มอออ
ในหลุมขนาดใหญ่ แรดร้องคร่ำครวญตลอดเวลา และมีแสงสีทองจางๆ ปรากฏขึ้นบนร่างกาย ซึ่งเป็นสัญญาณของการพร้อมประสาน
ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียความสามารถในการต้านทาน
ร่างของเจียงหลีเป็นประกาย และปรากฏตัวข้างๆ คุนอู๋ มองไปยังคนที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นและโค้งริมฝีปากยิ้ม “ไม่เจอกันนานเลย มู่เหยี่ยนฉือ”
บุคคลนี้คือเทียนเจียวแห่งวังเทียนอู่กง พี่ชายต่างมารดาของมู่ชิงเหยียน และเคยเป็นองค์ชายรองของราชวงศ์โฮ่วจิ้น
เจียงหลีก็คาดไม่ถึงว่าการค้นหาวิญญาณยุทธ์ที่จะเข้าสู่ระดับหลิงหวังนั้นจะได้บังเอิญพบกับเขา
มู่เหยี่ยนฉือเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเจียงหลี แล้วก้มศีรษะลง
เขามีใบหน้าคมชัดและหล่อเหลากำยำ จุดอ่อนข้อเดียวคือเก็บซ่อนความรู้สึกมากเกินไป ทำให้มองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
คุนอู๋เดินตรงเข้ามาและยิ้มให้กับเจียงหลี แล้วกล่าวว่า “ศิษย์น้องเล็ก ตอนนี้เจ้าควรบอกให้ข้ารู้ได้แล้วว่าตกลงเจ้ากับเขาเป็นอะไรกัน”
เจียงหลียักคิ้ว มองไปที่มู่เหยี่ยนฉือด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้มและกล่าวว่า “เคยเป็นศัตรูกัน แต่ตอนนี้ปรับความเข้าใจกันแล้ว”
คุนอู๋พยักหน้า แม้จะดูเหมือนเข้าใจแต่แท้จริงไม่เข้าใจก็ตาม และสายตาจับจ้องไปยังมู่เหยี่ยนฉือที่เงียบงัน “แรดตัวนั้น ถือว่าเป็นของเจ้าหรือของข้า”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ในที่สุดมู่เหยี่ยนฉือก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง จ้องมองไปที่คุนอู๋ ริมฝีปากบีบแน่นเป็นเส้นตรง และใบหน้าตึงเครียดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการแรดตัวนี้มาก
แต่ทว่า นิสัยของเขา ไม่อนุญาตให้เขาปริปากร้องขอ
ได้รับการช่วยเหลือ ถือว่าโชคดีมากแล้ว จะขอแรดตัวนี้อย่างไร้ยางอายได้อย่างไร
แววตาดิ้นรนอยู่หลายที ก่อนที่จะมู่เหยี่ยนฉือพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ของท่าน” ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยอมแพ้กับวิญญาณยุทธ์ที่เขาปรารถนา
“อืม! ถือว่าไม่เลว” หลังจากที่คุนอู๋ได้รับคำตอบ เขาเดินไปหาแรดด้วยรอยยิ้ม ยื่นมือออกแตะตัวแรดที่แข็งดั่งเหล็ก และค่อยๆ ชื่นชมมัน
เจียงหลีส่ายศีรษะอย่างหมดคำพูด นางรู้ดีว่าคุนอู๋จะไม่ประสานกับแรดหรอก เพียงแค่อยากหยอกมู่
เหยี่ยนฉือเล่นเท่านั้น
นางรู้สึกว่าศิษย์พี่สามของตนมีพฤติกรรมที่แปลอยู่ประการหนึ่ง นั่นก็คือคนที่ยิ่งชื่นชอบ ก็จะยิ่งเย้าแหย่มากเท่านั้น
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาเผยความชื่นชอบที่มีต่อมู่เหยี่ยนฉือออกมาให้เห็น แต่ตอนนี้…
“อ่ะแฮ่ม ศิษย์พี่สาม มู่เหยี่ยนฉือผู้นี้เป็นศิษย์เทียนเจียวจากวังเทียนอู่กง” เจียงหลีแกล้งกระแอมไอและเอ่ยขึ้น
“วังเทียนอู่กงหรือ” คุนอู๋หันหลังและเดินไปหามู่เหยี่ยนฉือ นั่งยองอยู่ตรงหน้าเขา แล้วโน้มตัวเข้าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส “เจ้าเป็นลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงจริงๆ หรือ”
มู่เหยี่ยนฉือไม่ค่อยคุ้นชินกับการมีคนเข้ามาประชิดเช่นนี้ ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเขายิ่งตึงเครียด
อย่างไรก็ตาม เขายังคงตอบคำถามของคุนอู๋และพยักหน้า
“แล้วทำไมไม่มีใครในวังเทียนอู่กงของพวกเจ้ามากับเจ้า แต่กลับปล่อยให้เจ้ามาไล่ล่าวิญญาณยุทธ์ลำพัง” คุนอู๋ถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมู่เหยี่ยนฉือ
มุมปากของเจียงหลีกระตุกเล็กน้อย รู้สึกว่าศิษย์พี่สามของนางกำลังคิดจะแกล้งปั่นปวนเขาอีกครั้ง
“ข้า…”
“โธ่! วังเทียนอู่กงช่างรังแกคนเสียจริงเลย ดูๆ แล้ว เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์ สู้ออกจากวังเทียนอู่กงมาเข้าร่วมกับฮวงเสินเราแทน” คุนอู๋ขัดจังหวะคำพูดที่เตรียมจะอธิบายของมู่เหยี่ ยนฉือ ถึงขั้นสนับสนุนให้เขาทรยศต่ออาจารย์ของเขา
“…” มู่เหยี่ยนฉือมองเขาอย่างตกตะลึง
เจียงหลีก็หมดคำพูด
นางรู้ว่าคุนอู๋แค่ล้อเล่น แต่เมื่อดูจากสีหน้าของมู่เหยี่ยนฉือแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะจริงจังไม่น้อย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์