เจียงหลีรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
นางยังไม่ทันได้ดูถูกเว่ยจี๋ แต่กลับเว่ยจี๋กลับดูถูกนางก่อน
“ไอ้สารเลวนี่!” ชายชราร่างผอมบางยกมือเช็ดใบหน้าของเขา และเกือบจะพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อต่อสู้กับเว่ยจี๋
เจียงหลีรีบเอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโส ข้ามีคนรักอยู่แล้ว ไม่มีทางชายตามองเขาแน่นอน”
หืม!
ชายชราร่างผอมบางและเว่ยจี๋หันขวับมองไปที่เจียงหลีพร้อมกัน
ทันใดนั้น ชายชราร่างผอมก็เหลือบมองเว่ยจี๋และพูดด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีวันที่โดนคนดูถูกเช่นนี้ได้”
เว่ยจี๋ยิ้มเย็นชา แล้วมองเจียงหลีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประชดประชัน “เจ้าอย่าไปฟังนาง สตรีมักจะปากอย่างใจอย่าง เมื่อครู่นี้เจ้ายังบอกว่าข้ารูปงาม อยากเป็นเมียข้าอยู่เลย”
เหอะๆ!
เป็นเมียแม่เจ้าสิ!
ถุ้ยยย!
เจียงหลีพยายามระงับอารมณ์โกรธที่อยากระเบิดออกมา อะไรก็สามารถทนได้ ถ้าเรื่องชื่อเสียงนางจะไม่ทน! นางไม่สนใจตนเองได้ แล้วจะไม่สนใจลู่เจี้ยได้หรือ
“เจ้าหลงตัวเองไปแล้วกระมัง” เจียงหลีมองเว่ยจี๋ด้วยสายตาไม่พอใจ “ไม่รู้ว่าคู่หมั้นของข้าหล่อกว่าเจ้ากี่สิบเท่า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นี้ใครมองข้าจนน้ำลายไหลเล่า” เว่ยจี๋แสยะยิ้ม
เวรเอ๊ย!
เจียงหลีโมโหแล้ว “ใครมองเจ้าน้ำลายไหลกันฮะ!”
นางน้ำลายไหลหรือ มีซะที่ไหนฮะ!
อย่างมากที่สุด ก็แค่หลงใหลไปชั่ววูบ แต่เมื่อนางเห็นใบหน้าของลู่เจี้ย นางก็ต้องปราบปีศาจร้ายในใจทั้งหมดมิใช่หรือ
ทันใดนั้น
สายลมแห่งความชั่วร้ายก็พัดผ่านร่างของเจียงหลีไป
ผีเฒ่าร่างผอมบางมายืนอยู่ข้างกายนางแล้วเอ่ยถาม “แม่นาง อยากต่อยเขาสักหมัดใช่ไหมล่ะ”
อืม!
เจียงหลีพยักหน้าอย่างแรง
“แต่ว่า เขาจัดการยากนี่นา” ผีเฒ่าร่างผอมเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ
เจียงหลีขมวดคิ้ว เมื่อนึกขึ้นได้ แววตานางก็มองเขาอย่างครุ่นคิด “ผู้อาวุโส ท่านมีอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะ”
“แหะๆ” ชายชราร่างผอมบางลูบมือของเขาและยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เจ้ารู้ไหมว่ากิเลสของเขาคืออะไร” เว่ยจี๋เงยหน้าขึ้นและจิบสุราแล้วพูดเบาๆ
ทันทีที่เขาพูด ชายชราร่างบางก็กวาดสายตามองเขาอย่างชั่วร้าย
เจียงหลีมองเว่ยจี๋อย่างไม่เข้าใจ แล้วก็หันกลับไปมองผู้เฒ่าอีกครั้ง
เว่ยจี๋ไม่สนใจคำขู่ของผู้เฒ่าร่างบาง แล้วพูดต่อไปว่า “กิเลสของเขาก็คือต้องการหาคนผู้หนึ่งที่สามารถมาเป็นลูกศิษย์เพื่อเรียนวิชาของเขาภายในหนึ่งเดือน หากภายในหนึ่งเดือนนี้ไม่สามารถเรียนสำเร็จ ตาแก่นี้ก็จะฆ่าลูกศิษย์ของตัวเองให้ตายซะ”
ผู้เฒ่าร่างบางสีหน้ามืดครึ้ม เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “เว่ยจี๋ หากเจ้าไม่พูด ก็ไม่มีใครหาว่าเจ้าเป็นใบ้หรอกนะ!”
เมื่อเจียงหลีได้ยินก็หายใจไม่ออก
นี่มันบ้าอะไรเนี่ย หากเรียนไม่ได้ภายในหนึ่งเดือนก็จะฆ่าทิ้งอย่างนั้นหรือ
ราวกับว่าเขารู้สึกถึงความสงสัยของเจียงหลี เว่ยจี๋ไม่สนใจการข่มขู่ของชายชราร่างผอมและพูดต่อ “เพราะตาแก่นี่ปักใจเชื่อว่า เนื่องจากเขาสามารถรู้เคล็ดลับนี้ได้ภายในหนึ่งเดือนกับหนึ่งวัน ลูกศิษย์ของเขาจึงต้องใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือนเท่านั้น ถ้าทำไม่ได้ ก็จะไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกศิษย์ของเขา และเขาก็จะฆ่าตายจะได้ไม่ต้องอับอายขายขี้หน้า”
“ข้าฆ่าเจ้าก่อนก็แล้วกัน” ผู้เฒ่าร่างผอมทนไม่ไหวอีกต่อไป เงาร่างกะพริบไหวพุ่งเข้าใส่เว่ยจี๋
วิญญาณร้ายสองตนตรงหน้าเจียงหลีเริ่มต่อสู้กัน
แต่ว่า เว่ยจี๋เป็นฝ่ายรับ ส่วนผีเฒ่าร่างผอมเป็นฝ่ายโจมตี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองคนก็สู้กันจนแยกไม่ออก เจียงหลีลอบสังเกตด้วยความตกใจ ผู้เฒ่าร่างบางคนนี้แข็งแกร่งมาก เว่ยจี๋ทำเพียงตั้งท่ารับไม่โจมตีตอบโต้ ถ้าแข่งขันกับเขาได้ พลังที่แท้จริงของเว่ยจี๋จะแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์