“ดูเหมือนว่าตะปูสีดำพิเศษสามารถวัดคุณสมบัติเทพได้”
ซูผิง โจแอนนาและถังยู่หรานรออยู่เงียบ ๆ ในฝูงชน คิวของพวกเขาอยู่ทีหลัง เนื่องจากเจ้าชายและเจ้าหญิงจะทำการทดสอบก่อน
นี่เป็นเรื่องปกติ จะช้าหรือเร็วก็มีค่าเท่ากัน
ไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้ บางคนไม่พอใจกับการเลือกปฏิบัติอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาผ่านการทดสอบหลายครั้งเพื่อมาถึงจุดนั้น แต่พวกเขายังต้องรอสิบวันจนกว่าจะได้ทดสอบ สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิด บางคนถึงกับโกรธสถาบันวิถีสวรรค์
บนท้องฟ้าสูง—ผู้มีอภิสิทธิ์ผลัดกันเข้ารับการทดสอบก่อน หากใครเดินเข้าไปพร้อม ๆ กัน ชายวัยกลางคนที่สวมมงกุฎจะเลือกให้คนใดคนหนึ่งเข้าไปก่อน หลิงหยิน เจ้าหญิงคนแรกเสร็จสิ้นการทดสอบของนาง จากนั้นจึงทำการวัดครั้งที่สองและสาม แต่ผลที่ได้คือเรืองแสงสามอัน อีกคนเรืองแสงเพียงอันเดียว ผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจและวิตกกังวล พวกเขาไม่ได้ตระหนักว่าความแตกต่างของคุณสมบัติเทพระหว่างพวกเขาจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อพิจารณาจากผลลัพธ์แล้ว ผู้สอบคนที่ 2 และ 3 มีแนวโน้มจะล้มเหลวอย่างมาก
ผู้เข้าร่วมทั้งสองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน สีหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยว
ไม่นานหลังจากนั้น คนอื่นๆ ก็ก้าวขึ้นมาและผลัดกันวัด
มีตะปูสีดำทั้งหมดสิบสองอันบนหินสีทอง ซึ่งดูเหมือนจะแสดงถึงคุณสมบัติเทพขั้นสูงสุด ถึงกระนั้นพวกเขาไม่รู้ว่ามาตรฐานการเข้าของสถาบันวิถีสวรรค์คือเท่าไหร่ แม้แต่หลิงหยินผู้ส่องสว่างตะปูสีดำเจ็ดอันก็ยังรู้สึกประหม่า นางเป็นคนที่ดีที่สุดในการทดสอบทุกครั้งที่นางเคยทำมา
ถ้าคะแนนเต็มร้อยคะแนน นางก็คงได้คะแนนร้อยคะแนนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ตะปูสีดำของนางกลับส่องสว่างแค่ครึ่งเดียว นางจะล้มเหลวถ้ามาตรฐานของสถาบันคือสิบตะปู
นางเริ่มผ่อนคลายเมื่อเห็นว่าคนหลังๆส่องสว่างตะปูได้น้อยกว่า
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงอุทานออกมาจากฝูงชน ในขณะที่ชายหนุ่มผมแดงรูปงามส่องสว่างตะปูสิบเอ็ดอัน!
เขาอยู่ห่างจากความสมบูรณ์เพียงแค่หนึ่งเท่านั้น!
นี่จะเป็นผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเทพที่ดีที่สุดในตอนนี้
ทุกคนจับตาดูเขา พวกเขาประหลาดใจที่พบว่าเขาไม่ได้อยู่ในตระกูลระดับสูง ดูเหมือนว่าคุณสมบัติเทพไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายเลือดอย่างแท้จริง
ชายหนุ่มผมแดงรู้สึกประหลาดใจและยินดีกับผลลัพธ์ที่ได้ เขาเชื่อว่าเขาจะผ่านการทดสอบอย่างแน่นอน ท้ายที่สุด เขามีคุณสมบัติที่ดีที่สุดในบรรดาเจ้าชายและเจ้าหญิง!
