เข้าสู่ระบบผ่าน

ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย นิยาย บท 137

บทที่ 137 ตกลงแผนงาน

“แล้วพวกคุณต้องการการแสดงแบบไหนบ้าง?” ถึงแม้ว่าฉิงเทียนนั้นจะรู้สึกว่าเวลากระชั้นชิดมาก แต่เขาก็ไม่ได้กำลังเตรียมงานสำหรับมนุษย์ธรรมดาอยู่ แต่เป็นงานของเหล่าเซียนต่างหาก

และผู้ที่จะแสดงเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นเซียนอีกต่างหาก ถ้าจะให้พวกเขามาพูดตามบทนิดหน่อยและทำการแสดงก็ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็ไม่รู้สึกว่าเวลามันกระชั้นชิดมากนัก

หลังจากที่ได้ยินคำถามของฉิงเทียน ไท่ไป๋จินซิงก็คิดแล้วพูดขึ้น “ถ้าจะให้ดีก็ควรจะมีการแสดงที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลายและดูดี และจะต้องทำให้รู้สึกสรรเสริญต่อความสำเร็จขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ด้วย” ไท่ไป๋จินซิงพูดด้วยสีหน้าที่เคารพบูชา “องค์เง็กเซียนฮ่องเต้และเจ้าแม่หวังหมู่นั้นต่างก็มีหน้าที่คอยดูแลสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในทั้ง 3 โลก ซึ่งเป็นงานที่ยากลำบากทุกปี แน่นอนว่าในงานเลี้ยงลูกท้อนี้ก็ควรที่จะมีการสรรเสริญต่อความสำเร็จของพวกท่านด้วย

มองไปที่ไท่ไป๋จินซิงที่พูดด้วยสีหน้าที่ยกย่องบูชาเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว ฉิงเทียนก็แอบพูดในใจ: ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไท่ไป๋จินซิงจะสามารถได้รับความเชื่อใจจากเง็กเซียนฮ่องเต้ได้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นๆที่จะพูดเยินยอได้เช่นเขา

ตือโป๊ยก่ายที่อยู่ข้างๆเขาก็มองไปที่ไท่ไป๋จินซิงด้วยสีหน้าที่รังเกียจ และมีสีหน้าที่เหมือนจะบอกว่าเขารู้จักเพื่อนที่น่าอายเช่นนี้ได้อย่างไร

องค์เง็กเซียนฮ่องเต้นั้นเปี่ยมไปด้วยศีลธรรมและคุณงามความดี และองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ก็ยังให้พรกับทุกสรรพสิ่ง………..” ยิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิดมากไปเรื่อยๆ ฉิงเทียนที่นั่งฟังอยู่ก็เริ่มรู้สึกขนลุกทั่วทั้งตัว

ฉิงเทียนจึงได้รีบหยุดไท่ไป๋จินซิง “ผมทราบแล้วครับ เราจะต้องสรรเสริญองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ลงไปในรายการแสดงด้วย”

“และนั่นก็คือทั้งหมด, ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถคิดผังรายการทั้งหมดได้ก่อนคืนนี้นะ” ไท่ไป๋จินซิงกล่าว

ฉิงเทียนผงกหัวด้วยความยินดีและเริ่มคิดดูว่าเขาควรที่จะเตรียมการแสดงอะไรในงานเลี้ยงลูกท้อดี

ก่อนอื่นเลยก็เพลงและการเต้นรำจะต้องมีอยู่ เพราะย่อมต้องมีเหล่าเซียนและนางฟ้าที่ชื่นชอบดูการเต้นรำตลอดทั้งปีอยู่แล้วไม่ว่าจะจัดงานเมื่อไร เพราะการเต้นรำเป็นของคู่กับงานเลี้ยง แต่ถึงแม้การเต้นรำของเหล่านางฟ้านั้นจะงดงามสุดยอดอยู่แล้วและการเต้นบนโลกจะไม่สู้ก็ตามที แต่ก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป ถ้าหากว่ากินเป๋าฮื้อและโสมทุกวันแล้วมากินผักเป็นบางครั้งบางคราวย่อมที่จะรู้สึกว่ามันอร่อยมาก เช่นเดียวกันหากเหล่าเซียนที่ชมการเต้นรำโบราณอยู่ทุกวันๆก็ย่อมต้องมีอาการเบื่อบ้าง หากได้ดูการเต้นของบนโลกที่แตกต่างออกไปจากเดิมดูบ้างก็ย่อมที่จะให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ เมื่อคิดได้เช่นนี้ฉิงเทียนก็ได้เขียนการเต้นรำลงไปด้วยพู่กันที่อยู่บนโต๊ะของไท่ไป๋จินซิง

ส่วนตือโป๊ยก่ายและไท่ไป๋จินซิงที่ดูอยู่ข้างๆก็มองดูฉิงเทียนเขียนตัวหนังสือเต้นรำลงไป ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะเหล่าเซียนมากมายที่เต้นรำเป็นอยู่แล้ว แค่หานักเต้นไม่กี่คนมาทำให้การแสดงชิ้นแรกสำเร็จก็พอ

แต่ความคิดเช่นนี้ย่อมไม่ทำให้ฉิงเทียนพอใจอยู่แล้ว ฉิงเทียนจึงได้ถามออกไปเสียงดัง “จุดประสงค์ของงานเลี้ยงลูกท้อคืออะไรครับ?”

เมื่อถูกถามโดยฉิงเทียน ดวงตาของตือโป๊ยก่ายก็ได้จับจ้องไปที่ไท่ไป๋จินซิง แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้และพบว่าไท่ไปจินซิงก็คิ้วขมวดอยู่

ด้วยการหลบเลี่ยงด้วยสายตาแล้วก้มหน้าหลบ ดูเหมือนเด็กนักเรียนที่ก้มหน้าหลบเมื่อถูกคุณครูถาม แล้วในใจก็คิด: อย่าเรียกเรา อย่าเรียกเรา!

แต่ยิ่งทำเป็นหลบเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสถูกเรียกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เมื่อมองไปที่เซียนทั้งสองตนที่กำลังหลบหน้าเขาอยู่ ฉิงเทียนจึงได้พูดขึ้น “ว่าอย่างไรครับ ลูกพี่หมู?”

เมื่อถูกเรียกโดยฉิงเทียน ตือโป๊ยก่ายที่กำลังนั่งก้มหน้าอย่างอายๆนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบออกไป “งานเลี้ยงลูกท้อก็มีเพื่อให้เหล่าเซียนได้รู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น”

เมื่อได้ยินที่ตือโป๊ยก่ายตอบ ฉิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะยักไหล่แล้วพูดขึ้น “นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ส่วนที่สำคัญคืองานเลี้ยงลูกท้อนั้นคือการแสดงฐานะต่างหาก เพื่อแสดงให้เห็นว่าเง็กเซียนฮ่องเต้และเจ้าแม่หวังหมู่คือผู้นำที่แท้จริงบนสวรรค์ในวันนั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดงานเลี้ยงลูกท้อขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ในทุกปีโดยปราศจากการออมเงินและข้าวของ”

“ดังนั้นในเวลานี้พวกเราควรที่จะทำให้พวกเขาสรรเสริญเง็กเซียนฮ่องเต้และเจ้าแม่หวังหมู่ด้วยรอยยิ้มให้ได้”

หลังจากที่ได้ยินที่ฉิงเทียนเสนอแนะมาแล้ว ตือโป๊ยก่ายและไท่ไป๋จินซิงก็ได้มองมาที่ฉิงเทียนด้วยความชื่นชม

“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีการพินิจพิเคราะห์ได้รอบคอบเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะเตรียมการแสดงระดับทองคำเลยทีเดียว” ไท่ไป๋จินซิงตอบอย่างรวดเร็ว

ตือโป๊ยก่ายที่มองดูฉิงเทียนพูดจนลิ้นแห้งคอแห้ง ตือโป๊ยก่ายจึงได้พูดขึ้นมา “ตาเฒ่าไป๋ น้องฉิงพูดจนปากจะควันขึ้นแล้ว คุณยังไม่เตรียมน้ำชาและผลไม้มาให้เขาอีกรึ?”

เมื่อได้ยินที่ตือโป๊ยก่ายพูด ไท่ไป๋จินซิงก็ได้เรียกให้คนที่อยู่ที่ประตูนำจานผลไม้เข้ามาเสิร์ฟ จากนั้นก็หยิบเอาชุดน้ำชาออกมาจากแหวนหยกที่นิ้วโป้งข้างขวาอย่างระมัดระวัง

“ชุดน้ำชาของข้านี้ทำมาจากคริสทัลที่หาได้ภูเขาปู้โจว ส่วนใบชานี้เป็นใบชาแห่งการรู้แจ้ง ซึ่งเป็นชาที่เหมาะสมกับผู้ฝึกวิชาอย่างน้องฉิงมาก”

จากนั้นเขาก็หยิบเอาออกมาจากกล่อง 6 ซอง ซึ่งแต่ละซองจะมีใบชาอยู่แค่ใบเดียวเท่านั้น

แล้วใบชาสีเขียวนั้นก็ได้กลายเป็นสีเหลืองมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อพวกมันได้จุ่มลงไปในน้ำเดือด ฉิงเทียนจึงได้หยิบเอาแก้วชาขึ้นมายกดื่ม

ทันใดนั้นเอง ฉิงเทียนก็พบว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษมาก สำหรับชาบนโลกแล้วมันจะไหลลงไปยังเครืองในทันที ในขณะที่ชารู้แจ้งนี้จะค่อยๆลงไปจากปากของฉิงเทียนอย่างช้าๆ แล้วฉิงเทียนก็พลันรู้สึกถึงความสงบในใจเขา รู้สึกราวกับว่าโลกไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และโลกที่ไม่มั่นคงก็มั่นคงมากขึ้น

“นี่เป็นของที่ดีมากจริงๆด้วย” ฉิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา

หลังจากที่ฟื้นจากอาการของชารู้แจ้งแล้ว ฉิงเทียนก็รู้สึกเต็มใจจะช่วยขึ้นมาทันที

บทที่ 137 ตกลงแผนงาน 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย