เมื่อเจียงหลีกลับมาถึงที่พำนักของตนและดันประตูเข้ามาก็เห็นเจ้าเปี๊ยกนอนขดตัวอยู่บนเตียง ขนสีขาวเงินของมันปกคลุมไปด้วยแสงส่องประกายเป็นชั้นๆ
ดูเหมือนเจ้าเปี๊ยกกำลังเข้าสู่การบำเพ็ญเพียรบางประการอยู่
เจียงหลีจึงผ่อนฝีเท้าให้เบาลงอย่างช่วยไม่ได้เพราะนางไม่อยากรบกวนการฝึกบำเพ็ญของมัน
เมื่อเห็นเจ้าเปี๊ยกนอนหลับสงบเงียบ อารมณ์ของเจียงหลีจึงสงบลงมาบ้าง
เจียงหลียกที่นอนให้เจ้าเปี๊ยก จากนั้นนั่งขัดสมาธิลงบนฟูกนอนเพื่อเข้าสู่เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ อ้อ! นางไม่ได้เข้าไปเพื่อฝึกฝน แต่นางเข้าไปรดน้ำต้นไม้
จนกระทั่งนางออกมาจากเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันรวดเร็วดังมาจากด้านนอก
เจียงหลีปล่อยพลังจิตออกไปสังเกตการณ์ก็เห็นว่ากงเสวี่ยฮวาเดินมาจากข้างนอกแล้วก็มู่ชิงเหยียนที่ไม่รู้ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่พอเห็นกงเสวี่ยฮวาก็เข้าไปต้อนรับ
เจียงหลีขยับสายตาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง
พอนางออกไปแล้วกงเสวี่ยฮวากับมู่ชิงเหยียนก็นมามองนางพร้อมกัน
“เจียงหลี เจ้าออกมาพอดีเลย ข้ามีเรื่องที่ต้องบอกเจ้า” กงเสวี่ยฮวาเดินตรงไปที่ข้างหน้าของเจียงหลี
“เรื่องอะไรหรือ” ยากนักที่เจียงหลีจะเห็นกงเสวี่ยฮวามีสีหน้าเคร่งเครียดถึงเพียงนี้
กงเสวี่ยฮวาเอ่ยขึ้น “เมื่อครู่นี้ข้าได้รับข่าวว่ามีใครบางคนสืบเรื่องของเจ้าในทางตอนใต้ ดูเหมือนเขากำลังถูกพวกสำนักพรตเสวียนหมิงจับตาดูอยู่”
“ว่าอย่างไรนะ!” เจียงหลีตกใจสุดขีด
ใครจะตามสืบข่าวเรื่องของนางได้ นั่นเป็นไปได้ว่ามีเพียงหนานอู๋เฮิ่นเท่านั้นแล้วไม่ได้มีแค่คนเดียว ซึ่งนั่นหมายความว่าหนานอู๋เฮิ่นกลับไปถึงฮวงเสินแล้วตามคนมาช่วยนาง!
เจียงหลีไม่ต้องเสียเวลาใช้สมองคิดก็สามารถเดาได้ว่าคนที่ตามมาช่วยคือผู้ใด
“เจ้าทราบข่าวได้อย่างไร” เจียงหลีถามด้วยความร้อนรน
กงเสวี่ยฮวาเองก็ไม่คิดจะปิดบังนาง “กลุ่มอำนาจระดับสูงต่างมีหน่วยข่าวกรองของตัวเอง ยิ่งเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักพรตเสวียนหมิง ข้าก็เลยสั่งให้คนไปติดตามฝั่งนั้นก่อนหน้านี้แล้ว ภายหลังจึงพบว่ามีคนกำลังสืบเบาะแสของเจ้าอยู่ ทั้งยังถูกสำนักพรตเสวียนหมิงจับสังเกตได้อีกจึงส่งข่าวกลับมา”
“ข้าต้องรีบกลับไปสำนักพรตเสวียนหมิงเดี๋ยวนี้!” เจียงหลีโพล่งออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด
กงเสวี่ยฮวาพยักหน้ารับ “ข้าจะไปเตรียมความพร้อมแล้วออกเดินทางทันที”
เมื่อกล่าวเสร็จสรรพเขาก็หันตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เจียงหลีมองไปทางมู่ชิงเหยียนและกำลังคิดว่าจะให้นางอยู่ที่วังเทียนอู่กงก่อน ถึงอย่างไรมีมู่ชิงเหยียนคอยรั้งไว้อยู่ที่นี่ นางก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปาก มู่ชิงเหยียนก็พูดขึ้นมาตรงๆ เสียก่อน “เจียงเฮ่าก็อยู่ที่นั่นด้วยใช่หรือไม่”
เจียงหลีนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนคำพูด “ข้ายังมิสามารถยืนยันได้ แต่มีความเป็นไปได้มากเหมือนกัน”
“ข้าจะไปพร้อมกับเจ้า” น้ำเสียงของมู่ชิงเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น
“เจ้า…” เจียงหลีไม่ได้อยากให้มู่ชิงเหยียนเสี่ยงอันตรายไปพร้อมกับนางด้วย
แต่ทว่ามู่ชิงเหยียนกลับยืนกราน “ข้ารู้ ด้วยระดับการฝึกฝนของข้าในตอนนี้อาจมิได้ช่วยอะไรมากนัก แต่ทว่าเจ้าเพิ่งจะบอกข้าก่อนหน้านี้ว่าให้ข้าได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่ใจปรารถนา เจ้าจะห้ามความปรารถนาของข้าในตอนนี้ไม่ได้ เจ้าไว้ใจได้ ข้าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าแล้วก็จะไม่ถ่วงความเจริญเจ้าด้วย”
เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า “ก็ได้ ไปด้วยกันก็ได้”
เจียงหลีอุ้มเดรัจฉานน้อยขึ้นมาในอ้อมกอดอีกครั้ง สิ่งของที่เหลือนางก็เก็บเอาไว้ในกระเป๋าวิเศษ จากนั้นเจียงหลีและมู่ชิงเหยียนจึงพากันออกไปรอกงเสวี่ยฮวาที่ด้านนอก
แต่ผลลัพธ์คือคนที่พวกนางรอกลับไม่ใช่กงเสวี่ยฮวาแต่เป็นนกยักษ์ที่บินโฉบมาเหนือศีรษะ
“นกยักษ์ตัวใหญ่นัก!” มู่ชิงเหยียนอึ้งไปชั่วขณะ
เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นกงเสวี่ยฮวาโผล่หน้าออกมาบนหลังนกยักษ์ “ขึ้นมา” เขายืนทักทายสตรีทั้งสองอยู่บนหลังนกยักษ์



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์