ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 651

ตอนที่ 651 พันธมิตร
  ซูผิงเก็บดาบของเขาและพูดกับตำนานริมแม่น้ำที่ยังอยู่ในภวังค์ว่า “สถานการณ์เป็นยังไง? มีอสูรร้ายมาอีกไหม? ถ้าไม่อย่างนั้นราชาอสูรร้ายนั่นก็รอดจากการตรวจพบของผม” ในที่สุดตำนานริมแม่น้ำก็ได้สติ “คุณ… อยู่ที่สภาวะชะตากรรมหรือเปล่า?”
  ”ไม่ใช่ธุระอะไรของคุณ”
  คำตอบของซูผิงดึงสติของตำนานริมแม่น้ำ เขาส่ายหัวและตอบคำถามของซูผิง “เราไม่พบการโจมตีอีกต่อไป การปรากฏตัวของราชาอสูรร้ายนี้กะทันหัน ผมไม่รู้ว่านาย… คุณ ถ้าราชาอสูรตัวนี้รอดจากการตรวจจับของคุณหรือว่าจะมีมาอีก” หลังจากที่ซูผิงพิสูจน์แล้วว่าสามารถฆ่าอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ตำนานริมแม่น้ำก็เริ่มถือว่าซูผิงเป็นนักรบอสูรในตำนานสภาวะชะตากรรม
  เขาไม่เคยเห็นซูผิงในหอคอย แต่คนที่อาศัยอยู่ในหอคอยล้วนมีความลับ นักรบอสูรในตำนานบางคนที่เข้าร่วมหอคอยก่อนจะไม่แสดงตัวในที่สาธารณะ
  เขารู้จักเพียงชื่อนักรบอสูรในตำนานที่เพิ่งเข้าร่วมใหม่บางคนเท่านั้น ไม่รู้จักซูผิง
  แม้แต่ตำนานริมแม่น้ำก็ยังมีความรู้สึกว่าหอคอยเป็นองค์กรที่หยั่งรู้เสมอ
  “ผมคิดว่านี่เป็นแค่ปลาที่หนีจากอวน” ซูผิงกล่าว เขาเสริมว่า “ผมจะกลับ ดังนั้นผมจะปล่อยที่นี้ให้คุณดูแลต่อ ผมจะตรวจสอบระหว่างทางกลับ และจัดการกับราชาอสูรร้ายที่ผมพบ แน่นอน คงจะดีถ้าไม่เจอ”
  ตำนานริมแม่น้ำหนังตากระตุก จัดการกับพวกมัน?
  ราวกับว่าการฆ่าราชาอสูรร้ายก็เหมือนการเหยียบมดให้ตาย
  แต่นั่นไม่ใช่การพูดเกินจริงสำหรับซูผิง… “ผมทำให้คุณไม่พอใจ โปรดยกโทษให้ผมด้วย…” ตำนานริมแม่น้ำก้มหัวลงและขอโทษ เขาไม่คิดว่ามันน่าละอายที่จะขอโทษนักรบสภาวะว่างเปล่า นับประสาอะไรกับคนที่อยู่ในสภาวะชะตากรรม
  ”ไม่สำคัญ. แค่รักษาที่นี่ให้ปลอดภัยก็พอ”
  ซูผิงโบกมือ “คุณต้องใส่ใจกับความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ การจู่โจมของอสูรป่าทั่วโลกนี้ไม่ได้จัดการได้ง่ายอย่างที่คุณคิด อาจมีการโจมตีที่ใหญ่กว่านี้ หากคุณไม่สามารถรักษาเมืองให้ปลอดภัย ก็ให้รักษาผู้คนให้ปลอดภัย ละทิ้งเมืองซะถ้าจำเป็น”
  ตำนานริมแม่น้ำไม่ได้คาดหวังว่าซูผิงจะพูดแบบนั้น
  การโจมตีที่ใหญ่กว่านี้?
  ตำนานริมแม่น้ำตกตะลึง ซูผิงดูจริงจังเกินกว่าจะพูดเล่น ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ข้อมูลภายในบางอย่าง
  “คุณพูดจริงเหรอ?” ตำนานริมแม่น้ำถาม
  เขาคงจะตายไปพร้อมกับการล่มสลายของเมืองเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ถ้าซูผิงไม่ได้อยู่ที่นี่
  เขาไม่สงสัยอีกต่อไปว่าซูผิงฆ่าราชาอสูรร้ายสิบสองด้วยตัวเขาเอง
  ราชาอสูรร้ายสภาวะว่างเปล่าน่าจะเป็นหัวหน้าของอสูรร้ายทั้งสิบสองตัว และเป็นผู้บัญชาการการโจมตีครั้งนี้
  “ผมเดา ไม่แน่ใจ” ซูผิงส่ายหัว
  เขาไม่แน่ใจจริงๆ เขาแค่คิดว่ามันเป็นไปได้
  ถ้าเขาแน่ใจ เขาจะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ และรีบอพยพคนออกจากเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์
  เมื่อเทียบกับชีวิตของผู้คนในเมืองฐาน การรักษาข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับแรก
  เพียงแค่ว่าเขาไม่แน่ใจ
  ฐานเดียวที่ปลอดภัยคือเมืองฐานหลงเจียง อย่างไรก็ตามพื้นที่ของหลงเจียงมีจำกัด เมืองฐานหลงเจียงจะรองรับได้กี่คน? แถมนอกเหนือจากเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมืองฐานอื่นๆ ก็ถูกโจมตีเช่นกัน
  เขาไม่สามารถให้ที่หลบภัยแก่ทุกคนได้ เมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นเมืองฐานระดับ A โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี อุปกรณ์ป้องกันนั้นล้ำหน้ากว่าเมืองฐานอื่นๆ มาก!
  ผู้คนในเมืองฐานนั้นยังคงปลอดภัยอยู่ อย่างไรก็ตามเมืองฐานอื่นๆ ระดับB และระดับC จะถูกราชาอสูรร้ายเพียงตัวเดียวพลิกคว่ำได้!
  “คุณเดาเหรอ?” ตำนานริมแม่น้ำจ้องที่ซูผิง เขาอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เก็บคำถามไว้กับตัวเอง
  ทันใดนั้นผู้คนมากมายเข้ามาหาพวกเขา พวกเขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่ต่อสู้กับหอยสังข์หกเวียน
  “ยินดีที่ได้รู้จักครับท่าน!” “ยินดีที่ได้รู้จักครับ!”
  บรรดานักรบอสูรกิตติมศักดิ์ต่างโค้งคำนับซูผิง ซูผิงตกตะลึง “คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณผม ทำหน้าที่ของพวกคุณต่อไป ขัดขวางราชาอสูร มิฉะนั้นอันตรายจะมากกว่านี้”
  บรรดานักรบอสูรกิตติมศักดิ์ดูจะตื่นเต้น
  พวกเขาเชื่อว่าซูผิงเป็นนักรบอสูรในตำนาน ผู้ซึ่งมีพลังมากกว่าตำนานริมแม่น้ำ!
  ไม่มีการจู่โจมของอสูรร้ายในขณะที่มีนักรบอสูรในตำนานอยู่!
  หวืด!
  อีกคนมาถึง เขาคือลู่ฉิว ท้ายที่สุดเขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ และเขายังได้เห็นวิธีที่ซูผิงใช้ฆ่าราชาอสูรนั้นด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว
  ลู่ฉิวดูประหลาดใจและอาย
  เขายืนอยู่ข้างหน้าซูผิง แต่ไม่แน่ใจว่าจะต้องวางตัวยังไงกับซูผิง
  เหมือนเดิม น้องซู?
  ตำนานริมแม่น้ำไม่สามารถฆ่าราชาอสูรตัวนั้นได้ แต่ซูผิงกลับสามารถฆ่ามันได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซูผิงอยู่ที่สภาวะว่างเปล่าหรือสูงกว่า!
  ลู่ฉิวเป็นรองประธานสมาคมผู้ฝึกสอนและเป็นคนที่มีสถานะสูงส่ง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาปรารถนาได้ก็คือการได้รับความเคารพจากบรรดาผู้ที่อยู่ในสภาวะสมุทร สำหรับนักรบอสูรสภาวะว่างเปล่า แม้แต่ผู้ที่อยู่ในสภาวะสมุทรก็ต้องปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ!
  ”คุณซู”
  ในระยะไกล ผู้บัญชาการสูงสุดเดินทางมาพร้อมกับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ พวกเขาตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
  ซูผิงรู้สึกปวดหัวเมื่อเห็นใบหน้าที่ร่าเริงเหล่านั้น “โลกทั้งโลกอยู่ในความทุกข์ยาก ผมต้องไป… เวลากำลังเร่งเข้ามา พยายามซ่อมแซมที่นี้” ผู้บัญชาการสูงสุดไม่มีเวลาแม้แต่จะแสดงความขอบคุณ เขาพูดอย่างเร่งรีบ “คุณซู คุณเป็นคนฆ่าราชาอสูรร้ายตัวนี้ ทำไมคุณไม่อยู่ต่อ เราจะได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อตอบแทนคุณ”
  ซูผิงเข้าใจเจตนาดีของพวกเขา แต่เขาปฏิเสธ “ผมแค่ยื่นมือเข้าไปข่วย คุณจะไม่มีปัญหาในตอนนี้ ผมยังต้องไปดูแลเมืองฐานของผม ไม่มีอะไรน่ายกย่อง ในตอนนี้เรารอดจากการโจมตี แต่อาจมีการโจมตีอีกในอนาคต ผมแนะนำให้คุณระวังตัวอยู่เสมอ อย่าลดการเฝ้าระวัง”
  ผู้บัญชาการสูงสุดเปิดปากพูดแต่ไม่มีคำพูดอะไรออกมา
  เป็นเรื่องน่าประหลาดใจกับบุคลิกที่ตรงไปตรงมาของซูผิง
  “ได้ครับ” ผู้บัญชาการสูงสุดกล่าว
  เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมผู้มีอำนาจอย่างซูผิงได้ และการกดดันมากเกินไปจะทำให้ซูผิงไม่พอใจ
  ซูผิงพยักหน้า เขาถอนหายใจและเตรียมพร้อมจะจากไป
  “น้องซู” ลู่ฉิวหยุดเขา
  เขาโบกมือด้วยความอาย “สิ่งที่คุณพูดกับผมยังเหมือนเดิมอยู่ไหม?”
  ”อะไร?” ซูผิงเลิกคิ้วขึ้น
  “เกี่ยวกับการย้ายไปอยู่ที่เมืองฐานหลงเจียง”
  “โอ้? ผมคิดว่าคุณจะไม่ไป คุณบอกว่าคุณอยากถูกฝังอยู่ที่นี่” “เอ่อ…!” ลู่ฉิวกระแอมในลำคอ “ผมจะอยู่ที่นี่ ผมเพียงต้องการฝากเด็กบางคนในตระกูลของผม ผมสงสัยว่าคุณจะพาพวกเขาไปด้วยได้ไหม?”
  ซูผิงเข้าใจ ชายคนนี้พยายามปกป้องอนาคตของตระกูล
  ”ไม่มีปัญหา คุณมีเวลายี่สิบนาที คุณพาพวกเขามาได้ไหม?” ซูผิงถาม
  ลู่ฉิวดีใจมาก “ได้ครับ! แน่นอน! ผมจะบอกให้พวกเขามาเดี๋ยวนี้!”
