บทที่ 136 ตำหนักของไท่ไป๋จินซิง
ประโยคนี้ทำให้ฉิงเทียนพบปัญหาที่สำคัญมากขึ้นมา เซียนคนนี้นั้นคงไม่รู้ว่าเขานั้นได้ฝึกวิชาถึงขั้นจินตันแล้ว
“หรือเป็นเพราะเพ่าฝูได้ทำให้ตัวเรานั้นไม่สามารถมองเห็นระดับของการฝึกวิชาของเราได้แม้แต่เซียนกันนะ?” ฉิงเทียนคิดอย่างตื่นเต้นและมั่นใจในระดับหนึ่ง
หลังจากที่ถูกเซียนคนนั้นมองฉิงเทียนอย่างดูถูกแล้ว เขาก็ไม่ได้คุยอะไรกับฉิงเทียนอีกตลอดทาง มองดูท่าทีที่หยิ่งยโสของเซียนผู้นี้แล้ว ฉิงเทียนจึงได้ขี้เกียจที่จะพูดคุยกับเขาอีก
ส่วนเมฆสีขาวนั้นก็ได้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเรื่อยๆ บรรยากาศด้านข้างก็ได้เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ซึ่งไม่นานเขาก็ไม่เห็นเมฆสีขาวอีก เขาพบอาคารที่จู่ๆก็โผล่มาตรงหน้าเขา มีทั้งศาลาและสิ่งก่อสร้างซึ่งดูเหมือนกับคฤหาสน์จีนสมัยโบราณ ซึ่งทุกอย่างล้วนทำจากไม้ และไม่ว่าจะหลังคา, ประตูและหน้าต่างล้วนแล้วแต่แกะสลักออกมาตามลายธรรมชาติของมันโดยไม่ได้แต่งแต้มสีอะไร และกำแพงก็เป็นสีเดียวกันทั้งหมด และที่ด้านบนของอาคารนั้นมีตัวหนังสือขนาดใหญ่ 5 ตัวเขียนเอาไว้ว่า “ตำหนักไท่ไป๋จินซิง(太白金星府)”
“ที่นี่คือตำหนักของไท่ไป๋จินซิงสินะ” ฉิงเทียนพูดในใจ แล้วเมฆที่อยู่ใต้เท้าเขาก็ได้หยุดลง แล้วเมฆที่อยู่ใต้เท้าของฉิงเทียนและที่เซียนคนนั้นยืนอยู่ ก็ราวกับกระจกที่แตกออกและสลายไปยังพื้นที่รอบๆทันที
แล้วเซียนคนนั้นก็หันหน้ามาหาเขาแล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ “ถึงตำหนักของไท่ไป๋จินซิงแล้ว” ก่อนที่ฉิงเทียนจะได้ตอบอะไร เขาก็เดินจากไปอีกทางทันทีโดยไม่รอช้า
“เราก็ไปบ้างดีกว่า” เขายืนอยู่ตรงหน้าตำหนักของไท่ไป๋จินซิง และมองดูประตูที่สูงถึง 3-4 เมตรตรงหน้าเขา ฉิงเทียนจึงได้เดินเข้าไปและคิดที่จะเคาะประตู แต่จู่ๆเสียงก็ดัง “แอ๊ด” ขึ้นมาและประตูก็เปิดออกทันที
จากช่องว่างของประตู เขาพบเด็กผู้ชายน่าจะอายุ 5-6 ขวบที่มัดจุกเปียสองข้างและใส่เอี๊ยมเด็กสีแดงมีลายปลาคาร์ฟอยู่ตรงกลาง และสองเท้าน้อยๆอ้วนๆที่เดินไปตามพื้น
เมื่อเขาเห็นฉิงเทียนที่อยู่ตรงหน้าเขา เด็กน้อยคนนั้นก็เอามือเกาหัวของเขาแล้วถาม “ท่านเป็นใครเหรอขอรับ? มีธุระอะไรกับนายท่านรึเปล่าขอรับ?”
ฉิงเทียนมองไปที่เด็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนเด็กน้อยก็ตามที แต่คงไม่มีเซียนคนไหนในสวรรค์อายุไม่น้อยกว่า 100 ปีแน่ๆ ถึงแม้จะอยู่ในสภาพของเด็กน้อยก็ได้ตาม ฉิงเทียนจึงได้ประสานมือคารวะแล้วก้มหัวลง “ท่านเซียนครับ ผมมีชื่อว่าฉิงเทียน ท่านไท่ไป๋จินซิงได้เรียกให้ผมมาพบครับ”
หลังจากที่ได้ยินที่ฉิงเทียนแนะนำตัวเองแล้ว เด็กน้อยก็พูดขึ้นมา “ที่แท้ก็คือท่านฉิงนี่เอง นายท่านได้บอกข้าเอาไว้แล้ว เชิญเข้ามาด้านในได้เลยขอรับ”
พูดจบก็ได้เปิดประตูให้เขาเข้ามา แล้วก็หันหลังไปปิดประตูหลังจากที่ฉิงเทียนได้เข้ามาแล้ว
“ท่านฉิงครับ ได้โปรดตามมาทางนี้ขอรับ” พอพูดจบเขาก็ทำท่าเชื้อเชิญ ให้ฉิงเทียนนั้นเดิมตามหลังเด็กน้อยไป
หลังจากที่ผ่านประตูใหญ่มา ฉิงเทียนก็พบว่าไม่เห็นร่องรอยของเมฆขาวที่นี่อีกเลย และเฉกเช่นเดียวกับบ้านจีนโบราณ ปูพื้นทางเดินด้วยหินขัดสีฟ้ารอบๆทางเดินมีดอกไม้และผลไม้โตอยู่ และที่ปลายทางเดินก็มีอาคารหลักอาคารเดียวตั้งอยู่
เด็กน้อยได้พาฉิงเทียนจากประตูใหญ่มาจนถึงหน้าอาคารหลักและพูดกับฉิงเทียน “ท่านฉิง นายท่านกำลังรอท่านอยู่ด้านใน”
ฉิงเทียนจึงกล่าวขอบคุณเขาและเปิดประตูทั้งสองบานของประตูอาคารหลักเข้าไป ทันทีที่เขาผลักประตูเปิดยังไม่ทันได้เข้าไป เขาก็รู้สึกได้อ้อมกอดที่แข็งแรงที่โผล่มากอดเขาทันที และพูดอย่างยินดี “น้องฉิง ในที่สุดเจ้าก็ขึ้นมาที่สวรรค์ได้ ข้ารอเจ้าจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย”
ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็ตบหลังของฉิงเทียน ส่วนฉิงเทียนที่จู่ๆก็ถูกตบเข้าที่หลังอย่างรุนแรงนั้น เลือดของเขาก็ได้พุ่งออกมาจากปากทันที
ฉิงเทียนจึงรีบผลักเขาออกทันที ถ้าเกิดเขาตบแบบนั้นอีกที เขาคงได้ลงไปนรกทันทีทั้งๆที่เขาเพิ่งได้ขึ้นมาบนสวรรค์แน่ๆ
หลังจากที่ผลักออกไปแล้ว ฉิงเทียนก็พบว่าชายคนนั้นคือตือโป๊ยก่ายนั้นเอง ส่วนตือโป๊ยก่ายที่เห็นว่าฉิงเทียนนั้นมีสีหน้าที่ซีดเผือด ก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าฉิงเทียนนั้นเพิ่งเป็นผู้ฝึกวิชาอยู่ในขั้นจินตันเท่านั้น จะให้เขามาทนต่อแรงตบของเขาได้อย่างไร จึงได้ถามอย่างอายๆ “น้องฉิงเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลับตาลงแล้วนั่งขัดสมาธิ ฉิงเทียนได้ยื่นมือของเขาออกมาข้างหน้าแล้วค่อยขยับลงไปอย่างช้าๆ สภาพของฉิงเทียนในขณะนี้ เลือดที่พลุ่งพล่านในตัวเขาก็ค่อยๆทุเลาลงอย่างช้าๆ
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาและเห็นหน้าของตือโป๊ยก่าย ฉิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องเป็นเขาที่เข้ามากอดเขาเมื่อสักครู่
แน่นอนว่าตือโป๊ยก่ายได้พูดขอโทษเขา “น้องฉิง เมื่อสักครู่ข้าดีใจมากไปหน่อย ข้าเลยลืมตัวแล้วใส่แรงมากเกินไปหน่อย”
“นั่นเรียกว่านิดหน่อยเหรอ? ถ้าแรงกว่านี้อีกหน่อยน้องฉิงของเจ้าคงได้ถูกเจ้าฆ่าตายไปแล้ว” ไท่ไป๋จินซิงพูดขึ้นมาโดยไม่ไว้หน้าตือโป๊ยก่ายแม้แต่น้อย
“ก็ข้ามีความสุขไม่เห็นรึไง? ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย!” ตือโป๊ยก่ายหันหน้าไปทะเลาะกับไท่ไป๋จินซิง
“ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร!” ฉิงเทียนลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วพูดกับทั้งสองคน
“เอาเถอะ วันนี้เป็นวันที่น้องฉิงมาที่โลกเซียนเป็นครั้งแรกทั้งที ตาเฒ่าไป๋เจ้าจะไม่ให้น้องฉิงเข้ามาข้างในหน่อยรึไง?” ตือโป๊ยก่ายรีบเปลี่ยนเรื่องและดึงฉิงเทียนเข้ามาด้านใน
เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว ก็ต้องแบ่งที่นั่งออกเป็นสองฝั่งคือฝั่งเจ้าบ้านกับฝั่งแขก หัวใจของฉิงเทียนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยและตือโป๊ยก่ายเองก็เห็นว่าฉิงเทียนนั้นกำลังเต็มไปด้วยความสงสัย เขาจึงได้ยิ้มและพูดกับฉิงเทียน “น้องฉิงขึ้นมาสวรรค์เป็นครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ?”
“รู้สึกต่างจากที่ผมคิดเอาไว้มากเลยล่ะ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกับที่ผมคิดไว้คือพลังเซียนนั้นช่างบริสุทธิ์มากกว่าพลังวิญญาณจริงๆ”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย