ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 210

ตอนที่ 210 กลับ
ซูผิงหยิบขวดน้ำออกจากกระเป๋ าเป้ และใช้เงาสะท้อนของน้ำเพื่อ
ตรวจสอบว่าหน้าผากของเขาเป็นยังไง
เครื่องหมายคือมังกรขนด
พลังของวิญญาณมังกรที่เหลือซ่อนอยู่ภายในเครื่องหมายนี้ ต้องขอบคุณ
ที่ทำให้ฉันสามารถเข้าและออกอาณาจักรลับได้ตลอดเวลา …
ซูผิงลูบไล้รอยประทับนี้อย่างอ่อนโยน หวังว่าเขาจะซ่อนมันได้ มิฉะนั้น
มันจะทำให้เขาโดดเด่นมากเกินไป เขาจะเหมือนเปาบุ๋นจิ้น
เขารู้สึกว่าพลังดวงดาวที่เพิ่มขึ้นภายในตัวเขากำลังสร้างความสัมพันธ์
กับเครื่องหมาย เขาพยายามดึงพลังดวงดาวกลับมา
สิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น ในขณะที่พลังดวงดาวของเขาถูกดึงกลับมาเครื่องหมาย
บนหน้าผากของเขาก็เริ่มขยับ จากนั้นตราประทับมังกรก็จมลงไปพร้อม
กับพลังดวงดาว หายไปจากผิวของเขา และหน้าผากของเขาก็สะอาด
เหมือนเดิม
ซูผิงรู้ว่ายังมีตรามังกรอยู่ แต่มันถูกปกปิดไว้ใต้ผิวหนัง
ใช้งานแบบนี้นี่เอง …
ซูผิงหายใจอย่างโล่งอก สุดท้ายตราก็ไม่ใช่ปัญหา ความเสียใจเพียงอย่าง
เดียวของเขาคือเขายังหล่อเกินไปอยู่ดี …
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันผ่านกระดูกมังกรชั้นเก้ามาแล้ว ฉันต้องได้รับ
ความสนใจจากผู้ดูแลแน่ … เขารู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของมรดก และได้
ตั้งใจปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนดินแดนที่ได้รับการสำรวจ
ซูผิงดึงสติกลับมา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เขาคิดอยู่เล็กน้อยและ
ตัดสินใจรีบกลับไปที่เมืองฐานโดยเร็วที่สุด
เขาจะปลอดภัยถ้าอยู่ในร้าน
ด้วยการปกป้องจากระบบ เขาไม่กลัวนักรบอสูรในตำนานด้วยซ้ำ ระบบ
ได้อวดอ้างว่าแม้แต่เทพหรือปี ศาจก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้ ตราบเท่าที่
เขาอยู่ในระยะของร้าน!
เมื่อเทียบกับเทพและปีศาจ นักรบอสูรในตำนานไม่นับเป็นอะไร
ซูผิงไม่ได้อยู่นิ่งเฉยหลังจากตัดสินใจ เขากระตุ้นตรามังกรให้ทำงาน
และออกจากอาณาจักรลับ

ที่แท่นมังกรด้านหน้า กระดูกมังกรสูงตระหง่าน …
มีผู้คนมารวมตัวกันที่นั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีคนได้ยินว่ามีคนมาไปถึง
กระดูกมังกรชั้นที่เก้า คนที่อยู่ห่างออกไปก็รีบกลับมาและเข้าร่วมฝูงชน
รอบแท่นมังกร
พวกเขาทั้งหมดเงยหน้าขึ้นเพื่อจ้องมองไปที่กระดูกมังกรที่สูงที่สุด
“ผู้ชายคนนั้นคือใคร? เขาสามารถไปถึงกระดูกมังกรชั้นเก้าได้ยังไง?”
“เดี๋ยวก่อนพวกนายกำลังพูดจริงใช่ไหม? มีใครบางคนปี นขึ้นไปถึง
กระดูกมังกรชั้นเก้า? ฉันได้ยินมาว่าคนที่ปีนขึ้นสูงสุดคือชั้นหก นาย
แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นใช่ไหม?”
“จะบ้าหรอ! ที่นี่มีคนอยู่ตั้งเยอะ เป็นไปไม่ได้ที่เราทุกคนจะตาฝาด
นอกจากนี้นายไม่เห็นหรอ แม้แต่ปรมาจารย์ดาบก็อยู่ที่นั่น คนใหญ่คน
โตเหล่านั้นจะตื่นตัวไหมหากไม่มีใครไปถึงกระดูกมังกรชั้นเก้า”
“…นายพูดถูก ยังไงก็ตามผู้ชายคนนั้นคือใคร? เขามาจากตระกูลไหน?”
“ใครจะไปรู้ แต่เขาต้องยอดเยี่ยมแน่ ๆ เขาเก่งกว่าใคร ๆ ที่เคยพยายาม
เอาชนะความท้าทายนี้!”
“ใช่ แม้แต่เย่เทียนหมิงที่เป็นอันดับหนึ่งก็ไปถึงเพียงกระดูกมังกรชั้นหก
เท่านั้นเมื่อหลายปี ก่อน “
“สำหรับเขาแม้แต่กระดูกมังกรชั้นเจ็ดก็ยาก นับประสาอะไรกับกระดูก
ชั้นเก้า ฉันได้ยินมาว่าความยากจะเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่กระดูกมังกร
ชั้น 7 ขึ้นไป แม้แต่ปรมาจารย์ดาบก็ยังต้องถอยเมื่อมองเห็นกระดูกมังกร
ชั้นแปด!”
“ผู้ชายคนนี้จะออกมาในไม่ช้า เรากำลังจะจับตาดูคนที่มีความสามารถ
ระดับตำนานคนนั้น!”
ผู้สังเกตการณ์กำลังคุยกันอย่างดุเดือด พวกเขาต่างรอคอยที่จะค้นหาว่าผู้
ท้าทายคนนี้คือใคร
ในอากาศ ปรมาจารย์ดาบและนักรบคนอื่น ๆ ยังคงนิ่งเงียบ พวกเขา
ทั้งหมดมีสีหน้าเคร่งขรึม
ทันใดนั้นปรมาจารย์ดาบก็ขมวดคิ้ว ขณะที่พวกเขาจ้องไปที่กระดูก
มังกร เขาหันกลับไปที่ทางเข้าของอาณาจักรลับ มีบางอย่างดึงดูดความ
สนใจของเขา
อากาศทิศทางนั้นบิดเบือน มีใครบางคนโผล่ออกมา
ปรมาจารย์ดาบก้มหัวลงและทักทายชายคนนี้ด้วยความเคารพ “ท่าน
หยวน”
คนอื่น ๆ ถึงกับผงะ ไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อท่านหยวนมาถึง พวกเขารีบ
ทำความเคารพ
ชายที่ปรากฏตัวเป็นผู้สูงอายุ ผมและเคราเป็นสีขาว เขาสวมเสื้อคลุมสี
ฟ้าเรียบง่าย เขาถาม “ผู้ท้าทายยังอยู่ในกระดูกมังกร?”
ปรมาจารย์ดาบตอบ “ใช่ครับ”
ชายชราที่พวกเขาเรียกว่าหยวนขยี้เปลือกตา มีร่องรอยของจิตสังหารที่
เยือกเย็นอยู่ในดวงตา แต่เสียงฟังดูนิ่งมาก “เขาเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่? เขา
อยู่ในกระดูกมังกรชั้นเก้านานแค่ไหนแล้ว?”
