“…”
คำพูดและความตั้งใจที่มั่นใจของเขาทำให้เจียงหลีตะลึงงัน
“ใจเย็นๆ นะใจเย็นๆ” เจียงหลีเอ่ยกับไหสุราที่สั่นไปมาบนโต๊ะ
“เจียงหลี ช่วยข้าเถิดนะ” เมื่อไหสุราหยุดสั่นไปมา แต่กลับมีเสียงของเว่ยจี๋ดังขึ้นมาเพื่ออ้อนวอนอย่างไม่ลดละ
เจียงหลียิ้มเจื่อนอย่างปล่อยวาง “ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร ศิษย์พี่ใหญ่ก็มองไม่เห็นเจ้า เจ้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ได้อย่างไร จะว่าไป ข้าจะอธิบายถึงการมีอยู่ของเจ้ากับศิษย์พี่ใหญ่อย่า างไร”
“ข้ามีวิธี” เว่ยจี๋เอ่ย
“วิธีอะไร” เจียงหลีชะงักไป
เว่ยจี๋เอ่ยต่อ “ขอแค่เพียงข้าอยู่ไม่ห่างจากไหสุราเกินหนึ่งจั้ง[1] ก็จะไม่มีปัญหาอะไร เช่นนี้ เจ้าก็หาเวลาวันหนึ่ง หาข้ออ้างไปดูเขากลั่นสุรา จากนั้นก็นำไหสุราไปวาง ในจุ ดที่ข้าจะมองเห็นเขากลั่นสุราได้อย่างไรเล่า”
“นี่ไม่ได้เรียกว่าฝากตัวเป็นศิษย์แล้ว นี่มันเรียกการขโมยวิชา” เจียงหลีกลอกตา
“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้หรอก” เว่ยจี๋กลับไม่เห็นด้วย “เจ้าก็แค่นำไหสุราไปวางไว้ตรงสถานที่ที่เขากลั่นสุรา เช่นนี้ข้าก็จะสามารถดูเขากลั่นสุราได้ตลอดเวลา”
“จะเป็นไปได้เช่นไร” เจียงหลีคัดค้าน “เจ้าอย่าลืมว่าทำไมข้าถึงพาเจ้ากลับมาด้วย”
“ไม่ลืม! ถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าก็มีพื้นฐานวิชาปลุกเสกหุ่นเชิดแล้ว ไม่ต้องให้ข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอดเวลาหรอก เช่นนี้ หลังจากข้าสอนวิชาปลุกเสกหุ่นแล้ว เจ้าก็ฝึกฝนด้วยตนเองไปก่อน ไม่เข้าใจสิ่งใด ก็ค่อยมาถามข้าอีกที” เว่ยจี๋เอ่ย
สีหน้าของเจียงหลีมีความโมโหเล็กน้อย นางกำมือแน่น แสดงให้เห็นถึงในขณะนั้นนางอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เว่ยจี๋คนนี้ เมื่อพบคนหรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับสุรา ก็จะสติแตกง่ายๆ ในทันที
“ข้าอยากทุบไหสุราเจ้าให้แตกนัก” ดวงตาคู่ของเจียงหลีหรี่ลง ยิ้มแล้วเอ่ย
“อย่านะ” เว่ยจี๋รีบเอ่ย
“อย่าอย่างนั้นหรือ” มุมปากเจียงหลีเหยียดยิ้มเหมือนคิดใคร่ครวญ
“หลังเจ้าทุบมันทิ้ง ศิษย์พี่ให้ของเจ้าจะเสียใจ ไหสุรานี้ มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า” เว่ยจี๋อธิบาย
เจียงหลีค่อยหลับตาลง พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้สงบ
“เจียงหลี…”
เจียงหลีนิ่งเงียบไม่พูด ทำให้เว่ยจี๋อ้อนวอน “เจ้ารู้กิเลสของข้าคืออะไร หรือว่าเจ้ายอมเห็นข้าคงอยู่ในรูปแบบของกิเลสนี้ตลอดไปหรือ”
“พอได้แล้ว!” เจียงหลีลืมตา แววตาแสดงให้เห็นถึงการประนีประนอม
ขณะที่อยู่ดินแดนผนึกมาร เขาก็ถือว่าช่วยนางไปไม่น้อย ครั้งนี้ ถือว่าเป็นตอบแทนแล้วกัน
“เจ้าตอบตกลงแล้ว!” เว่ยจี๋รู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง
“อืม” เจียงหลีตอบกลับสั้นๆ อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
“แล้วพวกเราจะไปกันเมื่อใด” เว่ยจี๋รีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
เจียงหลีเอ่ยอย่างจำใจ “ช้าไปอีกไม่กี่วันได้หรือไม่ ให้เจ้าสอนวิชาหุ่นเชิดกับข้าอีกเล็กน้อย แล้วข้าจะนำเจ้าไปวางไว้ที่ศิษย์พี่ใหญ่หมักสุรา”
นางเข้าใจแล้ว เมื่อมองจากความหลงใหลของสุราของเว่ยจี๋ ก็ทำได้เพียงนำเขาไปอยู่ในที่เสิ่นฉงหมักสุรา นางถึงจะอยู่ได้อย่างสงบ
“ไม่มีปัญหา!” เว่ยจี๋ก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา
…
วันที่สอง เดิมทีเจียงหลีตัดสินใจที่จะไปคาราวะซือจุน แต่รู้ว่าท่านประมุขยังคงไม่ออกมาจากการบำเพ็ญปฏิบัติ ดังนั้น นางจึงกลับไปที่ตำหนักตนเอง เพื่อฝึกฝนวิชาหุ่นเชิดกับเว่ย ยจี๋ต่อ
วันที่สาม วันที่สี่ เสิ่นฉงรวมพวกสามคนแบ่งกันทดสอบการฝึกฝนด้านต่างๆ ของนาง
เมื่อพอใจแล้ว จึงอนุญาตให้นางพักได้หนึ่งวัน ออกไปนอกตำหนักเย่าได้
เดิมเจียงหลีอยากไปหาคนคุ้นเคยอย่างลู่เสวียน เหวินเหรินชิ่งชิ่ง หนานอู๋เฮิ่น เฟิงสิงอวิ๋น แต่คิดไม่ถึงว่า ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งออกจากประตูหุบเขาเพื่อไปฝึกฝน ส่วน หนานอู๋เฮิ่นและเฟิงสิงอวิ๋นได้รับมอบหมายหน้าที่ให้กลับไปที่สถาบันไป๋หยวนที่หนานฮวง
ทำให้พลาดกันอย่างน่าเสียดาย เจียงหลีทำได้เพียงกลับตำหนักเย่า เพื่อฝึกฝนวิชาปลุกเสกหุ่นต่อ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน
เว่ยจี๋ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ในที่สุดเจียงหลีก็เอ่ยปากขอเสิ่นฉงไปเยี่ยมชมสถานที่หมักสุราของเขา ในเรื่องนี้ เสิ่นฉงก็ตอบรับด้วยความยินดี


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์