ลู่เสวียนที่อยู่ตรงหน้า เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม ไร้เดียงเสียงและตรงไปตรงมา เมื่อเทียบกับพี่ชายเขาแล้ว เขาอบอุ่นและผ่อนคลายกว่ามาก
“หลียาโถ่ว เจ้ามากับข้าเถอะ ข้ารับประกันว่าเจ้าจะปลอดภัยผ่านพ้นเจ็ดวันนี้ไปได้!” ลู่เสวียนเดินมาด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยพร้อมกับยื่นมือตบไปที่ไหล่ของเจียงหลี
แต่ว่า กลับถูกเจียงหลีหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
นางไม่รู้เสียจริงว่าลู่เสวียนนั้นมีสมองหรือไม่ นางหัวเราะ “เจ้าเห็นข้านำเอาป้ายมายังที่นี่ ก็แสดงให้เห็นว่าข้าเองก็ต้องมีความสามารถอยู่บ้าง ยังต้องการให้เจ้ามาปกป้องด้วยหรือ อีกอย่าง อย่าเรียกข้าว่าหลียาโถ่ว!”
“เจ้านำป้ายมา ย่อมแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีความสามารถอยู่แล้ว แต่ว่า ผู้ที่เข้ามาที่นี่ ทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่มีป้าย เจ้าคิดว่าพึ่งแค่ตนเอง จะสามารถรอดพ้นผ่านไปได้เจ็ดวันงั้นหรือ อีกอย่าง ถ้าไม่ให้ข้าเรียกเจ้าว่าหลียาโถ่ว จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไร” ลู่เสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เรียกข้าเจียงหลี” เจียงหลีกล่าวด้วยใบหน้าที่สงบ
ลู่เสวียนส่ายหน้า “เรียกชื่อเช่นนี้ มันดูไม่ห่างเหินเกินไปหน่อยหรือ เจ้าเป็นคนของพี่ชายข้า ก็เท่ากับเป็นคนกันเอง ข้าเรียกเจ้าว่าหลียาโถ่ว เจ้าเรียกข้าว่าลู่เสวียนก็พอ อย่าเรียกข้าว่าซื่อจื่ออะไรนั่น เฉิ่มนัก”
จากคำพูดของเขา เจียงหลีฟังออกว่าเขารู้สึกกับการขนามนามว่าเทพบุตรแห่งราชาแคว้นลู่ เป็นการเยาะเย้ยดูถูก
บางที ภายในใจเขารู้ ที่เรียกว่าราชาแคว้นลู่ เป็นเพียงแค่หมวกที่จักรพรรดิใช้เพื่อจูงตระกูลลู่
“ข้าเรียกเจ้าว่าลู่เสวียนได้ แต่ว่าเจ้าก็ต้องเรียกข้าว่าเจียงหลี” เจียงหลียืนหยัดอีกครั้ง
“ข้าจะเรียกเจ้าว่าหลียาโถ่ว ทำไม เจ้าจะกัดข้าหรือ!” ลู่เสวียนขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าที่สวยงามนั้น กะพริบตาต่อหน้าเจียงหลี
ท่าทางเช่นนั้น ช่างเหมือนกับพี่ชายเขาเป็นอย่างมาก!
เจียงหลีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ ถ้ามีโอกาสข้าจะตีเจ้าให้ตายแน่”
“โอโห! หลียาโถ่ว นี่ ตัวยังละอ่อน แต่นิสัยกลับไม่อ่อน” ลู่เสวียนก็ไม่ได้ใส่ใจ เขายื่นมือไปจับผมของเจียงหลี
เจียงหลีในตอนนี้ ส่วนสูงถึงแค่ตรงอกของลู่เสวียน เพียงเขายกมือขึ้น ก็จับโดนหัวของนางอย่างงายดาย
ความรู้สึกนี้ ทำให้นางไม่พอใจ และหลบไปอย่างรวดเร็ว
ลู่เสวียนที่คว้าโดนอากาสธาตุอีกครั้ง กล่าวกับเจียงหลีด้วยความโกรธและขบขัน “แม่สาวน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าซั่งตูมีเด็กสาวมากมายที่รอคอยให้คุณชายอย่างข้าทำเช่นนี้ด้วย ข้าดีกับเจ้า เจ้ากลับไม่ต้องการ!”
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำดีกับข้า” เจียงหลีกล่าวตรงๆ
“เจ้าเป็นคนของพี่ชายข้า ข้าทำดีกับเจ้าก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว” ลู่เสวียนกล่าวแบบตรงไปตรงมา
“……” เจียงหลีไม่พูดอะไร
ลู่เจี้ยตั้งใจสร้างภาพลักษณ์เช่นนี้แก่นาง ทำให้ทุกคนในตระกูลลู่มีท่าทีที่แตกต่างกับนาง ถึงสถานะของนางจะเป็นสาวใช้ แต่ว่ากลับไม่เคยได้ทำงานของสาวใช้เลย แถมยังมีจวนลู่คอยสนับสนุนทรัพยาการการฝึกฝนวรยุทธให้นางอีกด้วย
ทรัพยากรเหล่านั้นของตระกูลเย่ว์ ลู่เจี้ยก็ให้นางทั้งหมดตามสัญญา จนกลายเป็นคลังสมบัติของนาง
ที่เป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะความรักและเคารพที่คนในจวนตระกูลลู่มีต่อลู่เจี้ย
ขนาดน้องชายผู้มีพรสวรรค์ของเขาอย่างลู่เสวียน ยังให้ความสำคัญกับลู่เจี้ยพี่ชายคนนี้เป็นอย่างมาก ตั้งแต่มีชีวิตใหม่ ประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ ทำให้เจียงหลีได้เห็นถึงผู้ที่ไร้หัวใจไร้ความรู้สึกอย่างลู่เจี้ย และตระกูลลู่ที่มีน้ำใจและเปี่ยมด้วยคุณธรรม
ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ได้พบกับคนแบบลู่เจี้ย นางไม่รู้ว่าเขาต้องประสบกับอะไรมาบ้าง ทันใดนั้น เจียงหลีสังเกตเห็นว่าลู่เจี้ยไม่ได้ไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก แต่ว่าเขาเก็บซ่อนทุกอย่างไว้ในที่ส่วนลึกที่สุดของหัวใจเท่านั้น
“ไปเถอะ หลียาโถ่ว เราเดินไปรอบๆ หุบเขาโยวโยวนี้กัน” คำพูดของลู่เสวียน ขัดจังหวะความคิดของเจียงหลี
เจียงหลีมองไปที่เขา กลับเห็นลู่เสวียนไพล่แขนไปไว้ด้านหลัง ค่อยๆ เดินไปยังหุบเขาโยวโยว
นางไตร่ตรองครู่หนึ่ง ยังคิดว่าตามเขาข้างหลังดีกว่า
อย่างไรก็ตาม กฎการทดสอบก็คือการอาศัยอยู่ในหุบเขาโยวโยวเจ็ดวัน ไม่ได้มีรายละเอียดใดในการทดสอบ ดังนั้น ต่อให้ไปกับลู่เสวียน หรือแยกกันก็ไม่ได้อะไรแตกต่างสักเท่าใด


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์