“ผมแจ้งให้คุณทราบทันทีที่เขาเข้าสู่กระดูกมังกรชั้นเก้า ตอนนี้น่าจะ
ครึ่งชั่วโมงแล้ว” ปรมาจารย์ดาบก้มหัวต่ำ
คนอื่น ๆ สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ส่งมาจากชายชราชื่อหยวน
พวกเขาตัวสั่น
“เขายังคงอยู่ที่นั่น รู้หรือไม่ว่าเขาเป็นคนของตระกูลไหน?” ชายชรา
หยวนถาม
ปรมาจารย์ดาบตอบ “ผมลงไปฟังรอบ ๆ มาได้ยินมาว่าผู้ท้าทายเป็นชาย
หนุ่มในวัยยี่สิบต้น ๆ จากเมืองฐานหลงเจียงและนามสกุลของเขาคือซู
เขาทำงานอยู่ร้านขายอสูร ผมจะขอให้นายกเทศมนตรีของเมืองฐานหลง
เจียงส่งข้อมูลเกี่ยวกับชายคนนี้จากสำนักงานกิจการพลเรือนของพวก
เขามา แล้วเราจะพบว่าเขามาจากตระกูลไหน”
ชายชราชื่อหยวนเหล่ตาและเอามือไพล่หลัง เขาจ้องไปที่กระดูกมังกร
ชั้นเก้าโดยไม่พูดอะไรอีก
เวลาผ่านไป ไม่นานสองชั่วโมงผ่านไป
ผู้สังเกตการณ์ที่มารวมตัวกันหน้ากระดูกมังกรหมดความอดทน บางคน
คอเคล็ดหลังจากเงยหน้าขึ้นมองเป็นเวลานาน
“ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องตลกหรือเปล่า? พวกนายจริงจังใช่ไหม?”
“ใช่ เขาตายแล้วหรือเปล่า?”
“นั่นเป็นไปได้ เหนือสิ่งอื่นใด กระดูกมังกรชั้นเก้าอันตราย ชายคนนี้
อาจถูกฆ่าทันทีเมื่อเขาพบบางอย่างที่เหมือนกับราชาอสูร”
“กระดูกมังกรไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ การเสียชีวิตเป็นเรื่อง
ปกติ แต่ผู้ที่ออกมาพร้อมกับบาดแผลมีจำนวนมาก ฉันคิดว่าชายคนนี้
พยายามฝืน แต่สุดท้ายก็ต้องตายเพราะเขาไม่มีความสามารถเพียงพอ”
เนื่องจากผู้ท้าทายอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่าง
คิดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะแพ้และเสียชีวิต
ผู้สังเกตการณ์บางคนค่อย ๆ ก้าวออกไป ในขณะที่รู้สึกเสียใจกับชายคน
นี้และกลับมาทำธุระของตัวเองต่อ
ผู้สังเกตการณ์ที่เหลืออยู่ที่นั่นอีกสามสิบนาทีก่อนที่พวกเขาจะเริ่มถอย
ห่างออกไป เวลาของพวกเขาในอาณาจักรลับนั้นมีค่า พวกเขาไม่สามารถ
อยู่ที่นี่นานเกินไปได้
“ฉันคิดว่าเขาคงตายแล้ว” ชายชราผมขาวและผิวแดงก่ำที่ยืนอยู่ข้าง
ปรมาจารย์ดาบ กล่าวด้วยท่าทีที่น่ากลัว
คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขากำลังคิดแบบเดียวกัน ทุกคนรู้สึก
โล่งใจที่เกิดโอกาสนี้ ท่านหยวนจะไม่ตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงหาก
ชายคนนี้แพ้ในการท้าทาย มิฉะนั้นพวกเขาคงลำบากไปอีกหลายวัน
ปรมาจารย์ดาบขมวดคิ้ว เขาจ้องมองกระดูกมังกรชั้นเก้าและไม่พูดอะไร
ตามความเป็นจริง ลึก ๆ แล้วส่วนหนึ่งของเขาหวังว่าชายหนุ่มจะผ่าน
พ้นไปได้
ปรมาจารย์ดาบไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมเขาถึงมีความคิดเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกเสียใจที่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะล้มเหลวในการท้าทาย
จิตสังหารในสายตาของท่านหยวนเริ่มหายไป การเข้าสู่กระดูกมังกรชั้น
เก้าไม่ได้หมายความว่าบุคคลนี้จะผ่านมันไปได้เป็นไปได้มากว่าชายคน
นี้จะล้มเหลวในการท้าทาย