ใกล้ๆ กัน ชายชราสามคนของสถาบันวิถีสวรรค์เหลือบมองชายหนุ่มผมแดงด้วยสายตาอ่อนโยนและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ใกล้จะถึงตาของผู้ชายคนนั้นแล้ว”ถังยู่หรานพูด
เกือบจะถึงคิวของเจ้าชายของตระกูลสายฝนแล้ว
ตระกูลสายฝนได้ส่งเจ้าชายมาห้าคน และเจ้าชายน้อยที่พวกเขารู้จักก็อยู่ท้ายแถว ขณะที่เจ้าชายคนอื่นๆ รักษาระยะห่างจากเขา
ข่าวที่ระฆังโกลาหลของตระกูลสายฝนถูกตีไปถึงหูของตระกูลระดับสูงหลายตระกูลอย่างไรก็ตามตระกูลสายฝนถือว่าข้อเท็จจริงนี้เป็นที่มาของความอัปยศ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้คำชี้แจงใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตระกูลอื่นคิดว่าเจ้าชายของตระกูลเป็นคนทำ… แต่ตระกูลสายฝนรู้ดีว่าพวกเขาได้เสียอัจฉริยะซึ่งสามารถทำให้ระฆังโกลาหลก้องกังวานได้ไปแล้ว
“เขาต้องมีคุณสมบัติเทพไม่ดีอย่างแน่นอน!”ถังยู่หรานกล่าวเมื่อเห็นเจ้าชายของตระกูลสายฝนที่ท้ายแถว เธอไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้กับคนตระกูลสายฝน แต่เธอถูกฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจหลายครั้ง เจ้าชายนั่นได้ทิ้งความประทับใจแย่ๆไว้กับเธอ
”มันพูดยาก”
ซูผิงส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
เขาจะเข้าสถาบันได้หรือไม่นั้นต้องคอยดู เขาไม่สนใจว่าเจ้าชายจะเข้าได้หรือไม่ได้
เขาคงไม่รังเกียจที่จะจัดการเจ้าชาย ถ้าทั้งสองคนได้รับการยอมรับและเจ้าชายสร้างปัญหาให้เขา เขาสามารถฆ่าเจ้าชายได้ แม้ว่าจะได้เป็นศิษย์ของสถาบันวิถีสวรรค์แล้วก็ตาม
โจแอนนาเคยกล่าวถึงความดีของสถาบัน แต่นั่นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าชายคนนั้น
”ฮึ!”ถังยู่หรานพ่นลมหายใจไม่เห็นด้วยกับทัศนคติที่ไม่แยแสของซูผิง
ไม่นานก็ถึงตาของตระกูลสายฝน
เจ้าชายคนแรกของตระกูลสายฝนดูอ่อนโยนและหล่อเหลา มีตราสายฟ้าที่ตาซ้ายซึ่งทำให้เขาดูผิดปกติมากที่สุด มีคนกระซิบว่า “เนตรสายฟ้า เจ้าชายของตระกูลสายฝนน่ากลัวจริงๆ”
“เขาเกิดมาพร้อมกับเนตรสายฟ้า เขาเชี่ยวชาญวิถีแห่งสายฟ้าตั้งแต่ยังเล็ก และเนตรสายฟ้าก็มีพลังทำลายล้าง ข้าแน่ใจว่าเขาจะไปถึงระดับที่สูงมากแน่ๆ!”
คนอื่นๆ ยังคงพูดคุยกันเสียงเบา เต็มไปด้วยความอิจฉา
ในไม่ช้า เจ้าชายที่มีเนตรสายฟ้าก็วางมือบนลูกบอลสีดำ
ในไม่ช้าทรงกลมก็เปลี่ยนเป็นสีทอง จากนั้นสีทองก็กระจายออก ทำให้ตะปูสีดำทั้งหกสว่างไสว
ตะปูสีดำตัวที่เจ็ดเปลี่ยนเป็นสีทองครึ่งทางแล้วหยุด
ชายวัยกลางคนที่สวมมงกุฏรูปดาวพยักหน้าและโบกมือให้คนต่อไปก้าวขึ้นไป
เจ้าชายที่มีเนตรสายฟ้ารู้สึกไม่พอใจ เมื่อเห็นการตอบสนองจากผู้อาวุโส เขาเป็นอัจฉริยะที่น่าอัศจรรย์มาโดยตลอด ถึงกระนั้นผู้อาวุโสก็ดูเหมือนจะไม่ประทับใจ แม้แต่เนตรสายฟ้าของเขาก็ไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
อย่างไรก็ตามเขาเก็บซ่อนความรู้สึกไม่สบายทั้งหมดไว้ เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและจากไป ข้างหลังเขาเป็นเจ้าหญิงแห่งตระกูลสายฝน
นางก้าวขึ้นไปและทำให้ตะปูสีดำเก้าอันสว่างขึ้น!