  เขาจึงโทรหาพ่อบ้านและบอกชื่อสี่คน เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุดเท่าที่เขาเคยใช้
  หลังจากวางสาย เขาก็โทรหาคนอื่นเพื่อที่เด็กทั้งสี่จะได้มาที่นั่นโดยเร็วที่สุด
  ขณะที่ลู่ฉิวจัดการอยู่ ผู้บัญชาการสูงสุดและคนอื่นๆ ก็ประหลาดใจกับความหมายของข้อตกลงนั้น
  ในไม่ช้าพวกเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ บางอย่างที่ซูผิงพูด อสูรร้ายโจมตีอีกครั้ง… พวกเขาหน้าซีด นี่ยังไม่ใช่จุดจบเหรอ?
  ลู่ฉิวพยายามที่จะสร้างทางออกให้กับอนาคต เมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า? ผู้บัญชาการสูงสุดถามทันทีว่า “คุณซู คุณช่วยเอาเด็กสองคนจากตระกูลผมไปด้วยได้ไหม?”
  ซูผิงมองไปที่ผู้บัญชาการสูงสุด “พวกเขาต้องมาที่นี่ได้ภายในยี่สิบนาทีนี้เท่านั้น ถ้ามาไม่ทัน คุณสามารถพาพวกเขาไปที่เมืองฐานหลงเจียงด้วยตัวเองได้ แต่ระวังตัวด้วย”
  ”แน่นอน! ขอบคุณครับคุณซู!”
  ผู้บัญชาการสูงสุดเริ่มโทรออก
  พวกเขาต้องการให้ลูกของพวกเขาไปกับซูผิง เพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับการโจมตีของอสูรร้ายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง
  นอกเหนือจากเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ เมืองฐานอื่น ๆ จำนวนมากถูกโจมตี ถิ่นทุรกันดารไม่สงบสุขเหมือนเมื่อก่อน แม้แต่นักรบกิตติมศักดิ์ก็ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของตนเองได้
  “ท่านครับ ตระกูลของผมมีสามคน…”
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์คนอื่นพูดขึ้น
  ซูผิงมองไปที่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่ต่อสู้กับราชาอสูร “คุณมีเวลายี่สิบนาที ผมสามารถพาพวกเขาไปด้วยได้หากพวกเขามาถึงตรงเวลา โทรเรียกตระกูลของคุณมา”
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์กล่าวขอบคุณซูผิง และโทรออก
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์คนอื่นๆเริ่มรวบรวมเด็กๆในของตระกูลของพวกเจาเช่นกัน
  ครู่ต่อมา หลายคนขี่นกขนาดใหญ่มาถึง
  “คุณลู่”
  นักรบอสูรกิตติมศักดิ์สองคนลงมาจากหลังนกระดับเก้าขั้นสูงสุดพร้อมกับคนหนุ่มสาวสี่คน ทั้งคู่เป็นวัยรุ่น ขณะที่อีกสองคนอายุ 20 ปี
  ทั้งสี่มองไปรอบๆ อย่างสนใจ พวกเขาได้เห็นกำแพงชั้นนอกที่พังทลายและซากศพของราชาอสูรร้ายตอนที่อยู่ในอากาศ “พวกเขาอยู่ที่นี่แล้วครับ” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์กล่าวกับลู่ฉิว เขาพบว่าบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างแปลก
  ลู่ฉิวพยักหน้า เขามองไปที่ทั้งสี่คน และพูดว่า “มานี่”
  “ครับ”
  ซูผิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ
  ”มานี่สิ นี่คือคุณซู นักรบอสูรในตำนาน เขาจะพาพวกเธอไปที่เมืองฐานหลงเจียง พวกเธอต้องทำตัวดีๆ… เคารพคุณซูเหมือนที่เคารพฉัน!” ลู่ฉิวพูดกับทั้งสี่คนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  ทั้งสี่คนประหลาดใจเนื่องจากชายหนุ่มตรงหน้าดูเหมือนจะอายุใกล้เคียงกับพวกเขา
  พวกเขาทราบดีว่าเพราะเป็นสมาชิกของตระกูลใหญ่ พวกเขารู้ว่ามีสมุนไพรพิเศษบางชนิดสามารถรักษารูปลักษณ์ของเอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ด้วย
  “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณซู” ทั้งสี่คนกล่าว ซูผิงพยักหน้า “อย่าพูดเกินจริง ผมแค่จะพาพวกเขาไปที่นั่น เมืองฐานหลงเจียงไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่เล็กเช่นกัน คุณควรรู้ว่าผมไม่มีเวลาดูแลพวกเขา”
  ลู่ฉิวกล่าวทันทีว่า “ผมเข้าใจ เรารู้สึกขอบคุณมากแล้วที่คุณพาพวกเขาติดตามไปกับคุณด้วย”
  ซูผิงพยักหน้า
  ไม่นานคนอื่นๆ ก็มาถึง
  ใกล้จะหมดเวลาแล้ว เขามองไปรอบๆ
  โอกก!
  วังวนเปิดขึ้นข้างหลังเขา และความร้อนแผดเผาออกมาจากภายใน มังกรเพลิงนรกก้าวออกมา มันดูเล็กเมื่อเทียบกับหอยสังข์หกเวียน แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวน้อยกว่า “อสูรตัวนี้…..”ตำนานริมแม่น้ำประหลาดใจกับอสูร
  เขากลัวอสูรตัวนี้มากกว่าหอยสังข์หกเวียน!
  ถึงกระนั้นเขาก็ยังสามารถบอกได้ว่าอสูรนั้นอยู่ในระดับเก้า เช่นเดียวกับซูผิง
  ซูผิงบอกให้มังกรเพลิงนรกก้มลง
  เขาขี่ไหล่ข้างหนึ่งของมังกรเพลิงนรก และพูดกับกลุ่มคนหนุ่มสาวว่า “ขึ้นมาเลย”
  พวกเขากลัวนิดหน่อย แต่นี่เป็นอสูร ไม่ใช่อสูรป่า ไม่นาน คนแรกขึ้นบนหลังมังกรเพลิงนรก และคนอื่นๆ ก็ทำแบบเดียวกัน
  มังกรเพลิงนรกกลอกตา ไม่พอใจที่เห็นคนเหล่านั้นปีนขึ้นโดยใช้หางของมันเป็นทางลาด
  หลังจากที่ทุกคนขึ้นมาหมดแล้ว ซูผิงก็พูดกับลู่ชิวว่า “ผมไปละ”
  “ดูแลตัวเองด้วย คุณซู”
  “ขอบคุณครับ คุณซู”
  คนอื่นๆ กล่าว
  มังกรเพลิงนรกกระพือปีก และส่งเสียงคำรามดังก้องอยู่บนท้องฟ้า และบินออกไป
  ซูผิงปลดปล่อยพลังดวงดาวคลุมทุกคนเผื่อลมจะพัดพวกเขาหล่นไป
  พวกเขามองไปที่เมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ เศร้าใจกับการจากไป
  ซูผิงเห็นอสูรป่ากลุ่มเล็กๆ สองสามกลุ่มระหว่างทาง พวกมันไม่เป็นภัยคุกคามใดๆ ราชาอสูรร้ายนั้นเป็นแค่ปลาที่รอดจากอวน
  ซูผิงส่ายหัวและบินตรงไปยังเมืองฐานหลงเจียง
  เขามาถึงในครึ่งวัน
  สิ่งที่เขาเห็นระหว่างทางทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
  เขาเคยเห็นอสูรป่าหลายกลุ่ม ใหญ่ที่สุดคือหลายแสนตัว บางกลุ่มมีอสูรร้ายนับพันตัว ทั้งหมดกำลังวิ่งวุ่นอยู่ในดินแดนรกร้าง
  อสูรป่าเหล่านั้นน่ากลัวมาก
  เมื่อเขามาถึงกำแพงชั้นนอกของเมืองฐานหลงเจียง เขาถามผู้คุมว่าฉินตู้หวงอยู่ไหนและไปหาเขา
  ไม่นานหลังจากนั้น เขาพบว่าฉินตู้หวงปกป้องทางทิศใต้อยู่
  “พี่ฉิน ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?” ซูผิงขี่มังกรเพลิงนรกไปพบกับเขา
  ฉินตู้หวงกำลังคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ เมื่อได้ยินเสียงเขาหันกลับมาถามว่า “ข้างหลังคุณคือใคร?”
  “ผมไปที่เมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ และพาคนมาด้วย”
  “เมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์? คุณยื่นมือไปช่วยมาหรือเปล่า? เมื่อกี้ เซี่ยได้ยินจากตาทิพย์ว่าเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์เจอการโจมตีครั้งใหญ่ เป็นยังไงบ้าง?”ฉินตู้หวงถามทันที
  “อสูรร้ายถูกจัดการแล้ว”
  ”…จริงสิ คุณอยู่ที่นั่น มันคงแย่แน่ถ้าคุณไม่สามารถจัดการได้”ฉินตู้หวงฝืนยิ้ม
  เขาได้เห็นวิธีที่ซูผิงเอาชนะราชาสวรรค์ต่างโลก แม้ว่าฉินตู้หวงจะไม่ได้เข้าร่วมหอคอย แต่เขาก็มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระดับในตำนาน
  เขาเริ่มปฏิบัติต่อซูผิงแบบที่ควรปฏิบัติต่อผู้ที่อยู่ในสภาวะชะตากรรม
  “สถานการณ์ทั่วโลกกำลังแย่ลง และเมืองฐานหลายแห่งกำลังถูกโจมตี ตอนนี้เซี่ยกล่าวว่าหอคอยต้องการใช้ความคิด และขอให้เมืองฐานทั้งหมดทั้งหมดช่วยเหลือกันด้านการป้องกันเพื่อต่อสู้กับอสูรร้าย” ฉินตู้หวงกล่าว
ตอนที่ 652 รายชื่อ-1
  “พันธมิตรป้องกัน?”
  ซูผิงขมวดคิ้ว “เมืองฐานกระจายอยู่ทั่วโลก จะช่วยกันป้องกันได้ยังไง? คุณกำลังพูดว่าผู้คนจะต้องละทิ้งเมืองฐานบางแห่ง และย้ายไปอยู่ที่อื่นหรอ?”
  “น่าจะต้องเป็นอย่างนั้น”
  ฉินตู้หวงถอนหายใจ “เวลาที่สิ้นหวังมักจะมีมาตรการที่สิ้นหวัง เป็นไปไม่ได้ที่จะดูแลเมืองฐานทั้งหมด ดังนั้นเราจึงต้องละทิ้งบางส่วน เมืองฐานระดับ C และระดับB ที่ตั้งอยู่ห่างไกลบางแห่งจะต้องรวมเข้ากับเมืองฐานอื่นๆ”
  “แล้วหลงเจียงล่ะ?” “ผมไม่รู้ เรายังไม่เห็นรายชื่อ แต่ผมไม่คิดว่าเราจะต้องย้าย”
  ฉินตู้หวงยิ้มให้ซูผิงและพูดต่อว่า “คุณอยู่ที่นี่ และนอกจากนี้ผมก็อยู่ที่นี่ ผมอยู่ที่ระดับตำนาน เมืองฐานของเราไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเมืองฐานระดับ A เราอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ!”
  “ผมได้ยินมาว่าไม่มีเมืองฐานระดับ A ที่จะย้ายที่ตั้ง ดังนั้นผมก็ไม่คิดว่าเราจะต้องย้าย”
  คนที่มากับซูผิงได้ยินการสนทนาทั้งหมดและตกตะลึง
  อีกหนึ่ง… นักรบอสูรในตำนาน?
  มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่านักรบอสูรในตำนานกำลังบอกเป็นนัยว่าซูผิงแข็งแกร่งกว่า!
  สักพักหลายคนเริ่มเข้าใจว่าทำไมตระกูลของพวกเขาจึงให้พวกเขามากับคนๆนี้…
  มันเป็นการตัดสินใจที่มีความหมาย
  ”ดีแล้ว”
  ซูผิงพยักหน้า
  นั่นเป็นวิธีปกติ คนอ่อนแอต้องล่องลอย
  ไม่ใช่การย้ายถิ่นฐานตามปกติ
  ผู้ย้ายถิ่นฐานจะต้องสละตระกูล
  พวกเขาต้องหาบ้านใหม่ในเมืองฐานอื่น ๆ ในขณะที่คนในท้องถิ่นมักจะมองว่าพวกเขาเป็นผู้ลี้ภัย “คนนอก”
  ตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์มนุษย์ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร มนุษย์จะพบมีความรู้สึกเหนือกว่าจากการเปรียบเทียบกับคนรอบข้าง นั่นคือธรรมชาติของมนุษย์
  “นอกเหนือจากการรวมถิ่นฐานแล้ว เมืองฐานจะเลือกนักรบที่ทรงพลังเข้าสู่สมรภูมิและเอาชนะอสูรป่า”ฉินตู้หวงกล่าวเสริม “จะมีการจัดตั้งแนวป้องกันสามแนว นำโดยเมืองฐานระดับ A เจ็ดแห่งใน เขตอนุทวีป ผมศึกษาแผนที่มาทั้งวันแล้ว ผมเชื่อว่าเมืองฐานหลงเจียงจะเป็นส่วนหนึ่งของแนวป้องกันซิงจิงโดยมี โต้วซิงและหลงเจียงทำหน้าที่เป็นฐาน” “จะมีเมืองฐานสิบสองเมืองในแนวป้องกันซิงจิงและแนวรับจะอยู่ในแนวโค้ง เราอาศัยภูมิประเทศที่ทรกันดานของ ป่าสันหลังมังกร และ ภูเขาล่องเหนือเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีขนาดใหญ่
  “ท้ายที่สุด เราจะเสียเปรียบในการจู่โจมอย่างรวดเร็ว”
  ซูผิงพยักหน้า “เมื่อไหร่จะตั้งแนวป้องกัน”
  ฉินตู้หวงส่ายหัว “พวกเขายังพูดคุยเรื่องนี้กันอยู่ ท้ายที่สุดเมืองฐานทั้งหมดในเขตอนุทวีปมีส่วนร่วม มีเรื่องซับซ้อนมากมาย เราไม่ได้รับการอัปเดตใด ๆ ในขณะนี้”
  ซูผิงพยักหน้า
  แท้จริงแล้ว ไม่ใช่การย้ายถิ่นฐานที่ซับซ้อน
  เขามองว่ามันเป็นสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ บางคนมองว่าเป็นโอกาสในการพัฒนา
  โอกาสอาจเกิดขึ้นในช่วงที่วุ่นวาย บางคนอาจพบว่าเรื่องนี้ไร้สาระ ความจริงที่ว่าบางคนพยายามหาโอกาสที่จะมั่นคงในช่วงเวลาวิกฤตของมนุษย์ แต่… มันคือความจริง
  “รอกันก่อนเถอะ”
  ซูผิงไม่ได้เร่ง เขายังไม่ได้ค้นพบข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับถ้ำลึกเลย จะมีแนวป้องกันหรือไม่ เขาก็ต้องแข็งแกร่งกว่านี้
  เขาจะใช้เวลาในการบ่มเพาะ ถ้าเขาสามารถพัฒนาต่อไปและไปถึงระดับตำนานได้ เขาจะมีพลังมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจะมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะจัดการกับถ้ำลึก “เมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ไหม?”
  ฉินตู้หวงยังคงสนใจกลุ่มคนที่นั่งอยู่บนหลังมังกรเพลิงนรก
  เขาสงสัยว่าเขาเข้าใจผิดหรือเปล่า เขาเห็นว่าคนเหล่านั้นอายุน้อยแต่อยู่ในระดับสูง พวกเขาเก่งกว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันดังๆ
  ซูผิงสนับสนุนเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์ หรือปล้นเมืองฐานแสงศักดิ์สิทธิ์กันแน่?
  “ก็โอเค บาดเจ็บไม่มาก..”
  “ผมเข้าใจแล้ว”
  ฉินตู้หวงฝืนยิ้ม
  “ไว้เจอกันครับ”
  ซูผิงบอกลาฉินตู้หวง และกลับไปที่ร้านของเขา
  มังกรเพลิงนรกของซูผิงมีชื่อเสียงในหลงเจียง แม้ว่าเมืองฐานจะตื่นตัวและเหล่านักรบกำลังออกรอบ แต่ก็ไม่มีใครมาหยุดซูผิง
  “นี่คือร้านค้าและบ้านของฉัน ตระกูลของพวกเธอขอให้ฉันพาพวกเธอมาที่นี่ แต่ฉันไม่มีเวลาดูแล ทุกคนสามารถไปหาที่อยู่ในเมืองด้วยตัวเองได้ หรือจะกลับไปที่เมืองฐานของตัวเองหลังจากที่การโจมตีของอสูรร้ายสิ้นสุดลงแล้วก็ได้”
  คนหนุ่มสาวมองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก หญิงสาวคนหนึ่งพูดอย่างสุภาพว่า “ท่านคะ พ่อของฉันบอกให้ฉันทำตามคุณและฟังคำสั่งของคุณ ฉัน…”
  “ดังนั้น ฟังนะ ทำในสิ่งที่อยากทำ แต่จำไว้ว่า: อย่าสร้างปัญหาและอย่ารังแกผู้อื่น และอีกอย่าง อย่ามารบกวนฉันด้วยเรื่องไร้ประโยชน์”
  หนุ่มสาวตระหนักว่าซูผิงไม่ใช่คนทั่วไป พวกเขาไม่ยืนกรานที่จะอยู่ต่อ แต่บางคนก็เริ่มคิดถึงเรื่องอื่น
  หากพวกเขาไม่สามารถตีสนิทกับซูผิงได้โดยตรง พวกเขาก็สามารถหาวิธีอื่นได้…
  มันคงเป็นเรื่องงี่เง่าที่จะไม่ตีสนิทกับนักรบอสูรในตำนาน
  ไม่นานหลังจากที่ซูผิงเข้าไปในร้าน ซูหลิงเยวี่ย จงหลิงถง และถังยู่หรานก็รีบออกมา พวกเธอสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของมังกร และรู้ว่าซูผิงกลับมาแล้ว
  “ผิง”
  ซูหลิงเยวี่ยทักทายพี่ชายของเธอ
  เธอไม่เคยทักทายพี่ชายผู้ขี้แพ้ของเธอดีๆมาก่อน วันนี้เธอเขินเล็กน้อย
  ซูผิงไม่เสียเวลาพูดคุยด้วย “อย่าออกไป อยู่ในร้านซะ อย่าอวดเก่งมากเกินไปและคิดว่าเธอสามารถทำทุกอย่างได้เพียงเพราะคิดว่าตัวเองเก่ง”ถังยู่หรานกลอกตา “นายมอบราชาอสูรร้ายให้ฉัน ฉันคือผู้ท้าทายโชคชะตานายรู้ไหม?”
  “ฉันด้วย ฉันด้วย” ซูหลิงเยวี่ยยกมือขึ้น
  ซูผิงกลอกตาใส่เธอ “แม้แต่หมูก็สามารถเป็นผู้ท้าทายโชคชะตาได้ด้วยอสูรที่ฉันให้ อยู่ในร้านและบ่มเพาะซะ”
ตอนที่ 653 รายชื่อ-2
  “หมูก็สามารถกลายเป็นผู้ท้าทายโชคชะตาได้? ต่อให้นายเรียกเราว่าหมู เราก็เป็นหมูที่เก่งที่สุด!”ถังยู่หรานเถียง
  ซูผิงเยาะเย้ย
  เขาบอกแค่ว่าพวกเธอถูกกักบริเวณ และไปหาโจแอนนา
  “พี่ชายของเธอกับโจแอนนาตกลงอะไรกัน?”ถังยู่หรานสงสัยว่าทำไมเขาถึงสนใจโจแอนนามากขนาดนั้น
  ซูหลิงเยวี่ยยืนเท้าเปล่า และพ่นลม “ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกต้องรู้”
  “เธอไม่รู้เหรอ”
  “นะ… แน่นอนฉันรู้ ฉันรู้จักทุกคนที่คุ้นเคยกับพี่ชายของฉัน”
  “อย่างนั้นหรอ?”
  ”ใช่!”
  ในห้องอสูร
  “นั่นคือทั้งหมด เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับค่ายกลแบบนั้นไหม?”
  ซูผิงบอกโจแอนนาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นในถ้ำลึก รวมถึงค่ายกลที่เคยใช้ในบริเวณทุ่งทั้งห้า และค่ายกลผนึกที่ราชาอสูรร้ายบางตัวกำลังปกป้อง
  โจแอนนากำลังนั่งอยู่ในคอกเลี้ยงดูที่มีพลังงานรอบตัวเธอ เธอมีรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับนางฟ้า
  “ห้าทุ่ง…”
  โจแอนนาเลิกคิ้ว “นายน่าจะพูดถึงค่ายกลห้าธาตุ! ตัดสินจากสถานการณ์ที่นายอธิบาย ฉันคิดว่ามันเป็นแค่ค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็ก แต่นั่นก็มากเกินพอที่จะบรรจุราชาอสูรร้ายเหล่านั้นได้”
  “ค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็ก?”
  นั่นเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับซูผิง “เธอรู้จักหรอ? แล้วเธอรู้วิธีซ่อมมันไหม?”
  “มันง่ายที่จะซ่อมแซมค่ายกลดังกล่าว ค้นหาจุดแตก จากนั้นใช้พลังงานและแกนค่ายกลเพื่อซ่อมแซม”
  โจแอนนาพูดด้วยเสียงสบายๆเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ “ฉันเข้าใจว่าสี่ในห้าธสตุถูกทำลาย และค่ายกลห้าธาตุก็เหลือแค่ชื่อ… ฉันแนะนำให้นายสร้างใหม่ บางครั้งการสร้างจากศูนย์ง่ายกว่าการซ่อมแซม กรณีนี้ก็เหมือนกัน”
  ปากของซูผิงกระตุก
  ขนาดเล็ก?
  ขนาดเล็ก นั้นบรรจุราชาอสูรร้ายทั้งหมดไว้ในถ้ำลึกมานานกว่าพันปี ราชาอสูรร้ายหลุดออกมา สำหรับโจแอนนายอกว่าค่ายกลนั้นมีชนาดเล็ก…
  “ฉันเข้าใจว่าเธอสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใช่ไหม?” ซูผิงถาม
  โจแอนนาตอบด้วยความภาคภูมิใจ “ฉันสามารถสร้างค่ายกลห้าธาตุขนาดใหญ่ให้นายยังได้ นับประสาอะไรกับขนาดเล็ก ค่ายกลห้าธาตุขนาดใหญ่สามารถบรรจุสิ่งมีชีวิตระดับดวงดาวได้สบายๆ แต่… ฉันไม่สามารถออกจากร้านของนายได้ ฉันถูกขังอยู่แค่ที่นี่ ขอโทษด้วย”
  ซูผิงพูดไม่ออก แววตาเป็นประกายของเธอบ่งบอกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
  “อย่าแม้แต่จะคิดที่จะออกจากร้านของฉัน ไม่มีทาง”ระบบพูด
  ซูผิงคิดเกี่ยวกับมัน และเสนออย่างอื่น “ถ้ามันไม่ซับซ้อน สอนฉัน แล้วฉันจะสร้างมันขึ้นมา”
  โจแอนนาพ่นลมหายใจ “มันไม่ซับซ้อน แต่ไม่ได้เรียนรู้ได้ง่าย นายจะต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือนในกรณีที่นายเรียนรู้ได้เร็ว หากไม่เป็นเช่นนั้น จะต้องใช้เวลาหลายสิบปีหรือกว่าร้อยปี ฉันสามารถสอนนายได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่เมื่อไหร่ที่นายคิดจะพาฉันไปที่แดนเทพอาเคี่ยน? นายแน่ใจหรือว่าจะพาฉันไปที่นั่น ที่แห่งนั้นแตกสลายมานานมากแล้ว”
  ”แน่นอน เราคุยเรื่องนี้กันแล้ว ฉันจะพาเธอไปที่นั่น แต่เธอจะต้องประพฤติตัวดีๆ และเป็นพนักงานที่ดี” ซูผิงสัญญา
  “อืม ฉันจะเชื่อใจนาย แต่แค่ตอนนี้เท่านั้น”โจแอนนากล่าว “ที่บ้านของฉันมีวัตถุดิบที่จะสร้างค่ายกลนี้ แต่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ว่านายจะเรียนรู้ได้หรือเปล่า เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉันคิดว่าสิ่งที่นายเรียกว่าอาจารย์น่าจะสามารถจัดการกับราชาอสูรร้ายได้อย่างง่ายดาย ทำไมนายถึงต้องแก้ไขปัญหามากมายด้วยตัวเอง?
  “ก็ …ที่เธอพูดก็ถูก ฉันคิดว่าอาจารย์ของฉันเป็นคนโง่” ซูผิงเม้มปาก
  “ล่วงละเมิดทางคำพูด ความผิดครั้งที่หนึ่ง!”
  “บางครั้งเธอขอให้บางคนออกมาแต่พวกเขาไม่สนใจ แต่พวกเขากลับสังเกตเห็นได้ในพริบตาเมื่อเธอเรียกพวกเขาว่าโง่” ซูผิงกล่าวเสียดสี
  “ความผิดครั้งที่สอง!”
  ”อะไร?” โจแอนนารู้สึกงุนงง แต่เธอพอจะเข้าใจ เธอประหลาดใจ เธอเชื่อว่าอาจารย์ลึกลับคนนั้นได้ช่วยให้ซูผิงมีพลังมหาศาล เพื่อเขาจะได้กลับมาเยาะเย้ยอาจารย์ของเขา…
  เธอตระหนักว่าเธออาจประเมินซูผิงต่ำไป
  ผู้ชายคนนี้คือใคร?
  “ไม่มีอะไร ในเมื่อเธอยินดีที่จะสอนฉัน เรามาเริ่มกันเลย เมื่อฉันเรียนรู้แล้ว บางทีฉันอาจจะไล่อสูรร้ายกลับไปที่ถ้ำลึกและขังพวกมันอีกครั้ง” ซูผิงกล่าว
  “นายควรเตรียมตัวให้พร้อม ตามที่นายพูด ฉันคิดว่าอสูรร้ายจากถ้ำลึกนั้นพร้อมแล้วและพวกมันกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าค่ายกลผนึกนั่นคืออะไร เพราะคำอธิบายของนายไม่มีรายละเอียดและฉันไม่ได้เห็น ฉันไม่แน่ใจ.
  “ไม่ควรมีแกนที่สองภายในค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็ก ดังนั้นฉันไม่คิดว่าค่ายกลผนึกเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็ก ควรเป็นพื้นที่อิสระ ส่วนสิ่งที่ถูกปิดผนึกไว้ข้างในนั้น ฉันไม่รู้”
  ซูผิงขมวดคิ้ว เขายังคงคิดว่าค่ายกลผนึกมีความเสี่ยงซ่อนอยู่
  เขาสงสัยว่าเมื่อไรความเสี่ยงนั่นจะเผยตัว
  ซูผิงส่ายหัวเพื่อสงบสติอารมณ์ การคิดมากไปคงไม่ช่วยอะไร เขาอยากจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด และทำงานที่สำคัญ “กลับไปที่บ้านของเธอกัน เธอจะได้สอนฉันได้” ซูผิงกล่าว
  โจแอนนาพยักหน้า เธอคิดถึงบ้าน เพราะซูผิงยุ่งมากเลยไม่มีเวลาพาเธอกลับบ้าน “ฉันจะไปบอกพวกเธอก่อน” ซูผิงกล่าว ซูผิงกลับไปที่หน้าร้านถังยู่หรานและผู้หญิงอีกสองคนยังคงอยู่ที่นั่น “กลับบ้าน อย่าไปไหนอีก ฉันต้องปิดร้านหนึ่งวัน”
  “อีกแล้วเหรอ?”ถังยู่หรานรู้สึกประหลาดใจ
  ซูหลิงเยวี่ยถามด้วยน้ำเสียงสับสน “นายเพิ่งกลับมา ฉันคิดว่านายชอบหาเงิน ทำไมไม่เปิดร้าน การโจมตีของอสูรร้ายกำลังจะมา ร้านค้าของเราสามารถช่วยนักรบอสูรได้มากมาย การช่วยเหลือพวกเขาจะเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดให้กับพวกเราทุกคน”
  จงหลิงถงจ้องมองซูผิงแต่ไม่ได้พูดอะไร
  “ฉันบอกให้กลับบ้าน ก็กลับเถอะ ฉันมีธุระส่วนตัว” ซูผิงพูดอย่างไม่พอใจ เขาไม่สามารถอธิบายความลับของร้านได้ ดังนั้นเขาจึงต้องบอกให้พวกเธอออกไป
  “อืม ทำตัวลึกลับอีกแล้ว”ถังยู่หรานพึมพำและจากไป
  ซูหลิงเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก สามสาวออกจากร้านไป
  ซูผิงปิดประตูโดยไม่สนใจความขุ่นเคืองของสามสาวที่พุ่งเข้ามาหาเขา
  เขาและโจแอนนาเดินทางไปที่หลุมศพกึ่งเทพ
  เวลาแบบนี้ที่อสูรป่าสามารถมาได้ตลอดเวลา ซูผิงต้องกลับมาในทุกวัน
  วันหนึ่งในชีวิตจริงคือสิบวันในสนามบ่มเพาะ
  นั่นก็เหมือนกันสำหรับสนามบ่มเพาะทั้งหมด เขาถามระบบเกี่ยวกับหลักการ แต่ระบบกลับไม่ตอบ
  ซูผิงคุ้นเคยกับระบบที่มักจะเล่นตัวในช่วงเวลาวิกฤติ
  วิธีที่จะทำให้ระบบสนใจคือเรื่องง่ายๆ เรียกว่าโง่ก็พอ “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดอะไรอยู่ นายต้องการลิ้มรสชาติของสายฟ้าหรือยังไง? ความเจ็บปวดจะรุนแรงกว่าเดิมสิบเท่า!” ระบบเตือนซูผิงด้วยน้ำเสียงอำมหิต
  พวกเขามาถึงที่หลุมศพกึ่งเทพเช่นเดียวกับเมื่อก่อน ตัวตนดั้งเดิมของโจแอนนาบอกให้บางคนพาพวกเขาไปที่บ้านของเธอ
  นานมากแล้วที่โจแอนนาไม่ได้มาเยือนดินแดนนี้ เหล่าทวยเทพบนภูเขาต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นเธอกลับมา พวกเขารีบเข้ามาทักทายเธอ
  โจแอนนารู้ว่าซูผิงกำลังรีบและดาวเคราะห์สีน้ำเงินอยู่ในอันตรายร้ายแรง โจแอนนาบอกผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเด็ดขาดให้ออกไป แล้วพาซูผิงไปที่ห้องสมุดที่ตั้งอยู่บนภูเขา
  มีทักษะลึกลับบางอย่างที่ตัวตนดั้งเดิมของโจแอนนาได้รวบรวมเอาไว้ พวกมันถูกเก็บไว้ในห้องสมุด รวมทั้งค่ายกลห้าธาตุด้วย
  “ทฤษฎีการสร้างค่ายกลห้าธาตุนั้นง่าย นายใช้ธาตุพื้นฐานห้าประการและใช้ประโยชน์จากธรรมชาติเพื่อสร้างพลังงาน ค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานมีลักษณะเฉพาะ พลังการกักขังจะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา!”
  “หากค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานมีประวัติศาสตร์มานับล้านปี ค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานก็สามารถกักขังเทพได้!
  “อย่างไรก็ตาม แทบจะไม่มีค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานใดที่มีอายุนับล้านปี ค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานขนาดเล็กที่นายจะได้เรียนรู้ไม่มีลักษณะแบบนั้น พลังของมันจะยังคงเหมือนเดิม นายยังไม่สามารถทำลายสมดุลของธาตุทั้งห้าได้ เมื่อความสมดุลลดลง พลังของค่ายกลจะเสื่อมลงและสิ่งที่อยู่ภายในจะเจอจุดอ่อนที่พวกมันสามารถทำลายได้ในที่สุด”
  โจแอนนาหยิบลูกประคำออกมาออกมา มีการแกะสลักคำอธิบายของค่ายกลห้าธาตุพื้นฐานขนาดเล็กไว้
  “อ่านสิ่งนี้ก่อนและจดจำข้อมูลทั้งหมด ฉันจะอธิบายในภายหลัง สิ่งนี้จะช่วยให้นายเข้าใจ”
  ซูผิงพยักหน้า
  เขานั่งลงบนพื้นโดยไม่สนใจฝุ่น ตรวจสอบคำอธิบายอย่างตั้งใจ
  เวลาผ่านไป
  ซูผิงศึกษาค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็กและโจแอนนาก็อยู่เป็นเพื่อนเขา เธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล แต่เธอก็มีความสามารถมากเกินพอที่จะสอนเขาได้
  คำอธิบายของโจแอนนานั้นละเอียดถี่ถ้วน และการเรียนรู้ของซูผิงก็ครอบคลุม ซูผิงบรรลุความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับค่ายกลห้าธาตุขนาดเล็กในเวลาเพียงสิบวัน  ความคืบหน้าของซูผิงเร็วกว่าที่โจแอนนาคาดไว้ เธอตระหนักว่าซูผิงมีความสามารถค่อนข้างมากในการเรียนรู้ค่ายกลต่างๆ
  “นายเรียนรู้จบได้ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน อันที่จริง… ฉันเป็นอาจารย์ที่ดีแหะ”โจแอนนาอุทาน
  ซูผิงกลอกตา สิบวันผ่านไป เขาเรียกระบบและกลับไปที่ร้าน
  เขาเปิดประตูเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายนอกทันทีหลังจากที่เขากลับมา
  อสูรป่ากำลังเคลื่อนไหว
  ทันทีที่เขาเปิดประตู เขาเห็นบรรดานักรบอสูรตระกูลฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ตระกูลอื่น ๆ ก็รวมตัวกันที่นั่นด้วย ทุกคนดูสีหน้าไม่ดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว