บทที่ 270 บริษัทก่อสร้างเจียงหยู่
บ้านตระกูลจู ในเขตของที่ว่าการอำเภอ
ฉิงเทียนและฉิงหยูนั่งลงที่โซฟาที่บ้านของจูเฟย ส่วนจูเฟยนั้นนั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้ามแล้วถาม “ฉิงเทียน ฉิงหยูพวกนายสองคนพี่น้องจะดื่มชาหรือดื่มอะไรดี?”
“ขอชาสองแก้วก็พอ!” ฉิงเทียนกล่าวกับจูเฟย
“ฉิงเทียนตอนนี้นายทำงานอะไรอยู่อย่างนั้นเหรอ?” จูเฟยนำแก้วชาสองแก้วมาวางเอาไว้ตรงหน้าของฉิงเทียนและฉิงหยู แล้วถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่สงสัย
ฉิงเทียนก็รับชาที่จูเฟยมอบให้มาดื่มก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่ธุรกิจเล็กๆน่ะ จะไปเทียบกับทายาทเจ้าหน้าที่อย่างนายได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินที่ฉิงเทียนตอบ จูเฟยก็ได้ยิ้มและตอบแบบดูถูกตัวเอง “ถึงฉันจะเป็นทายาทเจ้าหน้าที่ แต่ตอนนี้พ่อของฉันก็ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงอะไรในอำเภอเลยแม้แต่น้อย”
“อ้าวเหรอ?” ฉิงเทียนพูดถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่ว่าคุณลุงเป็นถึงผู้กำกับการตำรวจประจำอำเภอเราไม่ใช่รึยังไง?” จริงๆแล้วฉิงเทียนเองก็รู้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว จูไห่และเซียะเกาเทียนนั้นไม่ถูกกันโดยสิ้นเชิง หรือก็คือจูไห่นั้นถูกเซียะเกาเทียนเขี่ยออกจากในกลุ่มของเขาเรียบร้อยแล้ว
และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉิงเทียนมาหาจูเฟย ถ้าหากเขาไม่สังเกตเห็นตรงจุดนี้ ต่อให้ฉิงเทียนเป็นเพื่อนของจูเฟยก็คงไม่สามารถมาหาเขาได้แน่ๆ
“เอ่อ พอเรื่องนี้ก่อนดีกว่า นั่นมันเรื่องของพ่อฉัน ให้ฉันพูดเองก็กระไรอยู่” จูเฟยพูดด้วยสีหน้าที่ไม่อยากพูด และทำเป็นหลบสายตาเห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่าฉิงเทียนนั้นกำลังถามถึงพ่อของเขาอยู่
ในความคิดของจูเฟยนั้น เขาคิดว่ามันคงจะเป็นการดีกว่าที่จะพ่อมาคุยกับเพื่อนของเขาคนนี้ด้วยตัวเอง และด้วยเหตุนี้เขาจึงได้โทรเรียกพ่อของเขาแล้วบอกว่าฉิงเทียนนั้นได้มาหาที่บ้าน
พอจูไห่ได้ยินว่าฉิงเทียนมาหาเขาจึงได้ตอบอย่างตื่นเต้นว่า “ได้ เดี๋ยวรีบกลับไปที่บ้านเดี๋ยวนี้!” ตั้งแต่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับเซียะเกาเทียนในวันนั้น หน้าที่การงานของเขาในอำเภอก็ลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ตำรวจในอาณัติของเขาก็เริ่มที่จะต่อต้านเขาแล้ว
ในฐานะนักการเมืองที่ทะเยอทะยานแล้ว จูไห่ไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปตลอดแน่ๆ เมื่อเขาคิดถึงชายคนที่ปรากฏตัวในคืนนั้นแล้ว เขานั้นไม่กลัวอำนาจของตระกูลเฉินที่อยู่เบื้องหลังของเซียะเกาเทียนเลยแม้แต่น้อย!
จูไห่จึงรู้สึกได้ว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีของเขาที่จะอาศัยฉิงเทียนและอำนาจที่หนุนหลังเขาอยู่ในการกู้อำนาจคืนกลับมา ดังนั้นจูไห่จึงได้ยอมทิ้งงานในปัจจุบันแล้วรีบกลับบ้านทันที (จริงๆแล้ว จูไห่นั้นไม่มีงานอะไรหรอก อำนาจในการปกครองสถานีตำรวจนั้นตกเป็นของเซียะเกาเทียนหมดแล้ว)
ฉิงเทียนที่เมื่อเห็นว่าจูเฟยนั้นไม่อยากที่จะคุยเรื่องนี้กับเขา เขาจึงไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
“จะว่าไปจูเฟย ในวันนั้นอาจารย์ประจำชั้นเรามารึเปล่า?” ฉิงเทียนถามขึ้นมา เขาไปที่งานในวันนั้นก็เพื่อไปหาอาจารย์ประจำชั้น แต่กลับมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น จนสุดท้ายเขาต้องไปที่สถานีตำรวจ
จูเฟยก็ได้ส่ายหัวของเขาแล้วกล่าว “ไม่ได้มา ฉันได้ยินมาว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่งไม่ได้มาสอนท่านจึงปลีกตัวมาไม่ได้”
“แต่ก็ดีแล้วที่อาจารย์ไม่มาวันนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเสียใจที่เหล่าลูกศิษย์ที่เขาสอนกลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว!” จูเฟยพูดพร้อมกับถอนหายใจ เขาไม่นึกเลยว่าคนเหล่านี้เข้าไปอยู่ในสังคมแค่ไม่กี่ปี พวกเขาในเวลานี้กลายเป็นคนที่เห็นแก่อำนาจและเงินตราไปเสียแล้ว
ฉิงเทียนเองก็ได้ถอนหายใจ และพูดอย่างไม่สนใจ “เฮ้อ เลิกคุยเรื่องแย่ๆกันเถอะ มาคุยเรื่องดีๆกันดีกว่า
“นั่นสิ ช่างหัวเรื่องนั้นก็แล้วกัน ไหนๆก็ได้มาเจอกันทั้งที จะว่าไปตั้งแต่ที่นายจากเมืองนี้ไปก็หลายปีแล้วไม่ยอมติดต่อกลับมาบ้างเลยนะ” จูเฟยชกไปที่อกของฉิงเทียนเบาๆ
“จะให้เอาหน้าที่ไหนกลับมาล่ะ? เป็นนายล่ะจะทำยังไงหากนายกลับมาแบบมือเปล่า?” ฉิงเทียนหัวเราะ ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขาทำให้เขาไม่มีหน้าจะมาพบกับคนรู้จักจริงๆ
หลังจากที่ได้ยินที่ฉิงเทียนพูดแล้ว จูเฟยก็เข้าใจได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร หากคนเชื่อมั่นในตนเองคนหนึ่งที่ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในจีน แต่กลับถูกไล่ออกในภายหลัง
จูเฟยจึงได้ปลอบเขาแล้วกล่าว “แล้วเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น? ได้ข่าวมาว่านายถูกจับได้ว่าลวนลามนักศึกษาสาวในมหาลัยอย่างนั้นรึ?”
“ผายลม! พี่ของฉันไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก “ฉิงหยูพูดอย่างไม่พอใจ “แต่เป็นคณบดีต่างหากที่ลวนลามนักศึกษาสาวแล้วถูกพี่ชายของฉันจับได้ แล้วจากนั้นใช้วิธีไร้ยางอายป้ายความผิดมาที่พี่ชายของฉัน
“เสี่ยวหยูพอเรื่องนั้นไปเสียเถอะ ตอนนี้คณบดีคนนั้นก็ถูกไล่ออกไปแล้วไม่ใช่รึไง?” ฉิงเทียนพูดปลอบน้องชายของเขาแทน ในเวลานี้ในใจของฉิงเทียนนั้นไม่ได้สนเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว
จูเฟยเองก็โกรธขึ้นมาเช่นกันเมื่อได้ยินที่ฉิงหยูพูด แล้วรู้สึกเสียใจกับฉิงเทียน
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวเขานั้นหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย ฉิงเทียนจึงได้เปลี่ยนเรื่องคุยแล้วถาม “แล้วนายล่ะเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่ได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว”
“อา ฉันได้เข้ามหาลัยก็จริง เดิมทีพ่อของฉันนั้นอยากให้ฉันเข้าสู่วงการการเมือง แต่นายก็รู้ฉันไม่เก่งเรื่องการพูดกลบเกลื่อนซึ่งเป็นความสามารถที่จำเป็นของเหล่านักการเมือง ฉันจึงได้ออกมาแล้วเปิดกิจการเล็กๆแทน” จูเฟยพูดพร้อมยิ้ม เขานั้นภูมิใจกับความสำเร็จในธุรกิจของเขาเองมาก ซึ่งพึ่งพาความสามารถของเขาเองโดยไม่ได้อาศัยอำนาจพ่อของเขาหนุนหลังเลย
เมื่อเห็นจูเฟยยิ้มออกมา ฉิงเทียนก็ได้ถามอย่างสงสัย “แล้วทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรรึ?”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย