บทที่ 184 สำนักอัคคี
หานต้งพูดกับสวีหั่วด้วยความเคารพ “ท่านเจ้าสำนักครับ พวกเราจำเป็นแค่ต้องฆ่าคนที่แซ่ฉิงชื่อเทียนในบรรดาผู้ฝึกวิชาเท่านั้นก็พอครับ อย่างไรเสียแผ่นป้ายก็ได้บอกเอาไว้แล้วว่าฉิงเทียนนั้นเป็นศัตรูของสำนักอัคคีของพวกเรา จึงน่าจะเป็นผู้ฝึกวิชามากกว่าที่จะเป็นมนุษย์ธรรมดาถึงจะสามารถกลายมาเป็นศัตรูของสำนักเราได้ครับ ดังนั้นในความคิดของข้า ข้าคิดว่าเราควรจะฆ่าคนที่ชื่อฉิงเทียนในโลกของผู้ฝึกวิชาครับ”
หลังจากที่หานต้งพูดจบ เขาก็ได้หันไปมองรอบๆและพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเห็นด้วยกับเขา ทำให้เขารู้สึกปลาบปลื้มมาก หลังจากที่ได้แสดงผลงานต่อหน้าเจ้าสำนักแล้ว เขาจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นแน่ๆ! ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดดูถูกติงโป
“ใช่แล้ว ข้าเองก็คิดว่าผู้อาวุโสหานนั้นกล่าวถูกต้องแล้ว ศัตรูที่จะสามารถเป็นศัตรูกับสำนักอัคคีของพวกเราได้ก็จะต้องเป็นผู้ฝึกวิชาแน่นอน ข้าเห็นด้วยกับความคิดของผู้อาวุโสหาน” หนึ่งในกลุ่มคนของหานต้งก็ได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวเห็น ถ้าเกิดท่านเจ้าสำนักประเมินหานต้งไว้สูงล่ะก็ เขาก็จะได้รับผลพลอยได้มากขึ้นด้วยดังนั้นพวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะสนับสนุน
ภายใต้เสียงคนที่สนับสนุน ก็ได้มีเสียงที่ขัดแย้งดังขึ้นมา “พวกท่านรู้ไหมว่ามีคนชื่อฉิงเทียนอยู่ในโลกผู้ฝึกวิชาอยู่เท่าไรกัน? พวกท่านจะไล่ฆ่าทุกคนเลยรึยังไง ยิ่งไปกว่านั้นในโลกผู้ฝึกวิชานี้พวกเราสำนักอัคคีนั้นก็เป็นที่รู้จักกันในนามของสำนักระดับสามเท่านั้น พวกเราจะมีทรัพยากรมากพอที่จะควานหาตัวฉิงเทียนคนที่ว่าเจอในหมู่ฉิงเทียน 10,000 คนเช่นนั้นรึ?” ติงโปที่เห็นคนในกลุ่มของหานต้งวางท่าจองหองจึงได้พูดแย้งขึ้นมา
“ตราบเท่าที่พวกเราตั้งใจ ก็จะหาตัวได้พบแน่” หานต้งตอบ
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะเสียทุนเสียเวลาไหวเช่นนั้นหรือ?” แล้วติงโปก็ได้พูดแย้งกลับไปอย่างเข้มงวด
“เจ้า, เจ้า….” หานต้งเริ่มที่จะพูดไม่ออก
ในเวลานี้เองที่คนในกลุ่มของหานต้งเริ่มได้พ่ายแพ้ ถึงแม้ว่าติงโปและคนจากกลุ่มของเขานั้นจะเล่นไม่ซื่อต่อกันก็ตามที แต่สิ่งที่เขาพูดมานั้นก็ถูกต้องอยู่ มีคนที่ชื่อฉิงเทียนเป็นจำนวนมากในโลกฝึกวิชา และบางคนก็เป็นลูกศิษย์ของสำนักใหญ่ๆอีกจึงไม่ใช่อะไรสำนักระดับสองระดับสามอย่างสำนักอัคคีจะเข้าไปยุ่งได้ ถึงแม้ต่อให้พบฉิงเทียนในสำนักของพวกเขา ลำพังแค่คนจากสำนักอัคคีคงได้ถูกฆ่าหมดแน่
ทุกคนต่างก็หันไปมองที่หานต้งเพื่อรอฟังคำโต้แย้งจากเขา แต่ในเวลานี้หานต้งก็ยังคิดไม่ออก เมื่อสักครู่นอกจากการแยกออกมาจากหมู่คนธรรมดาเขาก็คิดอย่างอื่นไม่ออกแล้ว
เมื่อเห็นหานต้งที่พูดไม่ออกเป็นเวลานาน ติงโปก็ได้หัวเราะขึ้นมาแล้วถาม “ผู้อาวุโสหานท่านพอจะมีหนทางอื่นบ้างไหม?”
“ฮึ่ม ข้าไม่มี!” หานต้งตอบอย่างไม่พอใจ “รึว่าเจ้ามี?”
เมื่อถูกถามเช่นนี้โดยหานต้ง ติงโปเองก็อ้ำอึ้งไปเช่นกัน ในความเป็นจริงแล้วถ้าเขามีวิธี เขาก็คงพูดออกไปแล้วเขาคงไม่มายืนมองหานต้งโชว์ออฟแบบเมื่อสักครู่หรอก แต่อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ได้เสียแรงสนับสนุนทั้งหมดไป
ในตอนนี้เขาอยากที่จะกดหานต้งให้จมดินมาก เพราะว่าหมอนั่นได้อวดภูมิต่อหน้าท่านเจ้าสำนัก และยังเหยียบหน้าเขาอีกต่างหาก!
“ข้าไม่มีความคิดเห็นใดๆ และไม่คิดที่จะเสนอหน้าเสนอความคิดมั่วๆออกมาด้วย ถ้าหากพวกเราทำอย่างที่เจ้าพูด พวกเราคงได้ไปทำให้สำนักต่างๆในโลกผู้ฝึกวิชาโกรธเข้า และทำให้พวกเราสำนักอัคคีต้องตายโดยไร้ที่ฝังศพแน่นอน” คำพูดของติงโปนั้นดังมากขึ้นเรื่อยและน้ำเสียงของเขาก็ดุดันมากขึ้นเรื่อยๆด้วย
สวีหั่วที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ได้จ้องมองไปที่หานต้งอย่างจริงจัง ด้วยความหวาดกลัวหานต้งจึงได้รีบคุกเข่าและขอขมา “ท่านเจ้าสำนัก ข้าหาได้มีความคิดเช่นนั้นไม่ แต่เป็นผู้อาวุโสติงที่คิดใส่ร้ายป้ายสีข้าต่างหาก “ เขารู้สึกได้ว่าท่านเจ้าสำนักนั้นอยากที่จะฆ่าเขาได้ชั่วขณะหนึ่ง
ในสำนักอัคคีนั้นมีเพียงท่านเจ้าสำนักเพียงคนเดียวที่ฝึกวิชาไปจนถึงขั้นเหอถี่ ถ้าเกิดว่าท่านเจ้าสำนักคิดที่จะฆ่าเขาล่ะก็ เขาคงได้หมดโอกาสที่จะรอดแน่ๆ
ติงโปเองก็ลงคุกเข่าแล้วพูดเช่นกัน “ท่านเจ้าสำนัก ข้าเองก็ทำเพื่อสำนักเช่นกัน หานต้งคงคิดที่จะจัดการพวกเราแน่ครับ”
ทั้งสองคนต่างก็ออกมาด่ากันเอง ตั้งแต่เริ่มเรื่องของหน้าที่จนไปจบลงที่ด้วยการด่าพ่อและแม่ ถ้าไม่ติดว่านั่งอยู่ในหอประชุมของสำนักแล้ว เชื่อว่าพวกเขาคงได้ต่อสู้กันเองไปแล้ว!
“พอได้แล้วเงียบ!” สวีหั่วพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าให้พวกเจ้ามาช่วยกันคิดหาวิธี ไม่ใช่มาด่ากันเองเช่นนี้! ดูตัวเองซิตอนนี้พวกเจ้าเหมือนกับพวกผู้หญิงที่ไร้เหตุผลไม่มีผิด
เมื่อเห็นความโกรธของท่านเจ้าสำนักแล้ว ทั้งหานต้งและติงโปต่างก็หุบปากทันที และหันหน้ามามองกันอย่างไม่ตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา คำพูดของสวีหั่วนั้นถือเป็นคำขาดที่ไม่มีใครที่จะกล้าขัด ถึงแม้จะเป็นถึงผู้อาวุโสแต่ก็ยังมีความสามารถไม่ถึงขั้นนั้น!
ในเวลานี้สวีหั่วนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ทั้งสองคนนั้นไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปีแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาได้สั่งให้พวกเขาไปทำหน้าที่แยกกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่วายจะกลับมาทะเลาะกันเองอีก ในขณะที่เขากำลังคิดที่จะสั่งสอนทั้งสองคนนั้นอยู่นั้น จู่ๆเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่แกร่งกล้ามาก สวีหั่วจึงได้เลิกสนใจทั้งสองคนนั้นแล้วออกไปข้างนอกทันที และทุกคนต่างก็รีบตามออกไป
ในเวลานี้สวีหั่วกำลังยืนอยู่ในห้องบูชา เขาพบกองขี้เถ้าที่อยู่แผ่นป้ายนั้นได้กลายเป็นรูปรูปหนึ่ง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย