ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว นิยาย บท 981

อสูรถูกจัดการทันทีก่อนการทดสอบจบ ซูผิงกับพรรคพวกยืนกับที่ วังวนสีทองปรากฏเหนือหัวพวกเขา มันคือช่องทางให้ใช้ออกที่นี่
  พวกเขาบุกรุกพื้นที่จริง แต่บัตรศักดิ์สิทิ์ที่พวกเขาปล้นมาได้ทำให้กระตุ้นช่องทาง
  สำหรับผู้เข้าร่วมคนอื่น พวกเขาจะต้องรอจนกว่าหน่วยช่วยเหลือจะมารับตัวหากทำบัตรหาย
  พวกที่มีบัตรจะถูกพาตัวไปโดยตรงตามกฏ
  “ไปกัน”
  ซูผิงมองช่องทางอย่างไม่วิตก เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาไม่ใช่ผู้เข้าร่วมที่ถูกต้อง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะโดนจับได้ไหม แต่ระบบยังสามารถให้ความปลอดภัยกับพวกเขาได้
  โจแอนนานั้นประหม่าสุดในหมู่ทั้งสามเธอไม่เคยคิดว่าจะได้มาเยือนสถาบันวิถีสวรรค์
  เธอยังเป็นแค่เด็กสาวในตระกูลตอนสถาบันอยู่ในยุคทองของมัน สมาชิกบางคนของตระกูลเธอได้เข้าเรียนและทุกคนก็ภาคภูมิใจ
  ซวบ!
  ทั้งสามเข้าช่องทางไปและไม่ช้าก็โดนแสงสีทองกลืน
  ซูผิงสัมผัสได้ว่ามิติกับเวลากำลังเปลี่ยนแปลงขณะที่ทุกอย่างรอบตัวพวกเขาเคลื่อนไหว เขาลืมตาขึ้นใหม่ พบว่าตัวเองอยู่ด้านหน้าภูเขายักษ์ที่มีวังเรืองแสงลอยอยู่ เขากำลังยืนอยู่ในลานกว้าง หันหน้าเข้าหาภูเขา
  รูปปั้นหลายรูปสูงพันฟุตตั้งอยู่บนลาน บ้างถือหนังสือ บ้างถือดาบ ทั้งหมดดูเหมือนจะคุกคาม
  คนจำนวนมากปรากฏข้างพวกเขา ไม่ช้าพวกเขาก็อยู่ทั่ว ซูผิงขยายสัมผัสและตรวจพบคนนับแสน
  มีคนมากมายที่มีบัตรพอ งั้น มีกี่คนที่โดนปล้นหรือฆ่าในสนามรบของการทดสอบ?”ซูผิงแปลกใจกับการค้นพบ
  มันคือการทดสอบที่สองของสถาบันวิถีสวรรค์ ซึ่งหมายความว่าต้องมีคนมากกว่านี้ในรอบแรก
  “อืม”
  โจแอนนาตกตะลึงตอนเห็นภูเขา
  เธอลืมผู้เข้าร่วมรอบตัวเธอไปสนิท เธอเคยเห็นภูเขามาก่อน มันคือประตูของสถาบันวิถีสวรรค์ สถานที่ที่โดนทำลายในช่วงมหาสงครามและภูเขามันก็โดนตระกูลอื่นรุกราน เธอเคยเห็นภูเขาขณะที่เธอสู้ในอดีต
  ภูเขาที่เธอเห็นตอนนั้นเป็นสีดำไปแล้วเนื่องจากการต่อสู้ วังลอยได้ร่วงลงมาและแตกร้าว
  แต่ทว่า ตอนนี้ภูเขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เธอจำภูเขาได้ง่ายๆ  สถาบันวิถีสวรรค์ถูกสร้างใหม่และภูเขาก็โดนฟื้นฟูด้วย อาณาจักรแห่งเทพได้ฟื้นฟูสู่ยุครุ่งเรืองแล้วเหรอ?
  โจแอนนาตื่นเต้น
  ความงดงามของยุคทองของสถาบันยังคงอยู่ เหมือนกับช่วงเวลาที่มันให้กำเนิดยอดฝีมือกับอัจฉริยะหลายรุ่น พวกเขาสู้กันทุกหนทุกแห่ง ปราบเผ่าพันธุ์อื่นทั้งหมด
  แม้กระทั่งดโบราณในอาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดธก็ยังเลือกสงบศึกกับเหล่าทวยเทพ
  มันก็หลายปีแล้ว บางทีเทพคงชนะสงคราม ถ้ามีเทพโบราณรอดชีวิตมากพอ มันก็เป็นไปได้ที่จะฟื้นฟู! โจแอนนาคิด
  ยิ่งเธอคิด เธอยิ่งตื่นเต้น
  ถ้าเป็นงั้น มันก็ง่ายมากสำหรับหลุมศพกึ่งเทพที่จะหวนกลับ!
  ตราบเท่าที่เธอรายงานเรื่องของเทพโบราณที่ปกครองสถาบันวิถีสวรรค์ อีกฝ่ายก็คงสามารถดึงหลุมศพกึ่งเทพมาได้ง่ายๆและเชื่อมต่อมันกับแดนเทพอาเคี่ยนอีกครั้ง
  เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาเคยเป็นส่วนหนึ่ง!
  ซูผิงสะดุ้งกับคลื่นอารมณ์รุนแรงของโจแอนนาและดวงตาเป็นประกายของเธอ เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน มันดูเหมือนเธอได้เปลี่ยนจากเทพธิดาผู้สูงส่งเป็นเด็กสาว
  การได้มาเยี่ยมบ้านเกิดทำให้เธอเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอ?ซูผิงคิดขณะมองภูเขา
  มีผู้เข้าร่วมมาถึงมากขึ้น ส่วนใหญ่คือเทพ บ้างเป็นสายพันธุ์บริวารของเทพ ขณะที่บ้างเป็นมนุษย์
  แดนเทพอาเคี่ยนเป็นสถานที่ที่ต้อนรับทุกสายพันธุ์ แต่เทพก็ยังเป็นใหญ่กว่า
  ไม่นานนัก
  แสงสีทองก็ปรากฏตรงหน้าประตู จากนั้น เทพผู้ยิ่งใหญ่สามองค์ก็ปรากฏ ทั้งหมดแสดงร่างจำแลง ซึ่งสูงนับพันเมตร
  “ข้าดีใจมากที่เห็นพวกเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย”ชายชราผมทองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน”ตอนนี้ เราจะคัดเลือกพวกที่ผ่านบททดสอบ ข้าหวังว่าพวกที่ล้มเหลวจะฝึกให้หนักกว่านี้ การไม่ได้เข้าสถาบันวิถีสวรรค์ไม่ได้หมายความว่าเจ้าคือผู้แพ้ ยังมีโอกาสกับสมบัติอีกมากรอพวกเจ้าอยู่ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสร้างชื่อให้ตัวเองได้ในจักรวาล”
  เสียงอ่อนโยนของเขาน่าฟังมาก คนที่ล้มเหลวรู้สึกหดหู่น้อยลง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวัง
  “ตอนนี้เราจะขานผู้ชนะตามบัตรที่มี โปรดถือบัตรทั้งหมดไว้ในมือ”เทพชราอีกคนพูด แต่เสียงของเขาค่อนข้างกระด้าง
  ฝูงชนกลายเป็นส่งเสียงหลังได้ยินประกาศ แต่ไม่ช้าก็สงบลง
  ซูผิงมอบบัตรให้ถังยู่หรานกับโจแอนนาคนละสิบ จากนั้นพวกเขาก็รอเงียบๆ
  สิบวินาทีต่อมา เทพชราก็ชี้นิ้ว ปล่อยแสงสีทองที่ดูเหมือนจะมาจากต้นกำเนิดของจักรวาล มันสร้างเป็นกลิ่นอายพิเศษ  ซูผิงรู้สึกถึงพลัง จากนั้นตัวของเขาก็ลอยขึ้น เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับโจแอนนาและถังยู่หราน
  คนจำนวนมากในฝูงชนเริ่มลอย ไม่ช้า คนเหล่านั้นก็ไปถึงด้านหน้าลานและลอยอยู่เหนือพื้นสิบเมตร
  ซูผิงหันไป และเห็นว่ามีคนเกือบห้าหมื่นผ่านบททดสอบ
  พวกที่ยังอยู่บนพื้นเพราะมีบัตรไม่พอได้แต่มองพวกซูผิงอย่างอิจฉา บ้างก็โกรธ เห็นได้ชัดว่าศัตรูพวกเขานั้นผ่าน
  “พวกเจ้าสามารถผ่านบททดสอบมาได้”
  เทพที่มีรอยสักและพรรคพวกต่างแหงนมอง พวกเขาพบเห็นพวกซูผิงท่ามกลางผู้ชนะ พวกเขาเชื่อว่าซูผิงกับพรรคพวกสามารถผ่านมาได้ด้วยบัตร แต่ไม่คิดว่าพวกแหกกฏเหล่านี้จะกล้าพอลอบเข้าสถาบัน
  “เจ้าคิดว่าเราควรรายงานพวกเขาไหม?”
  ชายหนุ่มกัดฟัน  พวกเขามีโอกาสผ่าน แต่มันโดนหญิงสาวป่าเถื่อนของตระกูลสตรีดั้งเดิมชิงไป
  แน่นอน พวกเขาเกลียดนาง
  “อย่าพยายามหาเรื่องให้โดนฆ่า”เทพมีรอยสักตะคอก
  ใบหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปหลังได้ยิน เขาพูดเสริม”พวกมันลักลอบเข้าสนามทดสอบของสถาบันวิถีสวรรค์จริงเหรอ?คิดว่าใครก็ทำได้หรือไง?ต่อให้เราจะรายงาน คิดว่าสถาบันวิถีสวรรค์จะฆ่าพวกมันหรือไง?”
  “กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าพวกมันไม่อยากให้ตัวตนถูกเปิดเผย พวกมันจะมาประลองกับเราไหม?”
  สหายทั้งหมดของเขาเงียบไป
  พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะในตระกูล และก็มีความคิดเช่นนั้น แต่ทว่า พวกเขายังหงุดหงิดและเสียใจ
  “เราแพ้เพราะเราอ่อนแอ แค่พยายามใหม่ครั้งหน้า”เทพมีรอยสักแค่นเสียง เขาไม่เคยยึดติดกับอดีต
  คนทั้งหมดที่ลอยเหนือลานได้รวมกันในท้องฟ้าสูงขณะที่พวกเขายังคุย
  “ขอแสดงความยินดีด้วยที่ผ่านบททดสอบสอง”เทพชราที่อยู่ตรงกลางพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน”การเข้าสถาบันวิถีสวรรค์ต้องผ่านบททดสอบสามอย่าง พวกเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังและความสามารถต่อสู้ในสองบททดสอบแรก ตอนนี้ บททดสอบสามจะเป็นการยืนยันคุณสมบัติของเทพ”
  “คุณสมบัติของเทพ?”
  ทุกคนตกตะลึงหลังได้ยินส่วนสุดท้าย
  “ถูกต้อง”
  เทพชราพูดต่อ”เทพยืนอยู่ด้านบนสุด เหนือกว่าทุกสายพันธุ์ ไม่ใช่แค่เพราะเราเกิดมามีกายเทพ มันยังเพราะเรามีคุณสมบัติของเทพที่สายพันธุ์อื่นไม่มี!”
  “ทุกสิ่งมีชีวิตจะมีเอกลักษณ์ของตน คุณสมบัติ เทพ ปีศาจและปะปน”   “คุณสมบัติของเทพนั้นศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งสุด มันคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงก่อตั้งอารยธรรมและสร้างกฏระเบียบได้”
  “คุณสมบัติของเทพคือสิ่งที่แยกเราจากพวกอสูรและสายพันธุ์อื่น!”
  “สายพันธุ์อื่นส่วนใหญ่จะเกิดมาชั่วร้าย พวกมันต้องบ่มเพาะคุณสมบัติของเทพเพื่อระงับด้านอสูรและปีศาจในตัว”
  เทพชราพูดเสริม”บางสายพันธุ์ เช่นมนุษย์จะเต็มไปด้วยลักษณะต่างๆ อารมณ์พวกมันมักวุ่นวาย พวกมันมีด้านปีศาจ ด้านเทพ พลังวิญญาณที่แบ่งสัดส่วนไปทั่ว และก็ไม่มั่นคง”
  “มีแค่เทพที่เกิดมาพร้อมคุณสมบัติของเทพ เราเกิดมาพร้อมความสูงส่งและเมตตา”
  “ปีศาจเยาะเย้ยเราว่าเป็นพวกหน้าซื่อใจคด แต่ทว่า พวกมันคิดว่าการซื่อสัตย์ต่อธรรมชาติหมายถึงการฆ่าคนสุ่มสี่สุ่มห้า พวกมันไม่คิดว่าคนอ่อนแอสมควรจะมีชีวิต!”   “เจ้ารูไหมว่าสถาบันวิถีสวรรค์ได้ชื่อมายังไง?”
  เทพกำลังมองทุกคนขณะพูด
  ทุกคนมองหน้ากันงงๆ บางคนมีดวงตาเป็นประกาย พวกเขาได้ยินคำตอบของคำถามนั้นมาจากผู้อาวุโสพวกเขาแล้ว
  แต่ทว่า ไม่มีใครกล้าตอบพอเจอกับเทพเจ้าที่น่าเกรงขามทั้งสามของสถาบัน
  “ต่อสู้กับสวรรค์และปกป้องความจริง!”
  “นั่นคือรากฐานของสถาบันวิถีสวรรค์!’
  “วิถีแห่งสวรรค์นั้นผิดและนั่นทำให้เราต้องสู้กับพวกมัน!”
