ณ เมืองซู่หยา มีตรอกโสเภณีที่มีชื่อเสียงอยู่ตรอกหนึ่ง
ยามราตรีเช่นนี้ ตรอกแห่งนี้ก็เริ่มแขวนโคมแดงเพื่อต้อนรับแขก เสียงเจี๊ยวจ๊าวลอยออกมาจากด้านในไม่ขาดสาย มีบุรุษไม่น้อยที่คลุ้งกลิ่นสุรากำลังเดินหยอกล้อกับเหล่าสตรีเข้าหอจูหงไปเป็นทิวแถว
เจียงเฮ่ายืนอยู่นอกหัวถนนด้วยใบหน้าอึมครึม เขามอง ‘ความคึกคัก’ ด้านนั้นแล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจียงหลีว่า “ต้องเข้าไปจริงๆ หรือ”
เจียงหลีพยักหน้าอย่างจริงจัง
มู่ชิงเหยียนมองเจียงเฮ่าด้วยสีหน้าซับซ้อนแล้วก้มหน้าลง
“ชิงเหยียนบอกแล้วว่าคนที่ถูกขายล้วนเป็นสตรี ที่นี่เป็นแหล่งข้อมูลชั้นดีให้สืบหา” เจียงหลีส่งสายตาให้กำลังใจเขา
หากนางมิใช่สตรีล่ะก็ ป่านนี้ลุยเองไปแล้ว
จะให้นางปลอมตัวเป็นชายหรือ รูปร่างนางดีเช่นนี้ต่อให้ปลอมตัวไปก็ไม่เหมือนอยู่ดี
เจียงเฮ่าจนปัญญา ทำได้เพียงหอบใบหน้าหนาๆ เดินไปสู่สถานที่ที่เขารังเกียจ
มู่ชิงเหยียนจ้องมองแผ่นหลังของเขาอย่างเหม่อลอย ความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูกก่อตัวขึ้นภายในใจ
“อย่ากังวลไปเลย พี่ชายข้าไม่ยอมให้สตรีอื่นมาแต๊ะอั๋งได้หรอก” เจียงหลียิ้มแล้วตบบ่าปลอบมู่ชิงเหยียน
มู่ชิงเหยียนหน้าแดงก่ำ นางก้มหน้ากล่าวว่า “แล้วเกี่ยวอันใดกับข้ากัน”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้าจริงหรือ” เจียงหลีมองนางอย่างขบขัน
มู่ชิงเหยียนหันหน้าหนีไม่ให้เจียงหลีเห็นแววตาตระหนกของตัวเอง
“ไปกันเถิด” เจียงหลีเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มู่ชิงเหยียนมองนางอย่างฉงน แววตาฉายความไม่เข้าใจ
เจียงหลีกล่าวว่า “ที่นี่มีพี่ใหญ่ของข้าแล้ว เราไปดูที่ที่เจ้าหนีออกมากันดีกว่า”
“แล้วเขา…” มู่ชิงเหยียนมองเข้าไปในตรอกที่คึกคักด้วยความเป็นห่วง
เจียงหลีลากนางให้เดินออกมา “เขาไม่ถูกสตรีในนั้นจับกินหรอกน่า” การหาเบาะแสก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ที่เจียงเฮ่ามาในครั้งนี้ก็เพียงดูว่าเขาจะมีโชคเจอสตรีที่โดนขายมาที่หนานฮวงหรือไม่เท่านั้น
ถุงหอมที่เขาพกติดตัวนั้นเป็นแบบเฉพาะของหนานฮวง หากที่นี่มีสตรีหนานฮวงอยู่จริงๆ ล่ะก็ จะต้องมองมันออกแน่ เช่นนั้นเขาก็จะหาคนที่ต้องการพบจากสีหน้าท่าทางที่แปรเปลี่ยนของพวกนางได้
ส่วนที่ที่มู่ชิงเหยียนหนีออกมา พวกเขาสามคนไปมาแล้วคราหนึ่งในตอนกลางวัน แต่กลับไม่พบอันใดทั้งสิ้น ราวกับที่นั่นไม่เคยมีคนผ่านไปมา ทั้งยังรกร้างอย่างยิ่ง
ทว่าเจียงหลีไม่วางใจจึงตัดสินใจไปดูในตอนกลางคืนอีกรอบ ดังนั้นจึงได้มีการแบ่งหน้าที่กันเช่นนี้
“เจียงหลี หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มอำนาจจริงๆ เจ้าว่ามันจะเกี่ยวโยงไปถึงวังเวิ่นฉิงหรือว่าหลีหุนจง” มู่ชิงเหยียนเอ่ยถามขึ้นระหว่างทาง
เมืองธรรมดาทั่วไปอย่างซู่หยา เนื่องจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์จึงได้เกี่ยวโยงไปถึงสองกลุ่มอำนาจระดับกลาง
“วังเวิ่นฉิง…” เจียงหลีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แม้จะบอกว่ากลุ่มอำนาจนี้มีผู้นำเป็นสตรี ซ้ำยังถนัดวิชามารยา แต่จากที่พี่ใหญ่ไปสืบมา การเพิ่มสตรีของวังเวิ่นฉิงนั้นล้วนเป็นความยินยอมของพวกนางเองทั้งสิ้น น่าจะไม่มีเรื่องค้ามนุษย์มาเกี่ยวข้อง”
“แล้วหลีหุนจงเล่า” มู่ชิงเหยียนถามขึ้นอีก
เจียงหลีส่ายหน้าแววตาเคร่งขรึม “หลีหุนจงลึกลับนัก ยามนี้ยังไม่รู้แน่ชัด เรื่องนี้เหมือนจะง่ายแต่ความจริงเบื้องหลังกลับซับซ้อนยากจะคาดเดา เอาเป็นว่ายามนี้ไม่มีเบาะแสใดเพิ่ม หากหาสตรีที่เคยถูกขายไม่พบเราก็จะมิอาจตัดสินเรื่องใดได้เลย”
ในเมื่อยังไม่มีข้อสรุป สิ่งที่น่าสงสัยทั้งหมดล้วนควรค่าที่จะสงสัยยิ่ง
เจียงหลีแววตาเข้มขึ้น เอ่ยขึ้นในใจว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด กล้าค้ามนุษย์จากหนานฮวงของข้า ข้าก็จะถอนรากถอนโคนคนที่อยู่เบื้องหลังให้จงได้!
…
อีกด้านหนึ่ง เจียงเฮ่าเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูหอคณิกาแห่งหนึ่ง พอเขาปรากฏตัวขึ้น เหล่าสตรีที่ต้อนรับแขกก็กระตือรือร้นกันขึ้นมา ไม่แปลกใจเท่าใดนักที่รูปร่างหน้าตาอย่างเจียงเฮ่าพอปรากฏตัวขึ้นก็ได้รับความสนใจจากพวกนางเช่นนี้
เจียงเฮ่าเดินเข้าไปด้วยใจครึ่งๆ กลางๆ
เขาไม่ให้แม่เล้าโดนตัว จึงยิ่งแสดงให้เห็นถึงฐานะของเขาว่าสูงส่งเพียงใด


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์