“หินวิญญาณอย่างนั้นหรือ”
ท่าทางตกตลึงของกงเสวี่ยฮวาทำให้เจียงหลีตกใจ
นางจ้องมองเขาและดุด่าว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไรกัน!”
มุมปากของกงเสวี่ยฮวากระตุกอย่างรุนแรง ชี้ไปที่ถุงในมือของนางและพูดอย่างอ่อนแรงว่า “เจ้าเปิดมันดู ว่ามีอะไรอยู่ข้างในกันแน่”
เจียงหลีเปิดถุงอย่างสงสัยและหยิบหินขนาดสองนิ้วออกมาหนึ่งก้อน หินมีสีเข้มมาก แต่ก็มีความโปร่งใสอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากหินวิญญาณทั่วไปและพลังวิญญาณก็เยอะกว่า
“นี่คือผลึกหินวิญญาณ เมื่อเทียบกับหินวิญญาณแล้วมีขั้นสูงกว่า หินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนสามารถแลกเป็นผลึกหินวิญญาณได้เพียงก้อนเดียว ในถุงใบนี้ของเจ้า มีผลึกหินวิญญาณอย่างน้อยหนึ่งร้อยก้อน นี่คือค่าตอบแทนต่ำสุดของหลิงซือที่ฝึกฝนด้านการรักษา” กงเสวี่ยฮวากล่าวพร้อมกับส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเจียงหลีมาจากป่าลึกภูเขาสูงที่ไหนกัน ทำไมเรื่องทั่วไปแค่นี้ถึงไม่รู้
เจียงหลีมองเขาด้วยความประหลาดใจ จิตใต้สำนึกทำให้นางอยากจะเปิดถุงนั้นดู
แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของนาง ถูกห้ามโดยกงเสวี่ยฮวา “ข้าบอกแล้วว่าเงินทองมิอาจเปิดเผย! เจ้าจะเปิดดูในเวลากลางวันแสกๆ นี่ได้อย่างไรกัน อยากตกเป็นเป้าโจรหรือไงกัน”
เจียงหลีเก็บถุงอย่างเงียบๆ และกระแอมไอเสียงเบา “ไปกันเถอะ ไปหาร้านแวะกินอาหารสักหน่อย มื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง” คนมีเงินไม่เหมือนกันจริงๆ
“ขอบพระคุณอย่างสูง!” กงเสวี่ยฮวาก็ไม่เกรงใจต่อนางเช่นกัน
ทั้งสองเดินออกไปหาโรงเตี๊ยมในตลาด และยังจองห้องส่วนตัวที่ชั้นสองไว้ด้วย สั่งอาหารและปิดประตู เจียงหลีหยิบถุงออกมาและเทผลึกหินวิญญาณที่อยู่ข้างในออกมา
ซีฮวงดินแดนทางตะวันตกเป็นเหมือนกับหนานฮวงดินแดนทางใต้ สกุลเงินหลักคือทองและเงิน แต่หินวิญญาณยังสามารถใช้เป็นสกุลเงินได้เช่นกัน แต่น้อยคนนักที่จะใช้มันจริงๆ
ดังนั้น เมื่อเจียงหลีเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมพร้อมกับผลึกหินวิญญาณในมือ ใบหน้าของคนรับแขกก็ยิ้มไม่หุบ
“… ไม่นึกเลยว่าจะมีถึงสองร้อยก้อน ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะใจกว้างเหมือนกันนะ รางวัลตอบแทนอย่างหนักของเขาไม่ได้พูดเล่นเลย!” กงเสวี่ยฮวากล่าวชื่นชมหลังจากนับผลึกหินวิญญาณในถุง
หัวใจของเจียงหลีเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่านางจะหาเงินก้อนนี้ได้! ก่อนหน้านี้นางใช้ความสามารถของพลังนกอมตะช่วยผู้คน แต่ไม่เคยขอค่าตอบแทนเลยสักครั้ง เรื่องในวันนี้ทําให้นางค้นพบเส้นทางเศรษฐีโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วล่ะ นับแต่นี้ไปก็ไม่ต้องกลัวว่าต้องหาเช้ากินค่ำอีกต่อไปแล้ว!
“นี่ เจ้าไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก” เมื่อเห็นว่าเจียงหลีรีบเก็บผลึกหินวิญญาณกลับคืนอย่างรวดเร็ว กงเสวี่ยฮวาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
หลังจากเก็บผลึกหินวิญญาณแล้ว เจียงหลีก็มองมาที่เขา
กงเสวี่ยฮวาตกใจกับสายตาของนาง สองมือจับชายเสื้อแน่นและกล่าวด้วยความหวาดกลัวว่า “เจ้าจะทําอะไร “
“เก็บไว้ที่เจ้า” เจียงหลีกล่าว
“อ่า” กงเสวี่ยฮวาคิดว่าตนได้ยินผิดไป
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเจียงหลี เขาก็ถามขึ้นว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่เก็บไว้เอง ให้ข้าเก็บไว้ทำไมกัน”
เจียงหลีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “เจ้าดูสิ ข้าไม่มีอะไรบดบังเลย ถุงนี้ข้าจะเก็บไว้ที่ใดกันเล่า คงไม่สามารถห้อยถุงไว้รอบเอวได้ตลอดหรอกนะ นี่มันคือการป่าวประกาศแก่ทุกคนให้มาปล้นข้ามิใช่รึ”
หลังจากที่นางพูดจบ กงเสวี่ยฮวาก็มองนางเหมือนตัวประหลาด
มองจนนางอึดอัด นางจึงถามขึ้นว่า “เจ้ามองอะไรกัน”
กงเสวี่ยฮวามองนางอย่างระมัดระวังและบ่นงึมงำว่า “เจ้าเป็นคนบ้านนอกมาจากไหนกัน เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าหากฝึกฝนจนถึงขั้นหลิงจงแล้วจะสามารถเปิดมิติจัดเก็บของของตนเองได้”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!” เจียงหลีลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น
กงเสวี่ยฮวามองนางด้วยความหวาดกลัว “เจ้าไม่รู้จริงหรือ”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์