สถานที่ๆ แผนที่ดาราเทพสงครามตั้งอยู่มีชื่อเรียกว่าหอดูดาว
หอดูดาวตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในส่วนของเสวียนจื้อ ณ วังเทียนอู่กง เป็นอาคารทรงกลมมีโดมที่เผยให้เห็นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ตัวอาคารทั้งหลังสร้างด้วยหยกขาวบริสุทธิ์
“โดยทั่วไปเวลาที่ดีที่สุดในการไปหอดูดาวก็คือเวลากลางคืน ดังนั้นที่พวกเราไปตอนนี้ ก็ยังไม่ได้ดึกมากนัก” ระหว่างทาง กงเสวี่ยฮวาแนะนำให้ทั้งสองฟัง
“ในหอดูดาวมีแผนที่ดาราเทพสงครามอยู่ห้าผืน แต่แฝงไปด้วยทักษะการต่อสู้ที่มากมาย จะเรียนรู้ได้มากเท่าไหร่ เรียนรู้ได้ถึงระดับไหน ก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์และความสร้างสรรค์ของตัวเอง เพียงแต่ถ้าหากยิ่งอยู่ในนั้นนานๆ ก็จะเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ได้มาก พลังอำนาจก็จะยิ่งแข็งแกร่ง” ในขณะที่กงเสวี่ยฮวาพูด สีหน้าก็ดูจริงจังขึ้นมา
ถึงแม้ว่าเขาจะนิสัยแบบนี้ แต่เมื่อพูดถึงแผนที่ดาราเทพสงคราม ก็จริงจังเป็นอย่างมาก
“เจ้าได้เรียนรู้จากหอดูดาวมากน้อยเพียงใด” เจียงหลีถาม
“พรสวรรค์ของข้า!” ความจริงจังของกงเสวี่ยฮวาสลายหายไปในพริบตา หางคิ้วของเขายกขึ้น “พรสวรรค์ของข้านั้นเกินกว่าพ่อของข้า สถิติที่ดีที่สุดของข้าที่อยู่ในหอดูดาวก็คือหนึ่งเดือน!”
พูดจบ เขายังเชิดหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
“หนึ่งเดือนเชียวหรือ นานมาก! เช่นนั้นเจ้าก็รักษาสถิติไว้ได้อย่างแน่นอน” มู่ชิงเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม นางช่างอยู่เป็น ไม่ได้ถามกงเสวี่ยฮวาว่าได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้อะไรมาบ้าง
แต่ทว่า นางกลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่พูดคำนี้ออกไป ทำให้กงเสวี่ยฮวาที่ท่าทางภาคภูมิใจหยุดชะงักทันที
“เจ้า…เป็นอะไรไป” สีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้มู่ชิงเหยียนตกใจ คิดว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป
กงเสวี่ยฮวาพูดออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจว่า “เดิมทีข้าคือที่หนึ่ง! แต่ว่าเมื่อสองสามปีก่อน ได้มีลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงคนหนึ่ง เขาคือปีศาจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าแค่เขานั่งในหอดูดาวก็ปาไปเดือนครึ่งแล้ว! ทำลายสถิติของข้าลง!”
ฮ่าๆๆ มู่ชิงเหยียนขำสีหน้าท่าทางของเขา
เจียงหลีก็พูดด้วยความขำขันว่า “เช่นนั้นก็ต้องยินดีกับวังเทียนอู่กงที่มีปีศาจนะ”
กงเสวี่ยฮวามองแรงใส่นางไปทีหนึ่ง “เจ้าไม่ซ้ำเติมคนอื่นจะตายหรืออย่างไร!”
เจียงหลียิ้มแต่ไม่พูดอะไร
กงเสวี่ยฮวามองมู่ชิงเหยียนแล้วพูดว่า “อ่อ ใช่แล้ว เขาคนนั้นก็แซ่มู่เช่นกัน ไม่แน่ว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน พวกเจ้าอาจจะมีบรรพบุรุษเป็นคนเดียวกัน”
“แซ่มู่เหมือนกันอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงเหยียนขำไม่ออก ในแววตามีความตกใจ
เจียงหลีมองนาง รู้ทันทีว่าในใจนางตอนนี้คิดอะไรอยู่ จุดประสงค์แรกของมู่ชิงเหยียนที่มาซีฮวงก็คือตามหาองค์ชายที่คลั่งไคล้การต่อสู้คนนั้น
“เขามีชื่อว่าอะไร” เจียงหลีถามแทนมู่ชิงเหยียน
เป็นธรรมดาที่กงเสวี่ยฮวาต้องจำได้ “เขามีชื่อว่ามู่เหยี่ยนฉือ”
มู่ชิงเหยียนสั่นไปทั้งตัว มองเจียงหลีด้วยสีหน้าซีดขาว แววตาเผยความหวาดกลัวออกมา
เจียงหลีมองนาง และเห็นว่านางกลัว แต่ไม่ได้แสดงออกอะไร
“พวกเจ้าเป็นอะไรกันหรือ” กงเสวี่ยฮวาถามด้วยความสงสัย
เจียงหลีส่ายหัวอย่างช้าๆ “ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด”
กงเสวี่ยฮวายักไหล่ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เขาเป็นคนบ้าคนหนึ่ง คลั่งไคล้การต่อสู้นัก วันๆ นอกจากฝึกฝน ก็คือหาคนประมือด้วย ตอนนี้น่ะหรือ ถ้าไม่ได้ฝึกฝนอยู่ก็กำลังต่อสู้ประมือกับใครสักคนอยู่นั่นแหละ”
มู่ชิงเหยียนฝืนยิ้มออกมา แต่สีหน้ากลับดูไม่ได้เลย
กงเสวี่ยฮวาถามขึ้นด้วยความสงสัยอีกครั้ง “พวกเจ้าเป็นอะไรกันแน่ ทำไมพอได้ยินชื่อเขา กลับมีปฏิกิริยาขนาดนี้”
“อืม มีความเคียดแค้นต่อกันนิดหน่อย” เจียงหลีพยักหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าหนุ่มคนนั้นมีความแค้นกับเจ้ารึ” ใครจะรู้ กงเสวี่ยฮวากลับตื่นเต้นขึ้นมา
เจียงหลีมองเขาด้วยความแปลกใจ “เจ้าจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น เจ้าจะช่วยข้าจัดการศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันกับเจ้าหรือ”
“เปล่า! ข้าดูเป็นคนเลวทรามไร้ยางอายขนาดนั้นเชียวรึ” กงเสวี่ยฮวารีบอธิบาย “ข้าก็แค่อยากรู้ว่าหากปีศาจอย่างพวกเจ้าสองคนปะทะกัน ใครจะชนะ”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์