“สุราหนึ่งไห แลกกับชื่อของเจ้า”
เจียงหลีถือไหสุราไว้ในมือ แล้วมองชายหนุ่มรูปงามด้วยแววตาขบขัน…ไม่ ควรจะเรียกว่า…วิญญาณร้ายรูปงามมากกว่า
ความเจ้าเล่ห์ในแววตาของนาง ไม่รอดพ้นสายตาของเว่ยจี๋
แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถยับยั้งชั่งใจในความยั่วยวนของสุราได้ หลังจากพยายามดิ้นรนครู่หนึ่ง เขาจึงเอ่ยปากบอกชื่อตนเอง “เว่ยจี๋”
“เว่ยจี๋หรือ” เจียงหลีพึมพำในลำคอ และนางก็รักษาสัญญาโดยการโยนเหล้าให้คนที่อยู่บนต้นไม้หนึ่งไห
ชื่อนี้ไม่เป็นที่รู้จักมานานแล้วและไม่มีใครเคยเรียกชื่อนี้
เมื่อได้ยินเจียงหลีเอ่ยเรียกชื่อนี้ เว่ยจี๋ก็แทบจะลืมรับไหเหล้าไปเสียแล้ว
โชคดีที่เขาตอบสนองในนาทีสุดท้ายและเก็บไหเหล้าที่เกือบจะหกและถือไว้ในฝ่ามือของเขา
เมื่อสุราชั้นเลิศได้มาอยู่ในมือ ก็ยิ่งหอมหวนชวนมัวเมามากยิ่งขึ้น
เว่ยจี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วอดชิมหนึ่งอึกมิได้
เมื่อสุราชั้นเลิศรสนุ่มหอมละมุนไหลลงคอ เมื่อกลืนเข้าไปก็น้ำลายสอ รสชาติที่คั่งค้างในโพรงปากไร้ที่สิ้นสุด เว่ยจี๋ลืมตา ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้น และเขาก็อดไม่ ได้ที่จะชมเชย “ช่างเป็นสุราชั้นเลิศจริงๆ!”
เจียงหลีนั่งลงกับพื้นเอนหลังพิงก้อนหินสีขาว แล้วก็ส่งเหล้าเข้าปากเช่นกัน เป็นสุราชั้นเลิศจริงๆ ด้วย เป็นสุราชั้นเลิศสำหรับพวกคอสุรา
“สุรานี้มีชื่อเรียกว่าอะไรรึ” เว่ยจี๋หลงรักสุราในมือจนวางไม่ลงแล้วถามด้วยความสงสัย
เขายังอยากดื่มต่อ แต่ก็กลัวว่าหลังจากดื่มมันหมดแล้ว วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล อีกหน่อยคงไม่เจอสุราชั้นเลิศเช่นนี้อีก
เมื่อได้ยินคำถามของเว่ยจี๋ เจียงหลีก็ยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “หนึ่งคำถาม แลกกับอีกหนึ่งคำถาม”
สีหน้ายียวนของเว่ยจี๋พลันนิ่งค้าง เหลือบสายตามองแม่นางน้อยจอมเจ้าเล่ห์ด้วยดวงตาเป็นประกาย จนสุดท้ายเขาก็ยอมพยักหน้าตกลง “ได้”
เมื่อเห็นเขาสัญญาแล้ว นางก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะลอบพูดในใจ วิญญาณร้ายรูปงามนี้ เห็นแก่สุราชั้นเลิศของศิษย์พี่ใหญ่ จะตอบคำถามข้าคำสองคำ แต่ถ้าเขาพึงพอใจในความอยากรู้อยา ากเห็นของเขาแล้ว ก็คงหลอกล่อยากแล้ว ข้าต้องคิดคำถามให้ชัดเจนก่อนพูด ต้องขอบใจศิษย์พี่ใหญ่ที่มอบสุรานี้ให้ข้า และยิ่งโชคดีที่วิญญาณร้ายตนนี้ชื่นชอบการดื่มสุรา
ก่อนหน้านี้ เจียงหลีเห็นเว่ยจี๋ร่ำสุราอยู่บนต้นไม้ นางก็เดาว่าเขาน่าจะเป็นพวกขี้เมา ดังนั้นนางจึงได้หยิบเอาสุราออกมาหยั่งเชิงเขา
คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถตกเบ็ดได้นางเงือกจริงๆ
“คิดดีแล้วหรือยัง”
เมื่อเห็นว่าเจียงหลีเงียบไป เว่ยจี๋ก็เป็นฝ่ายเร่งเร้าเสียเอง
สุราชั้นเลิศต้องมีชื่อเรียกที่ไพเราะ สุราชั้นเลิศเช่นนี้ เขาจึงใจร้อนอยากรู้ชื่อของมันเป็นธรรมดา
เมื่อถูกเขาเร่งรัด เจียงหลีจึงพยักหน้า จากนั้นจึงเอ่ยถาม “ตกลงที่นี่คือที่ไหนกันแน่”
เว่ยจี๋ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้ายิ่งดูงดงามยิ่งขึ้น “ที่นี่ก็คือดินแดนผนึกมารอย่างไรเล่า”
เมื่อถูกหลอก เจียงหลีก็ไม่โกรธ เพียงแต่แสยะยิ้มเย็นแล้วไม่สนใจเขาอีก จากนั้นนางจึงยกสุราขึ้นดื่มเองลำพัง นางไม่เหมือนเว่ยจี๋ที่มีเพียงสุราไหเดียว นอกจากนางจะมีสุราหนึ่ง งไหในมือนี้แล้ว ในกระเป๋าวิเศษของนางยังมีอีกไม่น้อย
เว่ยจี๋เห็นนางเงียบไปจึงหน้านิ่งขรึมลงอย่าอดไม่ได้ “เจ้าหลอกข้า!”
เจียงหลีหัวเราะเยาะแล้วหันไปมองใบหน้ารูปงามของเขาที่มืดครึ้มลง “ตกลงเจ้าหลอกข้า หรือข้าหลอกเจ้ากันแน่”
“ข้าจะหลอกเจ้าได้อย่างไร เจ้าถามข้าว่าที่นี่คือที่ไหน ข้าก็ตอบไปแล้วไงว่าคือดินแดนผนึกมาร ข้าตอบผิดตรงไหน” เว่ยจี๋พูดอย่างมั่นใจเต็มปาก
เจียงหลียิ่งหัวเราะเยาะดังขึ้น “เจ้าก็รู้ดีแก่ใจนี่ ว่าข้าไม่ได้ถามถึงสิ่งนี้”
“นั่นก็เป็นเพราะเจ้าไม่ถามให้ชัดเจนเองนี่นา แล้วจะเอาอะไรกับข้าอีก” เว่ยจี๋ยังคงยืนกรานมั่นใจ
เจียงหลีกระตุกคิ้วเล็กน้อย จู่ๆ นางก็ยิ้มยั่วยวนแล้วเอ่ยถาม “เจ้าคงอยากรู้ชื่อสุรานี่ใช่ไหม”
“ถูกต้อง!” เว่ยจี๋ยอมรับ
จากนั้นถ้อยคำของเจียงหลีก็ทำให้เขาเกือบตกลงมาจากต้นไม้

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์