ท่านหยวนรู้สึกดีขึ้น เขาละสายตาจากกระดูกมังกรชั้นเก้าและพูดกับ
ปรมาจารย์ดาบว่า “แม้ว่าชายคนนี้จะล้มเหลว แต่ก็ติดต่อเมืองฐานหลง
เจียง ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับชายคนนี้ต้องส่งต่อมาให้ฉันก่อนพระอาทิตย์
ตก นอกจากนี้บอกให้นักสำรวจของกองทหารผนึกชะลอความเร็ว”
ปรมาจารย์ดาบเข้าใจทันทีว่าท่านหยวนตั้งใจจะทำอะไร
“ครับ” ปรมาจารย์ดาบพยักหน้า
กองทหารผนึกคือกลุ่มที่ดูแลโดยหลายขุมอำนาจ รับผิดชอบในการปลด
ผนึกดินแดนทั้งหมด มิฉะนั้นจะต้องใช้เวลาหลายปี ก่อนที่ดินแดนทั้งหมด
จะถูกเปิดออกหากอาศัยนักสำรวจเพียงอย่างเดียว
“นอกจากนี้อาณาจักรลับจะเปิ ดให้เข้าอีกแค่สามวันและจะปิ ดก่อน
กำหนด” ท่านหยวนกล่าวเสริม
ปรมาจารย์ดาบรู้สึกประหลาดใจ เขาเหลือบไปมองท่ายหยวน เป็นเรื่อง
น่าประหลาดใจที่ท่านหยวนจะทำขนาดนี้ เขาตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะทิ้ง
มรดกไว้ให้หลานสาวของเขา ทำให้โอกาสนี้ไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับ
คนอื่น ปรมาจารย์ดาบไม่ได้พูดอะไรอื่นนอกจากตอบรับ
คนอื่น ๆ มองหน้ากัน ยิ้มอย่างขมขื่น ความปรารถนาของพวกเขาที่จะ
เป็นนักรบอสูรในตำนานยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ความแตกต่างระหว่างนักรบอสูรกิตติมศักด์ิกับนักรบอสูรในตำนาน
ไม่ได้อยู่ที่การจัดอันดับเท่านั้น พวกเขาอยู่กันคนละโลก
ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดบนโลกสีฟ้าอยู่ในมือของนักรบอสูรในตำนานซึ่ง
เป็นเหมือนเทพเจ้าที่ก้มมองทั้งดาว พื้นที่มรดกอย่างภูเขาหลงไท่มีค่า
มหาศาล ใครก็ตามที่ได้รับมรดกจะกลายเป็นนักรบอสูรในตำนาน
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นโอกาสที่ไม่มีให้สำหรับมวลชน
ผู้มีอำนาจจักปกครอง
ผู้มีอำนาจจะยิ่งมีพลังมากขึ้นและผู้ที่อ่อนแอก็จะอ่อนแอลง
นอกภูเขาหลงไท่ ที่พื้นที่โล่งห่างออกไป จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัว
ขึ้น
ซูผิงร่อนลงบนพื้น เขามองไปรอบ ๆ และเห็นว่าเขาอยู่บนทางหลวง
นอกอาณาจักรลับ เมื่อมองย้อนกลับไป เขายังคงเห็นภูเขาสูงตระหง่านที่
นำไปสู่อาณาจักรลับ
รถหลายคันจอดอยู่ที่นั่น
ซูผิงเพิ่งตระหนักได้ว่าเขามาที่แห่งนี้ด้วยรถของเย่เฉินซาน เขาจะต้อง
หาทางกลับเอง
เขาคิดจะขโมยรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ แต่แล้วก็ล้มเลิกความคิด
มีการเฝ้าระวังดาวเทียมในพื้นที่ ผู้คนจะดึงวิดีโอเฝ้าระวังหากพบว่ารถ
ของตนหายไป พวกเขาคงจะเห็นว่าเขาปรากฏตัวออกมาจากความว่าง
เปล่า ซึ่งมันดูแปลก ๆ
ซูผิงเดินทางไปตามถนนและพบทางกลับไปที่เมืองฐานหลงเจียง เขา
เดินไปสักพักก่อนที่จะเรียกสุนัขมังกรดำ
“ตอนนี้แกจะเป็นพาหนะของฉัน” ซูผิงกระโดดขึ้นไปบนหลังของสุนัข
มังกรดำ ดึงขนของมันและตะโกนว่า “ควบไปเลย”
สุนัขมังกรดำเข้าใจคำพูดของซูผิง มันไม่เต็มใจเพราะความภาคภูมิใจใน
ฐานะอสูรต่อสู้ มันไม่ใช่ม้าอาน
อย่างไรก็ตาม ซูผิงตบก้นมันและสุนัขมังกรดำก็วิ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว