“ศิษย์น้องเล็ก ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขาเอง” เสิ่นฉงหันหลังกลับไปมองด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ
เจียงหลีพยักหน้าและเดินเข้าไปในตำหนักว่าการพร้อมกับเขา
หลังจากที่ทั้งสองจากไป คุนอู๋และซีไหลถึงได้ปรากฏตัวทีละคน และเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของคนทั้งสอง คุนอู๋จึงกัดฟันพูดว่า “ไอ้สารเลว!”
คำว่า ‘ไอ้สารเลว’ ในปากของเขาคือเสิ่นฉงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่เป็นไรหรอก ศิษย์น้องเล็กไม่ชอบเขามากขึ้นเพราะการกระทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ นี่หรอก” ซีไหลยักคิ้วด้วยความมั่นใจ
“เมื่อคืนตอนที่ข้ากำลังฝึกฝนอยู่ บังเอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างซือจุนกับศิษย์น้องเล็ก” ทันใดนั้น ใบหน้าของคุนอู๋ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ซีไหลมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าแอบฟังอีกแล้วนะ!”
คุนอู๋กรอกตาใส่เขา “แอบฟังอะไรเล่า ข้าแค่ฝึกศาสตร์ลับก็เท่านั้น”
“พอเถอะ เจ้าตั้งใจแน่นอน” ซีไหลกลับไม่เชื่อเขาเลยแม้แต่น้อย
“อ่ะแฮ่มๆ” คุนอู๋แกล้งไอปกปิดและเปลี่ยนเรื่องคุย “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าพวกเขาคุยอะไรกัน”
“จะพูดก็พูดมา อย่ามาเล่นแง่กับข้า” ซีไหลกลอกตาและพูดดักไว้ล่วงหน้า
คุนอู๋กลับส่ายศีรษะฝืนยิ้ม และถอนหายใจด้วยใบหน้าสับสน “ศิษย์น้องเล็กของพวกเรามีพรสวรรค์มากกว่าที่เราคิด! ซีเอ้อร์ เจ้าบอกข้ามาตามตรงว่าสามารถกดระดับการฝึกฝนของเจ้าไว้ได้นานแค่ไหน”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ซีไหลผู้ซึ่งประหลาดใจในพรสวรรค์ของเจียงหลีถึงกับอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “มากสุดสิบปี”
“ใช่! สิบปี ข้ามากสุดก็ได้เพียงสิบห้าปี” คุนอู๋พยักหน้า “อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาเหลือประมาณยี่สิบปีก่อนจะถึงวันปาฐกถาเจ้าครองนคร ศิษย์พี่ใหญ่ไม่สามารถกดมันไว้ได้อีกแล้ว เกรงว่าใช้เวลาอีกไม่นานก็จะประสานกับวิญญาณยุทธ์ตัวที่หกได้สำเร็จและเข้าสู่ขั้นหลิงหวง พวกเราทั้งสองกดระดับการฝึกฝนมาโดยตลอด เพราะคาดหวังจะเข้าร่วมปาฐกถาเจ้าครองนครอีกครั้ง เพื่อช่วยฮวงเสินเรา แต่ว่า…”
ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและงดงามของคุนอู๋เต็มไปด้วยความขมขื่น
ซีไหลขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้น ทำได้เพียงพึ่งศิษย์น้องเล็กเท่านั้นแล้ว”
“มัน…มันยากเกินไป” คุนอู๋ฝืนยิ้ม แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าพรสวรรค์ของเจียงหลีน่าอัศจรรย์เพียงใด แต่ก็ยังยากเกินไป สำหรับปาฐกถาเจ้าครองนคร ที่ต้องนำฮวงเสินเข้าสู่สามอันดับแรก เพื่อให้มีคุณสมบัติพอที่จะท้าประลอง แม้กระทั่งต้องท้าประลองจนได้รับชัยชนะ เรื่องนี้ยากยิ่งนัก
“คนที่อยู่รุ่นเดียวกับพวกเรา เกือบทุกคนได้เลื่อนขั้นเป็นหลิงหวงกันหมดแล้วกระมัง” ซีไหลถอนหายใจเอ่ย
“หากตำแหน่งของฮวงเสินต้องถูกลดสถานะเพราะฝีมือของพวกเรา ข้าไม่ยอม!” คุนอู๋กล่าวอย่างขมขื่น
ซีไหลกลับปล่อยวางได้มากกว่า “เรื่องบางเรื่องถูกลิขิตไว้แล้วตามที่ซือจุนเคยกล่าวไว้ ประสบการณ์เหล่านี้ไม่ได้เลวร้ายสำหรับฮวงเสินเรานักหรอก ฮวงเสินที่อยู่เคยอยู่ในกลุ่มอำนาจระดับสูงถูกทำลายลง ก็คือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ”
คุนอู๋เม้มริมฝีปากแน่นจนเป็นเส้นตรง ดวงตาเศร้าหมอง
“ยังพอมีเวลา ช่วงนี้ เราต้องคอยคุมเข้มให้ศิษย์น้องเล็กรีบฝึกฝน และจับตายอดฝีมือของกลุ่มอำนาจอื่น” ดวงตาของซีไหลหรี่ลงและมีแสงเปล่งประกาย
หลังจากนั้น เขาก็นึกบางอย่างออกทันที “เจ้าเคยพูดว่าพรสวรรค์ของศิษย์น้องเล็ก…”
“ชู่ว! อย่าพูดออกมานะ” คุนอู๋ยิ้มอย่างมีเลศนัยและอุบมันเอาไว้
“…” ซีไหลเมื่อถูกหลอกจึงอดไม่ได้ที่จะด่าทอ “พฤติกรรมเจ้าตอนนี้ชั่วร้ายมากรู้หรือไม่”
แน่นอนคุนอู๋ตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะอย่างสง่าผ่าเผย
“นี่เจ้าจะไปไหน ตำหนักว่าการไปทางซ้าย” เมื่อเห็นคุนอู๋เดินไปทางขวา ซีไหลจึงรีบเตือนเขา
คุนอู๋พูดโดยไม่หันกลับมามอง “ไม่เป็นไรมีเสิ่นต้าไปด้วย ข้าจะลองไปทางนี้ดูว่ามีอะไรน่าสนใจพอจะมอบให้กับศิษย์น้องเล็กหรือไม่ จะได้เอาใจนาง เพื่อให้นางตั้งใจฝึกฝน”
ซีไหลตกตะลึง เมื่อได้สติจึงรีบวิ่งตามเขาไปทันที “เสิ่นต้าขี้โกง แต่เจ้าช่างเจ้าเล่ห์นัก! ”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์