จากนั้นสมาชิกคนที่สามส่องสว่างเพียงอันเดียว
คนที่สี่ส่องสว่างสามอัน
ไม่นานก็ถึงคิวสุดท้าย เจ้าชายน้อยที่ทำให้ซูผิงตีระฆัง
“โม่เฟิง แห่งตระกูลสายฝน!”
ชายหนุ่มก้าวขึ้นไปและรายงานชื่อกับตระกูลของเขา จากนั้นเขาก็วางมือบนลูกบอลสีดำ
ครู่ต่อมา ลูกบอลสีดำกลายเป็นสีทอง จากนั้นสีทองก็ค่อยๆ กระจายออก… แต่มีตะปูสีดำเพียงอันเดียวที่เปลี่ยนเป็นสีทอง
โม่เฟิงตกตะลึง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณสมบัติเทพของเขาจะมีเพียงเท่านี้
หัวใจของเขาเริ่มหนักอึ้ง ผลสุดท้ายยังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่เขารู้ว่าเขาอาจจะไม่มีคุณสมบัติ
“บัดซบ!”
เขากำหมัดอีกข้างหนึ่งอย่างเคร่งขรึม เขาจะได้รับทรัพยากรน้อยลงถ้าเขาไม่สามารถเข้าไปในสถาบันได้ และยังตระหนักดีว่าหนึ่งในสหายของเขาส่องสว่างตะปูสีดำเก้าอัน!
”ถอยมา คนถัดไป”
ชายวัยกลางคนที่สวมมงกุฎสามารถสังเกตเห็นความหงุดหงิดและความโกรธในสายตาของเจ้าชายน้อยได้อย่างง่ายดาย เขายังตระหนักถึงการแข่งขันที่โหดร้ายซึ่งเกิดขึ้นในแต่ละตระกูล นั่นเป็นเรื่องธรรมดา มีผู้ชนะ มีผู้แพ้
เขาไม่เห็นอกเห็นใจผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติเทพเพียงพอ เขารู้ว่ามันหมายถึงอะไร
โม่เฟิงหันหลังกลับและเดินจากไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ไม่สนใจแม้แต่จะกล่าวคำอำลา
เจ้าหญิงแห่งตระกูลสายฝนที่ส่วงสว่างตะปูทั้งเก้าอันมีรอยยิ้มที่กว้างและสดใสบนใบหน้า มีโอกาสดีที่นางจะได้รับการยอมรับจากสถาบันวิถีสวรรค์ ถ้าเป็นเช่นนั้น นางจะได้รับทรัพยากรมากขึ้น และจะแข็งแกร่งขึ้นมาก!
เจ้าชายและเจ้าหญิงคนอื่นๆ ต่างก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ
ผู้สมัครของตระกูลระดับสูงทั้งหมดถูกวัดกันไปเรื่อยๆ ที่ดีที่สุดคือส่องสว่างตะปู 11 อัน และที่แย่ที่สุดคือไม่ได้สักอัน. ซึ่งทำให้ผู้ชมคิดว่าหินสีทองทำงานผิดปกติ จนกระทั่งคนอื่นทำการทดสอบอีกครั้ง
“คนนั้นไม่มีคุณสมบัติเทพเลยหรอ? และนาง… เป็นเจ้าหญิงของตระกูลระดับสูง น่ากลัวจริงๆ?”
