ฟู่ว!
ทุกคนต่างสำลักให้กับคำพูดของเจียงหลี หลายคนหัวเราะพุ่งพรวดอย่างอดไม่ได้ แล้วรีบป้องปากตัวเอง
สีหน้าของพวกเจียงเฮ่าก็เต็มไปด้วยความตกใจ
โดยเฉพาะสีหน้าของอวิ๋นเซียว ช่างดูแพรวพราวยิ่งนัก
เจียงหลีหัวเราะอย่างนึกขัน “หากจะสู้กับเจ้า แน่นอนว่าต้องอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน มิฉะนั้น เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไร ทำไม ไม่กล้ารึ”
ไม่กล้าอย่างนั้นหรือ
เขาคืออวิ๋นเซียวแห่งป้อมปราการเฟยอวิ๋นเชียวนะ อวิ๋นเซียวนกเผิงพิฆาต ทำไมจะไม่กล้า!
“หากเจ้าทำได้แค่กดขี่รังแกผู้ที่อยู่ในอาณาเขตต่ำต้อยกว่า เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” เจียงหลีหันหลัง ดูเหมือนถ้าอวิ๋นเซียวไม่ปิดผนึกระดับการฝึกบำเพ็ญ นางก็จะไม่ต่อสู้ กับเขา
“ช้าก่อน!” สีหน้าของอวิ๋นเซียวดำดิ่ง
เจียงหลีหันสายตากลับมาขมวดคิ้วมองเขา
“ปิดได้ก็ปิดไป หากข้าอยู่อาณาเขตเดียวกับเจ้า ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้เหมือนกัน” อวิ๋นเซียวเอ่ยเสียงเข้ม
เจียงหลีพยักหน้า เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ข้าไม่ฆ่าเจ้า ให้เจ้าคาบข่าวกลับไปบอกป้อมปราการเฟยอวิ๋นของพวกเจ้า ในงานปาฐกถาเจ้าครองนคร คนของป้อมปราการอวิ๋นเฟยต้องล้างมลทินให้ข้า ต่อไ ไป หากศิษย์ป้อมปราการเฟยอวิ๋นต้องการเข้าพบคนของฮวงเสินก็จะต้องเดินก้มหัวให้ มิฉะนั้น หากข้าเจอหนึ่งครั้ง ข้าก็จะฆ่าหนึ่งครั้ง ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น”
โอ้โห!
โคตรเท่!
เมื่อกลุ่มอำนาจอื่นๆ ที่กลายเป็นผู้ชมได้ยินคำพูดของเจียงหลี ดวงดาวประกายเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา
ไหวปี้มองเจียงหลีด้วยสีหน้าอ่อนโยน และสายที่ชื่นชม ทั้งยังขุ่นเคือง จึงลอบถอนหายใจ เวรกรรมจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าระหว่างนางกับเจียงหลีไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ก็ถูกนางทำให้หวั่ นไหวอยู่ร่ำไป
“พูดได้ดี!” กงเสวี่ยฮวาชูสองมือเห็นด้วย
ฉินเทียนอีก็หัวเราลั่นเช่นกัน “ถูกต้อง ต่อไปศิษย์ป้อมปราการเฟยอวิ๋น หากเดินไปข้างนอกต้องระมัดระวังแล้ว”
ใบหน้าของอวิ๋นเซียวมืดหม่นและเจตนาฆ่าในสายตาของเขาดูเหมือนจะเป็นความจริง
วิญญาณชั่วร้ายที่เจียงหลีสั่งให้มาก็สบถเสียงเย็นด้วยความเหยียดหยาม ทำให้สีหน้าของอวิ๋นเซียวย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม ทันทีหลังจากนั้น เขารู้สึกว่าฐานการบำเพ็ญของเขาลดลงอย่างต่อ อเนื่อง จนถึงระดับขั้นหลิงจงสูงสุด
หลิงจงสูงสุด! นางถูกขังอยู่ที่นี่ ไม่สามารถหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์ได้ พอจากไป แน่นอนว่าต้องหลอมรวมกับวิญญาณยุทธ์เพื่อเลื่อนระดับหลังหวัง สตรีคนนี้ ต้องตายเท่านั้น!
อวิ๋นเซียวหมายมั่นว่าจะสังหารเจียงหลีอีกครั้งในหัวใจ
ตู้ม!
อวิ๋นเซียวปล่อยพลังโจมตีก่อน ข้างหลังสยายปีกสีทองคู่หนึ่ง
“นกเผิงพิฆาตมาอีกแล้ว!”
“นี่จะเริ่มใช้นกเผิงพิฆาตแล้วใช่ไหม”
“อวิ๋นเซียวถูกบีบจนตรอกแล้ว! อยากจบสงครามเร็วๆ อย่างนั้นหรือ”
“แต่นงเผิงพิฆาตที่ปล่อยออกมาจากผู้ที่อยู่อาณาเขตหลิงจงมันอ่อนแอกว่าก่อนหน้านี้อีกนี่นา”
“…”
ท่านผู้รับชมเริ่มวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดอีกครั้ง
แววตาของเจียงหลีสงบนิ่ง นางดูไม่ตกใจกับนกเผิงพิฆาตของอวิ๋นเซียวมากนัก
นางก้าวออกไป พลังวิญญาณในร่างกายระเบิดออกมา เพียงอึดใจเดียว ก็เต็มไปด้วยอากาศแหลมคมรอบตัวนาง และคนทั้งคนก็กลายเป็นอาวุธวิเศษไร้ที่เปรียบ ทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยพลังปราณอั นเฉียบคม
เคร้งๆๆ!
เสียงโลหะแหลมดังก้องกังวานอย่างต่อเนื่อง
รัศมีที่แหลมคมรอบตัวของเจียงหลียังคงสะสมไม่หยุดหย่อย และฟ้าดินก็พลันเปลี่ยนสี
“นี่คือทักษะต่อสู้อะไรหรือ ทำไมถึงยอดเยี่ยมขนาดนี้!”
“นั่นน่ะสิ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
“…”
รอบกายของเจียงหลีส่องแสงประกาย แม้กระทั่งนางยังไม่ทันได้ปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมา นางยังคงยืนอยู่กับที่ แต่อวิ๋นเซียวกลับถูกปราณอันเฉียบคมสกัดกั้นเอาไว้ ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได ด้
น่ารังเกียจ!
ไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวพุ่งออกมาจากดวงตาของอวิ๋นเซียว
สงครามครั้งนี้ เขาจะต้องชนะ ต้องชนะเท่านั้น!
ทุกคนมองไปที่อวิ๋นเซียวและรู้สึกถึงความเชื่อมั่นในชัยชนะของเขา แต่ทว่า เขาไม่สามารถเข้าใกล้ เจียงหลีได้ ดังนั้นเขาจะชนะได้อย่างไรเล่า
อวิ๋นเซียวไม่สามารถเข้าใกล้ได้ แต่เจียงหลีกลับแตกต่างออกไปสิ้นเชิง
ดวงตาฉายแววเยือกเย็น และนางยิ้มเยาะเย้ยอวิ๋นเซียว ร่างนั้นกลายเป็นแสงระยิบระยับและพุ่งออกมาราวกับอาวุธวิเศษ ทันใดนั้น พลังปราณอันเฉียบแหลมควบแน่นจากระหว่างฟ้าและดินพร้อมกับ นางที่พุ่งเข้าใส่อวิ๋นเซียว


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์