บทที่ 259 พระราชวังเมฆม่วง
“พี่ไท่ไป๋ เวลาของผมบนโลกเซียนใกล้หมดลงแล้ว ผมคงต้องขอลาตรงนี้!” ฉิงเทียนหันหน้าไปคุยกับไท่ไป๋จินซิง
“อื้ม, น้องฉิง ไม่ว่าใครจะว่าเช่นไร สำหรับเรื่องในครั้งนี้ข้าเป็นหนี้เจ้าอย่างมากในฐานะพี่ชาย!” ไท่ไป๋จินซิงตบไหล่ของฉิงเทียนแล้วพูดขึ้นมา
“พี่ไท่ไป๋อย่าพูดเช่นนั้นเลย ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ผมคงไม่ได้มาที่โลกเซียนนี้ และผมก็คงไม่ได้ตำแหน่งเทพเจ้าที่บนโลกและกระบี่อัสนีสวรรค์ด้วย!” ฉิงเทียนพูดอย่างถ่อมตัว แต่จริงๆในใจของฉิงเทียนก็คิดเช่นนั้นจริงๆ การมาโลกเซียนของเขาในครั้งนี้เขาได้กลับไปเยอะมากจริงๆ
หลังจากที่คิดอยู่สักพักใหญ่แล้ว ไท่ไป๋จินซิงก็ได้กล่าว “อ้อ แล้วก็ต่อจากนี้ถ้าจะให้ดี เจ้าอย่าได้มาที่โลกเซียนอีกจะดีกว่า!”
แน่นอนว่าฉิงเทียนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น คงไม่แคล้วเป็นเพราะเจ้าแม่หวังหมู่ที่ไม่ถูกกับเขา ไท่ไปจินซิงจึงได้เป็นกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรไปถ้าเขามาที่โลกเซียนแล้วถูกรู้โดยเจ้าแม่เข้า!
“ผมทราบแล้วครับ ต่อไปนี้ผมจะไม่กลับมาที่โลกเซียนอีกครับ” ฉิงเทียนพูดอย่างให้สัญญา!
“เฮ้อ” หลังจากที่ได้ยินที่ฉิงเทียนสัญญา ไท่ไป๋จินซิงก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ ทำไมเขาถึงได้ไปทำตามคำขอขององค์หญิงแปดด้วยนะ แต่มันก็สายไปเสียแล้วที่จะพูดอะไรในตอนนี้ ซึ่งรังแต่จะทำให้น้องฉิงรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น!
ในขณะที่เขากำลังคิดจะบอกลาฉิงเทียนนั้นเอง แต่ฉิงเทียนที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ได้หายไปไหนแล้วไม่รู้?
ในเวลานี้ฉิงเทียนก็รู้สึกได้ถึงความมืดที่เข้ามาบดบังทัศนวิสัยของเขา “ในที่สุดเราก็ได้กลับโลกเสียที!” ฉิงเทียนถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่บนโลกเซียนในคราวนี้เพียงแค่ 4 ชั่วโมง แต่ฉิงเทียนรู้สึกเหมือนอยู่มาเป็นปี มีเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นมากเกินไปแล้ว ฉิงเทียนจึงได้ตัดสินใจว่าต่อไปถ้าไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆเขาจะไม่กลับมาที่สวรรคอีก โลกมนุษย์นี่แหละเหมาะสมกับมนุษย์อย่างเขาที่สุดแล้ว!
“เอ๋, ทำไมเราถึงยังไม่กลับไปที่โลกมนุษย์อีกล่ะ?” ฉิงเทียนรู้สึกได้ว่าสติของเขานั้นได้ไหลไปเรื่อยๆไม่หยุด ซึ่งผ่านไปนานมากแล้ว แต่ฉิงเทียนก็พบว่าเขานั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย!
“เพ่าฝู! เพ่าฝู!” ฉิงเทียนตะโกนเรียกเพ่าฝูในทะเลความรู้ซ้ำๆ และพบว่าเพ่าฝูนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมา “บ้าจริง, เพ่าฝูหลับไปอีกแล้วหลังจากที่ได้กระบี่อัสนีสวรรค์ไป”
ในขณะที่ฉิงเทียนกำลังรอให้กลับไปถึงที่โลกอยู่นั้น ไท่ไป๋จินซิงที่กำลังยืนอยู่ที่ตำหนักของเขาอยู่นั้นก็ได้รับคำสั่งมาจากองค์เง็กเซียนให้ย้ายจุดผ่านมิติมายังโลกเซียนให้ห่างไกลจากเมืองสวรรค์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ข้าจะย้ายจุดผ่านมิติไปไว้ที่ไหนดีนะ? ไท่ไป๋จินซิงครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง
แล้วในเวลานี้เองที่ซุนหงอคงได้ตะโกนขึ้นมาที่ด้านนอกของตำหนักไท่ไป๋จินซิง “น้องฉิง น้องฉิงอยู่ไหม? ตาเฒ่าซุนอยากจะมาขอขอบคุณเจ้า!”
เมื่อหันไปมองตามเสียงที่ดังมาก็พบว่าเป็นซุนหงอคงนั่นเอง เมื่อไท่ไป๋จินซิงเห็นว่าซุนหงอคงมาก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ในใจของเขา ทำไมเราไม่ย้ายจุดผ่านมิติของเขาไปที่เขาฮัวกั่วซานเสียเล่า! ถึงแม้เขาฮัวกั่วซานนั้นจะอยู่ในเขตของตงโจว แต่ก็อยู่ติดซีโจวมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเท่ากับขว้างหินก้อนเดียวได้นกสองตัว ไม่เพียงแต่เขาจะทำตามคำสั่งขององค์เง็กเซียนได้แล้ว แต่ยังทำให้น้องฉิงห่างไกลจากอันตรายในตอนที่เขากลับมาที่โลกเซียนอีกด้วย! เมื่อคิดได้เช่นนี้ไท่ไป๋จินซิงก็อดไม่ได้ที่จะชมหัวของตัวเอง
ซุนหงอคงที่เข้ามาในตำหนักของไท่ไป๋จินซิง เมื่อเห็นว่าไม่พบฉิงเทียนอยู่เขาจึงได้ถามไท่ไป๋จินซิง “ไท่ไป๋, น้องฉิงล่ะ?”
ไท่ไป๋จินซิงจึงได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วอธิบายเขาด้วยรอยยิ้ม “ท่านมหาเซียน เวลาอยู่บนโลกเซียนของน้องฉิงได้หมดลงไปแล้ว และเขาก็ได้ถูกส่งกลับไปที่โลกมนุษย์แล้ว”
“อะไรนะกลับไปที่โลกมนุษย์แล้ว? ผู้เฒ่าซุนนั้นยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย แต่กลับหมดโอกาสเสียแล้ว!” ซุนหงอคงกระโดดขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้อย่างนุ่มนวล
ไท่ไป๋จินซิงก็ได้หลี่สายตาและเดินไปหาซุนหงอคงแล้วกล่าว “มันจะหมดโอกาสได้เช่นไร? คราวหน้าตอนที่น้องฉิงกลับมาที่โลกเซียนท่านก็ขอบคุณเขาเสียสิท่านมหาเซียน”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย