ตระกูลลู่ที่สืบทอดอำนาจมานับร้อยปีในเมืองซูหนานที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ จุดนี้ใครๆ ต่างก็ทราบกันดี ทว่าเมื่อได้ลองเข้าใกล้ตระกูลมั่งคั่งนี้เข้าจริงๆ จะรู้สึกว่าช่างน่าประหวั่นนัก
กำแพงล้อมรอบทอดยาวทำให้ที่แห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ประตูใหญ่สูงตระหง่าน กั้นรั้วราวสลับเสาหยก คิ้วประตูข้างบนติดแผ่นป้ายคำขวัญเคลือบทองคำเปลว ฐานบันไดหยกหินและทางเดินเชื่อมตรงสู่จวนตระกูลลู่ ด้านหน้าก็จะเห็นป้ายพระราชทานเกียรติยศ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้ตระกูลลู่มีสถานะสูงส่งน่าเลื่อมใสในเมืองซูหนาน
เย่ว์หนานซียืนอยู่ตรงหน้าประตูจวนตระกูลลู่ แหงนหน้ามองประตูสูงใหญ่ สูดหายใจเข้าลึกๆ มือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อบีบแน่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
สักวันหนึ่ง เขาจะทำให้ตระกูลเย่ว์ขึ้นเป็นใหญ่เช่นนี้บ้าง! ในดวงตาคมคู่นั้นเกิดประกายไฟแผดเผา
มารดาของเจียงอวี๋ก็มองไปที่ประตูใหญ่ของจวนตระกูลลู่เช่นกัน ภายในใจตื่นตระหนกมากกว่าเย่ว์หนานซีเสียอีก
อำนาจบารมีของตระกูลลู่ แม้กระทั่งตระกูลอื่นที่มีชื่อเสียงเกียรติยศก็คงมิเทียบเท่าความสูงส่งนี้ได้ จึงทำให้ใครหลายคนรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างเกิดมาต่ำต้อย
ถ้าหากใกล้ชิดตีสนิทคนในตระกูลนี้ได้เล่า ลูกสาวของนางจะโชคดีแค่ไหน เหอซื่อแอบนึกอิจฉาในใจ แน่นอนว่าลูกสาวของนางไม่มีทางมีสถานะเป็นเพียงแค่ทาสรับใช้ในตระกูลนี้เด็ดขาด
แม้จะรู้ดีแก่ใจ แต่เหอซื่อก็ยังอดคิดอิจฉาในวาสนาของเจียงหลีไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าต่างก็เป็นคุณหนูจากตระกูลขุนนางเหมือนกัน ขนาดชีวิตพลิกผันกลายไปเป็นทาสชั้นต่ำ คนในตระกูลลู่ยังชายตามองนาง ทั้งยังพาตัวนางกลับมาด้วย
นางเก็บซ่อนความอิจฉาริษยาไว้ในใจ จากนั้นเหอซื่อจึงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
ทันใดนั้นก็มีเสียงทมึนตึงดังข้ามผ่านธรณีประตูที่ปิดสนิท เหอซื่อสะดุ้งตกใจหยุดอยู่กับที่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
“เสียง…เสียงมาจากที่ใดกัน” นางเหอซื่อตกใจหน้าซีดเผือก สั่นเทิ้มไปทั่วทั้งกาย แววตาหวาดหวั่นมองไปทางลูกสาวและว่าที่ลูกเขย
เจียงอวี๋สีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน ถอยหลังไปอยู่ข้างๆ เย่ว์หนานซี นางหวาดผวาราวกับลูกนก
ขณะนี้เย่ว์หนานซีเองก็มิอาจต้านรับได้ เสียงที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อสักครู่ รับรู้ได้ถึงแรงกดดันในน้ำเสียงทรงพลังของผู้มีศิลปะการต่อสู้ชั้นสูง สะเทือนขวัญเสียจนเนตรญาณของเขาเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด
คนผู้นี้เป็นจอมยุทธ์อย่างแน่นอน
ช่างแข็งแกร่งนัก!
เย่ว์หนานซีหรี่ตามองไปที่ประตูจวนตระกูลลู่ แววตาเจือเติมความแรงกล้าไปอีกหลายส่วน
เขายกแขนขึ้นเอาชายแขนเสื้อออกจากมือของเจียงอวี๋ ก่อนจะประสานมือคำนับด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเคารพนับถือ “ข้าน้อยคือเย่ว์หนานซีจากตระกูลเย่ว์ มาเพื่อคารวะตระกูลลู่ ท่านผู้อาวุโสได้โปรดกรุณาข้าน้อยด้วยเถิด”
“มีธุระอันใด” เสียงนั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
แม้เย่ว์หนานซีจะกล่าวแนะนำตนไปแล้ว แต่น้ำเสียงนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
เหอซื่อก็สัมผัสได้เช่นกัน จึงทำให้หวั่นใจมากขึ้น
เย่ว์หนานซีกลับไม่รู้สึกอะไร ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมมีคนเคารพยำเกรง คนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเขานัก เป็นธรรมดาที่จะมีท่าทางยโสโอหัง “ขอบคุณผู้อาวุโสอย่างยิ่ง คืออย่างนี้ขอรับ หนานซีมีลูกพี่ลูกน้องห่างๆ อยู่คนหนึ่ง เหตุเพราะครอบครัวที่เคยรุ่งเรื่องกลับตกอับ จำเป็นต้องกลายมาเป็นทาส พวกเราตามหามาตลอดทางกลับได้ข่าวว่านางถูกนายน้อยลู่นำตัวกลับมาด้วย ให้ทำเยี่ยงไรจึงจะหาคำตอบได้ พวกเราจึงได้แต่โยนหินถามทางมาเรื่อยๆ ขอรับ”
รู้ทั้งรู้ว่าเจียงหลีถูกเหอซื่อส่งไปขายเป็นทาส แต่เมื่อเย่ว์หนานซีสาธยายออกมาเช่นนี้ทำให้เปลี่ยนความรู้สึกของผู้ฟังได้
เจียงอวี๋ก้มหน้าก้มตาไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา นางใจเต้นตึกตักกลัวว่าจอมยุทธ์ผู้นี้จะจับได้ว่าเย่ว์หนานซีกำลังปั้นเรื่องโกหก แต่เหอซื่อกลับไม่รู้สึกประหลาดใจเท่าใด อีกทั้งยังแอบคิดว่าเย่ว์หนานซีเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง
“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ไม่มีทาสคนใหม่เข้ามาที่จวน พวกเจ้ากลับไปเสียเถอะ” เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเสียงนั้นถึงตอบกลับมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าได้รับการยืนยันจากคนในจวนก่อนที่จะให้คำตอบกลับมา
ไม่มีอย่างนั้นหรือ เย่ว์หนานซีขมวดคิ้วมุ่น
จะไม่มีได้อย่างไร ข่าวที่ตระกูลเย่ว์ไปสืบมาคงไม่ใช่ข่าวเท็จหรอกกระมัง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์