กลิ่นคาวเลือดแรงมาก
กลิ่นอายที่มาพร้อมกับสายลม ทำให้ทุกคนในสำนักพรตเสวียนหมิงที่ไล่ตามมาด้านหลังตกใจกันยกใหญ่
“กลิ่นอายของคนตาย” ผู้คุมห้องขังกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เขาเดาได้ทันทีว่าจุดจบของหันอวี้และคนอื่นจะเป็นเช่นไร
“ธิดาสวรรค์ชิงหว่าน” ผู้คุมห้องขังกล่าวกับคนในรถม้า
ชิงหว่านที่อยู่ในรถม้าร่างกายสั่นเทาแล้วตอบกลับอย่างหวาดกลัวว่า “มี…มีเรื่องอะไรหรือ”
“ทาสต่ำต้อยนั้นยังอยู่อีกไกลแค่ไหน” ผู้คุมห้องขังถามอย่างไม่อ้อมค้อม หากเดินทางต่ออีกนิดก็จะเลยพื้นที่ของสำนักพรตเสวียนหมิงแล้ว การจับคนในพื้นที่คนอื่น ถึงแม้สำนักพรตเสวียนหมิงของพวกเขาจะไม่เกรงกลัวก็ตามแต่ก็วุ่นวายไม่น้อยเช่นกัน
โดยเฉพาะเรื่องที่ประมุขสำนักพรตถูกลอบสังหารเรื่องนี้ต้องห้ามหลุดออกไปเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ใครฉวยโอกาสสร้างความเดือดร้อนได้
“ไม่…ไม่ไกลแล้วล่ะ” ชิงหว่านตอบด้วยน้ำเสียงลังเล
สายตาผู้คุมนิ่งแล้วถามด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ไม่ไกลคือไกลแค่ไหน” ในขณะที่ชิงหว่านยังมิได้ตอบกลับนั้น เขาก็พูดเตือนนางอีกครั้งว่า “ธิดาสวรรค์ท่านอย่าลืมล่ะว่าจุดประสงค์ที่ท่านประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงให้ท่านตามข้ามาด้วยคือเหตุอันใด หากปล่อยให้นางทาสต่ำต้อยนั้นหลุดมือไปได้ล่ะก็ ท่านจะบอกกล่าวแก่ท่านประมุขว่าอย่างไร นางทาสต่ำต้อยหลุดไปได้ตลอด แต่ท่านล่ะ ท่านจะรองรับอารมณ์ของท่านประมุขสำนักได้รึ”
“ข้า…” น้ำเสียงของชิงหว่านยิ่งสั่นเครือ
นางจะไม่กลัวได้อย่างไร เห็นจุดจบของซู่ซินเช่นนั้นแล้วหากนางไม่หวาดกลัวคือเรื่องเท็จ เมื่อนึกย้อนถึงสภาพอนาถของซู่ซินตอนนั้นแล้ว นางก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่างกาย
“นาง…นางอยู่ข้างหน้าอีกสิบลี้…” ในที่สุดชิงหว่านก็ได้แจ้งตำแหน่งเฉพาะของเจียงหลีออกมาจนได้
ผู้คุมห้องขังได้ยินคำตอบที่พอใจ มุมปากก็เผยรอยยิ้มอันดุร้ายออกมา
วิ้ง! ร่างของเขากลายเป็นเงาจางๆ ในชั่วพริบตาและมุ่งไปทางข้างหน้าอีกสิบลี้
การเคลื่อนไหวของเขาครั้งนี้ ก่อให้เกิดพายุที่แรงมากลูกหนึ่ง แรงจนเหล่าทหารของเสวียนหมิงเดินทางอย่างโซซัดโซเซ ขนาดรถม้าที่ชิงหว่านนั่งอยู่ยังขับเคลื่อนจนผ้าม่านเปิดออก เผยให้เห็นถึงใบหน้าอันซีดเซียวของนาง
“เร็วเข้า! เร่งฝีเท้าเร็ว”
“คนส่วนหนึ่งให้ไล่ตามไป ที่เหลือให้คอยคุ้มครองธิดาสวรรค์แล้วตามมาด้านหลัง”
ในขณะที่ทุกคนดึงสติกลับมาได้นั้นก็รีบเคลื่อนไหวเลยทันที
ชิงหว่านที่นั่งอยู่ในรถม้าส่ายหน้าอย่างรุนแรง สีหน้าซีดเซียวและพึมพำเสียงต่ำ “ไม่…ไม่…ข้าไม่ไป…”
นางในตอนนี้ รู้สึกกลัวที่จะต้องเจอกับเจียงหลี
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายช่วยเหลือนางไว้หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่นางกลับเปิดเผยตำแหน่งของเจียงหลีออกไปจนได้
เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของนางก็มีคนจากด้านนอกปลอบใจนางด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ธิดาสวรรค์มิจำเป็นต้องรู้สึกผิดไปหรอก ทาสต่ำต้อยนั้นกล้าทำร้ายท่านประมุขสำนัก ยังทำลายประตูสำนักพรตเสวียนหมิงของข้าและสังหารคนในสำนักไปนับไม่ถ้วน นางเป็นคนทรยศและคนบาปของสำนักเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ท่านเป็นถึงธิดาสวรรค์สำนักของเรา ต้องคิดเผื่อสำนักเราอยู่แล้ว นี่เป็นหน้าที่ของท่านที่จะจับกุมตัวนางทาสต่ำต้อยนั้นเพื่อสำนักของเราและเพื่อท่านประมุขสำนักด้วย”
สีหน้าของชิงหว่านมิได้ดีขึ้นเพราะคำพูดของเขา แต่นางก็ได้ลองพูดกล่อมตัวเองด้วยเช่นกัน ใช่สิ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเจียงหลีทั้งนั้น ข้าคิดถึงเรื่องอดีตเลยช่วยนางหลบหนี แต่ทว่ายันต์ธาราทมิฬบนตัวนางเอง ทำให้ไม่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของสำนักพรตเสวียนหมิงได้ เป็นเช่นนี้จะโทษข้าได้อย่างไรข้า…ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ธิดาสวรรค์อย่างข้าควรทำเท่านั้นเอง
ใช่!
สายตาชิงหว่านเปล่งประกายขึ้น นางนึกถึงสัตว์เลี้ยงของเจียงหลี นางยังมีสัตว์เลี้ยงที่เก่งกาจเช่นนั้น มิน่าจะจับตัวได้ง่ายๆ หากผู้คุมห้องขังไม่มีปัญญาจับกุมตัวนางได้ นางก็จะสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย เช่นนั้นก็มิเกี่ยวกับข้าแล้ว
ในเวลาเช่นนี้ทำให้ชิงหว่านได้แต่ภาวนาในใจให้เจียงหลีโชคดีสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัย
แต่หนทางข้างหน้า ผู้คุมห้องขังก็ยิ่งเข้าใกล้ตำแหน่งของเจียงหลีมากขึ้นแล้ว ในขณะนี้ เจียงหลีเดินทางมาถึงชายแดนเมืองด้านนอกของสำนักพรตเสวียนหมิงแล้ว เพียงแค่นางเดินต่อไปอีกนิดก็จะถึงเขตของกลุ่มอำนาจอื่นได้ในที่สุด
“นางทาสต่ำต้อยหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์