“จิ๊ จิ๊… คู่แข่งในตระกูลของนางต้องสั่นสะท้านด้วยความกลัวหลังจากเห็นผลดังกล่าว” “นางนี่มันตัวร้ายชัดๆ**!”
ทุกคนกระซิบเสียงเบาและจดจำชื่อของนาง
หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับผลลัพธ์ที่ได้ ดวงตาของนางเย็นชาเมื่อนางกลับมายังตำแหน่งเดิม ขณะที่นางสังเกตเห็นเสียงกระซิบรอบข้างที่ดังขึ้น
กลุ่มผู้มีอภิสิทธิ์วัดผลเสร็จแล้ว ตอนนั้นเป็นตาของพวกซูผิง
ในไม่ช้าทุกคนก็เข้าแถวตามเงื่อนไขของผู้อาวุโสที่สวมมงกุฎบอก
”ฮะ?”
ในขณะที่โม่เฟิงวางแผนด้วยสีหน้ามืดมน—เขาก็เห็นคนที่คุ้นเคยในฝูงชน และมึนงงเล็กน้อย เขาเหล่ตาและตระหนักว่าตาของเขาไม่ได้ฝาด
ชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่!
เขายังมาที่สถาบันวิถีสวรรค์ด้วยซ้ำ?
โม่เฟิงหน้าดำยิ่งกว่าเดิม ถ้าซูผิงเข้าร่วมสถาบัน พรสวรรค์อันน่าทึ่งของเขาจะถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน และเขาจะได้รับทรัพยากรมากมาย
“บัดซบจริงๆ!”
อารมณ์ของเขาไม่ดียิ่งกว่าเดิม เขาคิดว่ามันเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตของเขา
เขาเป็นแค่มนุษย์ เขาจะมีคุณสมบัติเทพได้มากสักแค่ไหน? โม่เฟิงคิด
ในไม่ช้า การทดสอบก็ดำเนินไป
นอกจากเทพแล้ว เผ่าพันธุ์ขุนนางของพวกเขาก็ทำการทดสอบด้วย ด้วยเหตุผลนี้จึงสามารถเห็นเผ่าพันธ์ต่างๆ มากมาย บางคนมีหัวเป็นวัวและร่างเป็นมนุษย์ ในขณะที่คนอื่นมีร่างมนุษย์และ ตัวเป็นงู นอกจากนี้ยังมีวิญญาณที่มีผมหลากสี
ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ผู้สมัครหลายคนจากสายพันธุ์ขุนนางส่องสว่างตะปูแปดอัน หนึ่งในนั้นยังส่องสว่างตะปูสิบอัน!
ผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้เทพจำนวนมากมีการแสดงออกที่ไม่เป็นธรรมชาติ และรู้สึกแปลก ๆ
ส่วนโม่เฟิงนั้น เขาโกรธมากกว่าเดิม เขากำหมัดแน่น
ในที่สุดก็ถึงตาของกลุ่มซูผิง
“เธอไปก่อน” ซูผิงพูดกับถังยู่หราน
ถังยู่หรานค่อนข้างประหม่า เธอพยักหน้าแล้วบินไปที่หินสีทอง
“แค่วางมือบนนั้น” ชายวัยกลางคนมองเธอแปลก ๆ เขามองออกได้ชัดเจนว่าเธอไม่สามารถผ่านการทดสอบก่อนหน้านี้ได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น
เธอเป็นมนุษย์… เธอเป็นทาสของเทพองค์ใดองค์หนึ่งหรือเปล่า?
ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่าถังยู่หรานจะอ่อนแอ แต่สถาบันวิถีสวรรค์เป็นสถานที่ที่นักเรียนต้องแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจุดเริ่มต้นของพวกเขาจะอ่อนแอแค่ไหน! นั่นคือบนสมมติฐานว่าพวกเขามีคุณสมบัติเทพเพียงพอที่จะผ่านการทดสอบ
ถังยู่หรานวางมือบนลูกบอลสีดำ ในไม่ช้าลูกบอลสีดำก็เปลี่ยนเป็นสีทอง หนึ่งตะปู สอง สาม… มันไม่ได้หยุดจนกระทั่งไปถึงตะปูที่เจ็ด
ถังยู่หรานโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผล แต่เธอก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเช่นกัน ตะปูเจ็ดอันนั้นค่อนข้างดี แต่เธอไม่รู้ว่าจะผ่านได้ไหม เธอจะมั่นใจมากขึ้นถ้าเธอส่องสว่างตะปูแปดหรือเก้าอัน
อย่างไรก็ตาม เธอยังคงแปลกใจที่ส่องสว่างตะปูได้ถึงเจ็ดอัน
เธอมีคุณสมบัติเทพในร่างกายหรอ?
“ฉันเป็นคนดีขนาดนั้นเลยหรอ?”ถังยู่หรานพึมพำ รู้สึกดีกับตัวเอง เธอเงยหน้ามองเหล่าเทพ ในที่สุดเธอก็รู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนที่อ่อนแอที่สุด
”ฮะ?”
โจแอนนาประหลาดใจกับผลลัพธ์ของถังยู่หราน ผู้หญิงคนนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อพิจารณาจากผลของผู้สมัครคนก่อนหน้า
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ถังยู่หรานไม่ได้มีพลังเทพมากนัก แต่คุณสมบัติเทพของเธอกลับสูง มันเกินความคาดหมายของเขา
คุณสมบัติเทพไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายเลือด บางทีมันอาจเป็นคุณสมบัติพิเศษที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ
ฉันสงสัยว่าจิตวิญญาณของฉันจะเป็นยังไง ซูผิงคิด
เขาก้าวขึ้นไปบนหินสีทอง
ซูผิงรู้สึกราวกับว่าหินกำลังจ้องมองลงมาที่เขาเหมือนลูกตาขนาดมหึมา ความคิดและความลับของเขาไม่สามารถปิดซ่อนได้อีกต่อไป
น้ำตาเทพ… มหัศจรรย์ขนาดนั้นจริงหรอ? ซูผิงคิด เขาวางมือบนลูกบอลสีดำตามคำแนะนำของชายวัยกลางคน ลูกบอลให้ความรู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส ซูผิงรออย่างมีหวัง แต่ลูกบอลสีดำไม่ตอบสนองแม้แต่น้อยหลังจากผ่านไปนาน
ซูผิงตกตะลึงและพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็จำเจ้าหญิงที่ล้มเหลวในการส่องสว่างตะปูได้
เขาไม่มีคุณสมบัติเทพเพราะเขาฆ่าคนมากเกินไปหรอ?
แต่เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนดีมาตลอด!
เขารักษากฎหมายมาโดยตลอด และเขาเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะมองมุมไหน!
ขณะที่ซูผิงรู้สึกอยากร้องไห้ ลูกบอลสีดำก็แสดงสีทองสดใส จากนั้นจึงกระจายออกและส่องสว่างตะปูอันแรก แล้วก็ อันที่สอง สาม…
ทันใดนั้นแสงสีทองก็หยุดลงเมื่อไปถึงตะปูที่เก้า ซูผิงส่องสว่างเก้าอัน
”ฮู้ว”
ซูผิงรู้สึกโล่งใจ มันเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวจริงๆ
หินทองคำได้ยินเสียงในใจของเขาหรอ?
ผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ๆก็ประหลาดใจเช่นกัน สงสัยว่าทำไมหินทองคำถึงไม่ตอบสนองก่อนหน้านี้
เขามองไปที่ชายชราทั้งสามคน แล้วปล่อยเรื่องนี้ไปเพราะไม่มีใครพูดอะไร
ซูผิงหันกลับมาและมองโจแอนนาอย่างให้กำลังใจ “เข้าไปเถอะ!”
โจแอนนาแสดงท่าทางเคร่งขรึมและกังวล ดูเหมือนว่าเธอจะหายใจในอัตราที่ช้าลง เธอมองซูผิง พยักหน้าแล้วบินไปยังหินสีทอง..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านอสูรดวงดาว (Astral Pet Store) ร้านขายอสูรดวงดาว