สิ่งที่มู่ชิงเหยียนเสนอคือกุญแจสำคัญ หากนางไม่รู้วิชาลับส่งเสียงพันลี้และทางนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น นางก็จะไม่สามารถบอกให้เจียงหลีทราบได้ในทันที
ทั้งหนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นต่างนิ่งเงียบ
แต่เจียงเฮ่ากลับพูดอย่างเย็นชา “ไม่ได้”
ปากของเจียงหลีกระตุกและเงยหน้ามองเขา
กลับเห็นใบหน้าเคร่งขรึมและพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ใช่ศิษย์ของฮวงเสิน จะไม่สามารถฝึกฝนทักษะการต่อสู้และวิชาลับของฮวงเสินได้ หากคนนอกแอบฝึก โทษเบาคือทำลายระดับการฝึกฝน โทษหนักคือตายสถานเดียว”
แค่กๆ เฟิงสิงอวิ๋นกำหมัดไว้ที่ริมฝีปากและไอเสียงเบา แล้วหันไปมองมู่ชิงเหยียนที่ใบหน้าขาวซีดและยิ้มปลอบ “มันไม่ได้รุนแรงอย่างที่เขาพูด จะฝึกได้หรือไม่ รอให้เจียงหลีมาถึงฮวงเสินและฝึกวิชาลับนั่นก่อน ก็จะมีทางออกเอง”
มู่ชิงเหยียนฉีกยิ้มและพยักหน้าให้กับเฟิงสิงอวิ๋น
หัวข้อสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
มู่ชิงเหยียนเดินไปหาเจียงหลีและพูดกับนางว่า “ระหว่างฝึกฝนอยู่ข้างนอก ต้องการทรัพยากร ที่แห่งนี้มีทรัพยากรของสำนักพรตเสวียนหมิง และได้ยึดทรัพยากรของสาขาหลีหุนจงกับร้านอวี๋หลงมาด้วย ถือว่ามีจำนวนมากเกินไปแล้ว เมื่อพวกเจ้าออกเดินทาง ให้นำติดตัวไปด้วยส่วนหนึ่ง เมื่อการฝึกฝนเพิ่มพูนขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อจยาเซียน”
“ได้” เจียงหลีพยักหน้า
สิ่งนี้ นางมิได้ปฏิเสธ
…
หลังจากกลับมายังจยาเซียน วันที่วุ่นวายโหมเข้าใส่วันแล้ววันเล่า
จนผ่านไปหนึ่งเดือน ทุกอย่างกลับสู่ปกติ ทุกคนผ่อนคลายและเตรียมออกเดินทางกลับไปยังฮวงเสิน
เนื่องจากวังเทียนอู่กงอยู่ใกล้กับจยาเซียนมากกว่าฮวงเสิน ดังนั้น เจียงหลีจึงขอให้กงเสวี่ยฮวาอยู่ต่ออีกระยะหนึ่งเพื่อช่วยมู่ชิงเหยียนจัดการเรื่องต่างๆ ของจยาเซียน
จนท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนตัดสินใจออกเดินจากอีกเจ็ดวันข้างหน้า
วันนี้ ห่างจากวันออกเดินทางเพียงวันเดียวแล้ว
ในยามค่ำคืน ขณะที่เจียงหลีกลับมายังห้องของตน นางถูกดึงดูดด้วยเสียงสนทนาหนึ่ง นางจึงซ่อนตัวในความมืด และใช้พลังจิตแอบมองเงียบๆ
เงาต้นไม้ภายใต้แสงจันทร์ ร่างของคนสองคนยืนอยู่ท่ามกลางต้นไม้เหล่านั้น
“นี่คือเสื้อผ้าที่หลายวันมานี้ข้าเร่งตัดเย็บให้เจ้า เจ้าเอาไปด้วยเถิด” มู่ชิงเหยียนส่งเสื้อผ้าที่เย็บด้วยตัวเองให้กับเจียงเฮ่าอย่างประหม่าเล็กน้อย
เจียงเฮ่าก้มหน้ามอง แต่กลับไม่ได้ยื่นมือรับหยิบ “ไม่ต้องหรอก”
การปฏิเสธนี้ทำให้เจียงหลีที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดถึงกับกลอกตามองบน
มู่ชิงเหยียนกัดริมฝีปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง หลังจากความเสียใจนั้น ด้วยความดื้อรั้นของนาง นางนำเสื้อให้มือวางใส่หน้าอกของเจียงเฮ่า
เจียงเฮ่าจึงต้องรับมันไว้และมองไปที่นางอย่างแน่วแน่
มู่ชิงเหยียนพูดอย่างไม่ยอมอ่อนข้อว่า “อย่างไรเสีย ข้าทำมาเพื่อให้เจ้า คนอื่นคงใส่ไม่ได้ หากเจ้าไม่ชอบ ก็โยนทิ้งเสียเถอะ”
พอพูดจบ นางหันหลังหนีจากที่นี่ทันที
เจียงเฮ่ายืนผงะอยู่กับที่ ถือเสื้อผ้าของมู่ชิงเหยียนไว้ในมือ และมองดูเงาของนางเดินจากไป ความสับสนได้ผุดขึ้นในใจ
“เจ้าเคยเป็นถึงองค์หญิง จะทำงานหยาบเหล่านี้ได้อย่างไร” เจียงเฮ่าพึมพำด้วยเสียงเคร่งขรึม
เขาทิ้งเสื้อผ้าในมือไม่ลง จึงพับเก็บอย่างเป็นระเบียบและเก็บไว้ในพื้นที่ของตน
หลังจากเสียงฝีเท้าจางหายไป เจียงหลีเดินออกจากความมืดและมองไปยังสถานที่ที่ทั้งสองเคยยืนอยู่ก่อนหน้านั้น นางผายมือ เจ้าเปี๊ยกน้อยก็กระโดดออกมาและตกลงใส่อ้อมแขนของนาง เจียงหลีใช้ปลายนิ้วลูบขนมันเบาๆ มันสบายจนหรี่ตาลง
“หลิวหลี เจ้าว่าพี่ชายข้าใช่ท่อนไม้ตายด้านหรือไม่” เจียงหลีพึมพำกับตัวเอง

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์