ความรู้สึกหดหู่ในใจจางหายไปเพราะ ‘การลงโทษ’ ของเจ้าเปี๊ยก
อารมณ์ของเจียงหลีกลับคืนสู่ภาวะปกติ สลัดสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นทิ้งไป แต่ว่านางกลับเพิกเฉยต่อการคัดค้านของเจ้าเปี๊ยก โดยยัดมันกลับเข้าไปในกระเป๋าวิเศษซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของนาง ถือเป็นการแก้แค้นสำหรับการขโมยจูบและจับหน้าอกนาง
หลังจากควบคุมอารมณ์ได้แล้ว เจียงหลีเดินออกจากตำหนักเย่าอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ พวกเสิ่นฉงทั้งสามไม่ได้ตามออกมาด้วย
เหตุผลหลักคือบ่าวทั้งหลายที่ถูกสั่งห้ามรบกวนนาง กลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่านางเดินออกไปแล้ว
เมื่อเดินออกจากตำหนักเย่า เจียงหลีได้สอบถามที่ตั้งของตำหนักเย่ว์ และได้เดินทางมาถึงประตูของตำหนักเย่ว์อย่างรวดเร็ว
“อาหลี!”
ทันทีที่นางปรากฏตัว เจียงเฮ่าที่รออยู่ตรงประตูวิ่งเข้าไปหานางอย่างตื่นเต้น โดยมีลู่เสวียนและเหวิน
เหรินชิ่งชิ่งติดตามอยู่ด้านหลัง
“พี่ใหญ่ พวกพี่…ทำไมถึงมารออยู่ที่นี่ได้” เจียงหลีถามด้วยความประหลาดใจ
“กลัวว่าเจ้าจะหลงทาง จึงมายืนรอที่นี่” เจียงเฮ่ามองนางอย่างเอ็นดู ดวงตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“เจียงหลี ข้าคาดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำให้ตำหนักเย่าสั่นไหวและกลายเป็นศิษย์ของตำหนักเย่าได้ ต่อจากนี้ไป พวกเราต้องเปลี่ยนคำเรียกเจ้าว่าท่านรองประมุขหรือไม่” ลู่เสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม
เหวินเหรินชิ่งชิ่งถามติดตลกอีกว่า “ท่านรองประมุขทั้งสามของตำหนักเย่า ก่อนหน้านี้เรียกกันว่าท่านรองประมุขใหญ่ ท่านรองประมุขรอง ท่านรองประมุขสาม เมื่อถึงคราวเจียงหลี คงต้องเรียกว่าท่านรองประมุขสี่แล้ว”
“ตายแล้ว ตายแล้ว ไม่ไพเราะเสียเลย เปลี่ยนใหม่ๆ เจียงหลีว่าไหม” ลู่เสวียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ” เจียงหลีถามอย่างมีเลศนัย
รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เสวียนแข็งทื่อ หันศีรษะหนี
เจียงเฮ่าเหลือบมองเขาและเริ่มสารภาพกับเจียงหลี “ข้าเองที่ไม่ให้เรียกเจ้าเหมือนเมื่อก่อน”
“ทำไมหรือ ข้าคิดว่ามันเพราะดีนะ” เจียงหลีหันกลับไปมองเขา
เจียงเฮ่าขมวดคิ้ว “อาหลี อย่าเอาแต่ใจ ชื่อเรียกก่อนหน้านี้ทำลายชื่อเสียงของเจ้า เมื่อมาถึงฮวงเสินแล้ว ให้เรียกชื่อจริงจะเหมาะกว่า”
“ถูกต้อง ข้าจะปล่อยให้คนอื่นเข้าใจผิดไม่ได้” ลู่เสวียนพูด้วยรอบยิ้มอย่างไม่เต็มใจ
เขาเข้าใจเหตุผล แต่เขาคุ้นเคยกับเรียกเจียงหลีว่าซ้อเล็กแล้ว จะให้มาเปลี่ยนชื่อเรียกในทันที ทำให้เขารู้สึกว่าเจียงหลีห่างเหินจากครอบครัวของพวกเขาแล้ว
“ไม่ต้องหรอก ที่ลู่เสวียนเรียกข้าเช่นนั้นเพราะมันคือความจริง” เจียงหลีกล่าวอย่างหนักแน่น
“อาหลี!” เจียงเฮ่าจนปัญญา
ดวงตาลู่เสวียนปรากฏความซาบซึ้งใจในทันใด
เหวินเหรินชิ่งชิ่งชำเลืองมองใบหน้าของพวกเขาทั้งสาม และในที่สุดถอนหายใจอย่างเงียบๆ นางทั้งซาบซึ้งและอิจฉา ทั้งสงสารและเห็นอกเห็นใจในคราเดียวกัน
“เรียกซ้อเล็กให้ฟังทีซิ” เจียงหลีมองไปที่ลู่เสวียนและบังคับให้เขากลับไปเรียกเช่นเดิม
ลู่เสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันเรียกท่ามกลางสายตาเจียงเฮ่าที่จับจ้องมองมา “ซ้อเล็ก”
“อืม เด็กดี” สีหน้าตึงเครียดของเจียงหลีเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใส
แต่ทว่า ถึงกระนั้น บรรยากาศระหว่างทั้งสี่ก็ยังดูอึดอัดเล็กน้อย
“เอาล่ะ เจียงหลีมาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกเราพานางเดินเล่นและทำความรู้จักฮวงเสินก่อนเถิด”
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเริ่มพูดเพื่อทำลายความอึดอัดนั้นก่อน
เจียงเฮ่ากลั้นหายใจและยอมแพ้ในที่สุด
พวกเขาทั้งสี่เดินเที่ยวเล่นในฮวงเสินเป็นเวลานาน จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืด เจียงหลีถึงจะกลับไปยังตำหนักเย่า

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์