“เจ้าไม่ได้คิดขุดหลุมฝังเขาลงไปใช่หรือไม่” เจียงหลีถามอย่างสงสัย
นางไม่ได้จิตใจดีขนาดฆ่าคนแล้วขุดหลุมฝังให้หรอกนะ
ไหวปี้มองบนใส่นาง แล้วตระหนักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พลิกมือขึ้นมา มีขวดกระเบื้องขวดหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง นางจับขวดกระเบื้องนั้นไว้แน่น เดินไปที่ศพของจู๋เยี่ยนและกล่าวกับเจียงหลีว ว่า “เจ้าถอยห่างไปหน่อย”
เจียงหลีไม่ตอบอะไร และถอยหลังไปสองสามก้าวตามที่ไหวปี้บอก
จากนั้น นางก็เห็นไหวปี้เทของที่อยู่ในขวดกระเบื้องนั้นไว้บนศพของจู๋เยี่ยนอย่างช้าๆ
แหมะๆ!
เมื่อของเหลวที่ไม่รู้ว่าคืออะไรนั้นตกลงไปบนศพของจู๋เยี่ยน ร่างของเขาก็ละลายกลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว
ไหวปี้เทน้ำที่อยู่ในขวดจนหมด และถอยหลังไป ยกมือขึ้นปิดจมูกเว้นระยะจากกลิ่นเหม็นของศพ
“นี่เป็นน้ำละลายศพที่ข้าพบเจอที่เมืองๆ หนึ่ง ก็จริงอยู่ที่บางคนไม่มีทักษะในการฝึกฝน แต่หากมีทักษะด้านอื่นๆ ก็เก่งกาจกว่าคนธรรมดาทั่วไป” ไหวปี้เงยหน้าขึ้นมองเจียงหลี สายตาทำให้คนซาบซึ้งใจ
“เจ้าเจอกับปรมาจารย์อสรพิษหรือ” เจียงหลีขมวดคิ้ว
ไหวปี้พยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ เขามีวิธีการมากมาย ข้ายังแทบจะตกหลุมพรางของเขาเช่นกัน หลังจากฆ่าเขาแล้ว ของดีที่เขาทิ้งไว้ ก็ตกเป็นของข้าโดยทันที”
พูดจบ นางก็ยิ้มหวานให้กับเจียงหลี สายตาดูตื่นเต้น
เจียงหลีหัวเราะ ไม่ได้สนใจท่าทีของนาง แต่กลับขัดแย้งในใจ วังเวิ่นฉิงนี่กำลังฝึกฝนอะไรอยู่กันแน่ ฝึกฝนวิชามารยาจนไม่แยกชายหญิงแล้วอย่างนั้นหรือ
ในที่สุด ศพของจู๋เยี่ยนก็ละลายกลายเป็นน้ำรวมกับดินบนพื้นเป็นที่เรียบร้อย
ไหวปี้ลดมือที่ปิดจมูกลง และยิ้มอย่างเบิกบาน “คราวนี้ ถึงแม้ต้าหลัวจะยังอยู่ ก็ยากที่จะรู้ว่าจู๋เยี่ยนนั้นตายได้อย่างไร”
เรื่องนี้ เจียงหลีไม่ได้สนใจนัก ศัตรูที่ถูกลิขิตไว้แล้วจะปิดบังไปทำไมกัน
นางเป็นคนฆ่าเขาเอง สำนักหลีหุนจงจะมาก็มาได้ หากไม่มา เมื่อถึงเวลานางก็จะไปที่สำนักหลีหุนจงสักครั้งหนึ่งอยู่แล้ว
“ไหวปี้ขอบคุณรองประมุขน้อยที่ช่วยชีวิตไว้เจ้าค่ะ” ทันใดนั้น ไหวปี้ก็คำนับต่อเจียงหลีอย่างกะทันหัน
ปากบอกกว่าขอบคุณ แต่ความรู้สึกที่ปรากฏออกมาของนาง กลับเต็มไปด้วยความยั่วยวน อย่าว่าแต่ชายหนุ่มเลย แค่เจียงหลีเห็นก็รู้สึกใจเต้นแล้ว
“อ่ะแฮ่ม” เจียงหลีกระแอมไอเบาๆ “เจ้านี่ช่างรู้เรื่องราวภายในของฮวงเสินดีจริงๆ”
ไหวปี้ยิ้มอย่างยั่วยวนมากขึ้น “วังเวิ่นฉิงของเรา นอกจากจะเก่งด้านวิชามารยาแล้ว ด้านสืบหาเบาะแสก็เก่งเช่นกัน”
ด้านสืบหาเบาะแส…
เจียงหลีหรี่ตาลง และดึงสติกลับมา หากพูดถึงเรื่องสืบหาข้อมูลเบาะแสแล้ว วังเวิ่นฉิงนั้นมีข้อได้เปรียบจริงๆ
เพียงแต่ไม่รู้ว่า พวกนางมีข้อมูลเกี่ยวกับกลองศิลาจารึกและกลองศิลาจารึกของหนานฮวงที่หายไปตอนนั้นหรือไม่ เจียงหลีละสายตาและไตร่ตรอง
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ตอนนี้กับวังเวิ่นฉิงยังไม่แน่ชัดนัก และเรื่องบางเรื่องก็ยังไม่ถึงเวลาตรวจสอบเช่นกัน
เมื่อเห็นเจียงหลีเพิกเฉยต่อนาง ไหวปี้ก็ฉายแววความขุ่นเคืองในดวงตาของนางและกล่าวว่า “พวกเราก็ไม่รู้ทุกเรื่องหรอก อย่างเช่น ข้าไม่รู้นามของเจ้า”
ในเมืองซู่หยา ทั้งสามคนรวมทั้งเจียงหลี ไม่เคยบอกชื่อของพวกเขาเลย แต่เจียงเฮ่าเรียกนางว่า‘อาหลี’ มู่ชิงเหยียนก็ยิ่งหลีกเลี่ยงการเรียกชื่อนางมากกว่าใคร
หลังจากที่กลับมาแล้ว นางก็ได้ทำการสอบสวนลับโดยพิจารณาจากการปรากฏตัวของทั้งสาม แต่ก็รู้เพียงว่ามู่ชิงเหยียนนั้นเคยเป็นศิษย์ของเขาเฟิ่งอู่ซานมาก่อน แต่สุดท้ายก็ทรยศแล้วหนีไป
การทรยศแล้วหนีไปของนาง ก็เกี่ยวข้องกับเจียงหลีเช่นกัน แต่เจียงหลีกลับดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับนายน้อยแห่งวังเทียนอู่กง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์