้นี้ลงไปอย่างอดใจมิไหว
“หลีเอ๋อร์โตเป็นสาวแล้ว ข้าก็ไม่ต้องอดทนอีกต่อไป” ชายหนุ่มยกยิ้ม ภาพลักษณ์เย็นชาสูงส่งดั่งเช่นเมื่อก่อน เวลานี้กลับไม่หลงเหลืออีกแล้ว
เขาอวตารเข้าสู่โลกแห่งชายหญิง สถานะดั้งเดิมเป็นตัวแทนของสายตาที่เคารพบูชาสวรรค์ แต่เพราะหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขาสับสนดำดิ่งไปหมด
“จริงด้วย ไม่ต้องทนอีกแล้ว” ใบหน้าที่สวยงามน่าหลงใหลของเจียงหลีเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนยั่วยวน
แววตาของชายหนุ่มจมดิ่งอีกครั้งอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป เขาก้มหน้าแล้วปิดริมฝีปากอันยั่วยวนของหญิงสาว
ทันใดนั้นเจียงหลีก็ลืมตาขึ้นในถ้ำ
บนแก้มของนางยังคงมีหยาดน้ำสีแดงที่ยังไม่จางหายไป ฉากแห่งความน่าอับอายในความฝันยังคงอยู่ในหัวของนาง
ความร้อนที่แผ่ออกมาจากผิวหนังทำให้นางเอื้อมมือขึ้นมาตบแก้มเบาๆ ด้วยความเขินอาย ปากก็บ่นพึมพำ “สมควรตาย! ข้าคงคิดถึงเขามากไปใช่หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าจะฝันเช่นนี้ได้!”
นางยังคงมีจิตใจว้าวุ่นเพราะเหตุการณ์ในความฝัน ในขณะที่กำลังสับสนเจียงหลีก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเจ้าก้อนขนที่นอนกอดตลอดทั้งคืนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
ดวงตาลูกแก้วใสคู่นั้นซุกซ่อนไปด้วยความขบขัน
หลังจากได้ยินเจียงหลีบ่นพึมพำมันยังแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ซึ่งไม่สอดคล้องกับภาพลักษณ์น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้
“ฟ้าสว่างแล้ว!” อารมณ์ของเจียงหลีค่อยๆ สงบลงอีกครั้ง นางมองกองไฟที่วอดแล้วและปากถ้ำที่มีแสงสว่างลอดผ่านเข้ามา
นางอุ้มเจ้าก้อนลุกขึ้นเดินออกไปยังปากถ้ำ



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์