  “เราต้องปกป้องความจริงที่เราเชื่อด้วยอาวุธของเรา นั่นคือจิตวิญญาณที่ศิษย์ทุกคนของสถาบันวิถีสวรรค์ควรมี!”
  ชายชราประกาศด้วยน้ำเสียงเร่าร้อน
  ดวงตาของเขาดูน่ากลัวราวกับดาบคม ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลย  “การทดสอบครั้งที่สามจะประเมินคุณสมบัติของเทพของพวกเจ้า พวกเจ้าจะไม่สามารถเข้าร่วมสถาบันวิถีสวรรค์ได้เว้นแต่จะพิสูจน์ว่าตัวเองมีเมตตา มิฉะนั้น เจ้าจะไม่ได้รับการยอมรับต่อให้จะเป็นอัจฉริยะที่ใหญ่โตมาจากไหนก็ตาม!”เทพชราประกาศกร้าว
  ทุกคนเงียบไปหลังได้ยิน
  แม้กระทั่งอัจฉริยะบนอันดับโกลาหลก็จะโดนปฏิเสธถ้าไม่มีคุณสมบัติเทพ?
  ทุกคนตกใจ มันทิ้งความประทับใจลึกๆไว้ให้พวกเขา
  พวกเขารู้สึกเกรงขามต่อสถาบันมากขึ้น
  “ต่อสู้กับสวรรค์และปกป้องความจริง..”โจแอนนาพึมพำ
  สู้กับสวรรค์?
  มันดูเหมือนว่าสงครามในอดีตจะยังไม่ถูกลืมเลือน
  สถาบันวิถีสวรรค์ยังเหมือนเดิม ถ้าสวรรค์ผิด ก็แค่สู้!   เธอรู้สึกว่าเลือดของเธอเริ่มเดือด เธออยากกู่ร้องและเข้าร่วมสถาบันวิถีสวรรค์ซะตอนนี้ เธอเต็มใจที่จะเป็นคนนำและปกป้องศรัทธาของเธอถ้าเกิดสงครามขึ้นอีก!
  เธอไม่อยากออกจากดินแดนที่เธอเติบโตขึ้นมาอีก!
  เธอเกลียดสงครามที่พรากเธอจากบ้านเกิด!
  “ผู้ชนะทุกคน ตามข้ามาทางประตู”เทพชราที่ดูดุพูดอย่างเฉยเมย
  จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ ซึ่งห่อหุ้มทั้งหมดราวกับเป็นหลุมดำ
  ซูผิงไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด จากนั้นดาวนับไม่ถ้วนก็เริ่มระยิบระยับ พวกเขาถูกคุกขังในแขนเสื้อเขา แต่เขาเห็นจักรวาลกับดาวนับไม่ถ้วน
  ซูผิงตกใจกับฐานบ่มเพาะของชายชรา เขาแข็งแกร่ง และน่าจะเหนือยิ่งกว่าเทพอมตะ!   นั่นคือตัวตนที่น่ากลัวมาก พวกเขาคนเดียวก็อาจโค่นได้ทั้งสหพันธ์แล้ว!
  ฉันสงสัยว่าโลกนี้อยู่ห่างจากจักรวาลที่สหพันธ์อยู่แค่ไหน ซูผิงครุ่นคิด
  สหพันธ์อาจตกเป็นอาณานิคมถ้าเทพจากแดนเทพอาเคี่ยนตรวจพบ
  พวกเขาไม่ได้อยู่ในแขนเสื้อนานนัก เขาพบว่าตัวเองอยู่ในวิหารกับผู้เข้าร่วมคนอื่น เทพชราพูด”พวกเจ้าจะพักกันที่นี่สิบวัน เจ้าจะได้รับแจ้งถึงการทดสอบรอบสามระหว่างนี้ พวกเจ้าจะได้ทดสอบพร้อมกับเจ้าชายและเจ้าหญิงที่ตระกูลใหญ่แนะนำมา”
  หลังจากนั้น เทพชราก็ออกไป
  “มีใครบอกข้าได้ไหมว่ามันเป็นบททดสอบอะไร?”บางคนตะโกน
  “อืม เจ้าถามได้ถูกคนแล้ว คุณสมบัติเทพไม่ได้หมายถึงความเมตตา เหนือสิ่งอื่นใด เทพที่เมตตาจากใจจริงคงตายไปตั้งนานแล้ว”ชายหนุ่มร่างสูงพูดจาคมายและมีสะเก็ดทั่วตัวพูด”คุณสมบัติเทพซ่อนลึกอยู่ในจิตวิญญาณของเรา บางคนฆ่าคนมามากแต่ก็ยังมีคุณสมบัติเทพขั้นสูง ขณะที่บางคนไม่เคยฆ่าใครแต่ก็อาจไม่มีคุณสมบัติเทพ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว