บทที่ 283 ลูกศิษย์สำนักอัคคี (1)
มองไปที่ฉิงหยูที่กำลังนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ ฉิงเทียนก็ได้เงยหน้าหันมามองเฉินหยาง
“เฉินหยางตอนนี้แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว แกอยากที่จะบอกเรื่องของพ่อแม่ของเรามาเสียดีๆหรืออยากที่จะฉันบังคับให้แกพูดออกมา!” ฉิงเทียนนั้นยังไม่รีบที่จะลงมือ
ในใจของเฉินหยางนั้นเต้นเร็วมาก เขานั้นรู้ว่าคนของสำนักอัคคีนั้นกำลังมาทางนี้ ในเวลานี้มีอยู่อย่างเดียวที่เขาจะทำได้ก็คือถ่วงเวลาฉิงเทียนเอาไว้จนกว่าคนที่จะมาช่วยเขาจะมาถึง
เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉินหยางก็ยิ้มออกมา เขานั้นมีแผนขึ้นมาที่จะต้องถ่วงเวลาของฉิงเทียนเอาไว้โดยที่เขาไม่รู้สึกตัว ซึ่งมีอยู่หนทางหนึ่งที่อยู่ในหัวของเขาคือเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
“เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น? นี่เราเคยเจอกันมาก่อนอย่างนั้นเหรอ?” เฉินหยางแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และทำสีหน้าเหมือนสับสน ถ้าฉิงเทียนไม่รู้รายละเอียดของเรื่องนี้ ก็มีโอกาสที่เขาจะหลอกฉิงเทียนได้อยู่!
สีหน้าของฉิงเทียนก็ได้เปลี่ยนไปทันทีและมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม “เฉินหยางอย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้าแกไม่ได้นะ ถ้าแกไม่พูดออกมาอย่าหาว่าฉันไม่สุภาพ”
ทันทีที่ฉิงเทียนกำลังจะหันหน้ามา เฉินหยางก็แกล้งทำเป็นนึกออกและตอบกลับมา “อ้อ, พวกแกคงจะหมายถึงหลินซื่ออินกับสามีของเธอ?”
“หึ แกควรจะตอบดีๆจะดีกว่านะ!” ฉิงเทียนพูดอย่างไม่สุภาพนัก “ฉันจะถามคำถามแล้วแกก็ตอบมา ถ้ารู้ว่าแกโกหกแม้แต่เพียงนิดเดียวแกได้ตายอย่างไร้ศพแน่!” คนอย่างเฉินหยางนั้นจะต้องจะต้องใช้ไม้นี้ คนพวกนี้ล้วนแต่ให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเอง
แต่ถึงฉิงเทียนจะไม่ใช้วิธีขู่เขา เฉินหยางก็ได้เปลี่ยนวิธีการพูดของเขาอยู่ดี
“เมื่อ 10 ปีก่อนพ่อแม่ของพวกเราตายได้อย่างไร? เฉินหยางแกบอกความจริงมาเสียดีๆ ไม่อย่างนั้นแกแทบจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองตายยังไง” ฉิงเทียนพูดถามพร้อมกับขู่เขา พร้อมกันนั้นตัวของฉิงเทียนก็ได้ปล่อยพลังกดดันมหาศาลออกมากดทับตัวของเฉินหยางเอาไว้
“อั่ก!” เฉินหยางได้กระอักเลือดออกมาคำโต สีหน้าของเขาที่ค่อยๆดีขึ้นมาเมื่อสักครู่ก็ได้กลับไปซีดเซียวอีกครั้ง
ในใจเฉินหยางนั้นมีอาการตกใจอย่างถึงขีดสุด เขานั้นไม่รู้เลยว่าฉิงเทียนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ ยังไม่ได้ลงมืออะไรเลยแท้ๆแต่กลับทำเขากระอักเลือดออกมาได้!
เฉินหยางก็ได้พยายามเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา และหายใจอย่างอ่อนแรง “ข้าพอจะรู้เรื่องเมื่อ 10 ปีที่แล้วอยู่ แต่ตอนนี้ก็ผ่านมานานมากแล้ว ขอเวลาให้ข้านึกสักหน่อยได้ไหม?” เฉินหยางแกล้งทำเป็นนึกไม่ออก ส่วนในใจของเขานั้นกลับร้อนรน “ทำไมท่านอาวุโสถึงยังไม่มาอีกนะ?”
“เอ้า ได้เวลาพูดได้แล้ว!” ฉิงเทียนที่เห็นว่าเวลาผ่านไปพักใหญ่แล้วก็ได้พูดขึ้นมา
“อะไร เวลาหมดไวจัง” เฉินหยางแกล้งทำเป็นตกใจ
ในเวลานี้เอง พลังวิญญาณของฉิงหยูนั้นได้ฟื้นคืนมาเกือบเต็มแล้วหลังจากที่ทานยาเข้าไป เมื่อเห็นว่าเฉินหยางนั้นยังมีท่าทียึกยักอยู่ เขาก็ได้ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วเตะเข้าไปที่ตัวของเฉินหยาง “เฉินหยาง แกอย่ามาทำเป็นยึกยักมากนักนะ” ฉิงหยูพูดด้วยความเกรี้ยวกราด หากไม่ใช่เพราะต้องล้วงความลับในเรื่องนี้มาจาก ฉิงหยูก็คงฆ่าเขาทิ้งไปนานแล้ว
“เจ็บนะโว้….” เฉินหยางร้องโอดครวญจนเกือบพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรสักอย่างออกไป เขาคงได้ตายที่นี่ตอนนี้แน่
เฉินหยางจึงต้องพูดออกมา “พวกแกคิดถูกแล้ว จริงๆแล้วพ่อแม่ของพวกแกไม่ได้ตายเพราะรถชนหรอก แต่เป็นแผนการที่เตรียมเอาไว้อย่างดีต่างหาก
“หือ แผนการอะไรเรอะ?” ฉิงหยูถามกลับทันที”
มองไปที่ท่าทีของฉิงเทียนที่ราวกับอยากจะฆ่าคน เฉินหยางรู้สึกลังเลที่จะเล่าเพราะเขารู้ดีว่าพ่อแม่ของทั้งสองคนนั้นตายก็เพื่อผลประโยชน์ที่จะได้จากสำนักอัคคี และถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงได้ถูกฆ่าตายในทันทีแน่
ไม่ได้ เขาจะเล่าออกไปไม่ได้ เฉินหยางคิดกับตัวเองดูเหมือนเวลานี้เขาคงจะต้องโยนความผิดไปให้สำนักอัคคีเสียแล้ว
“การตายของพ่อแม่พวกแกถูกวางแผนเอาไว้โดยผู้อาวุโสของสำนักอัคคีคนหนึ่ง” เฉินหยางพูดอย่างขอไปที อย่าโทษกันเลยนะสำนักอัคคี พ่อแม่ของพวกเขาก็เป็นทางนั้นที่เป็นคนเอาไปในตอนนั้น อย่างไรก็ตามพวกคุณก็เห็นเขาเป็นศัตรูอยู่แล้ว ทำไมยังจะต้องกลัวอะไรเพิ่มอีก
“ฮึ่ม แล้วยังไงต่อ พ่อแม่ของพวกเราตายยังไง? ฉิงหยูพูดถามด้วยความโกรธสุดขีด
แล้วทั้งสองพี่น้องก็ได้จ้องหน้ากัน และเข้าใจได้ถึงความคิดของอีกฝ่าย อย่างที่คิดมีขุมอำนาจเป็นสำนักบำเพ็ญตนอยู่เบื้องหลังพวกเขา
เฉินหยางรู้สึกขาทั้งสองข้างของเขาสั่นขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขานั้นกำลังกลัวมาก ซึ่งจากความถี่ในการสั่นของขาของเขาแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าเขานั้นกำลังพยายามเก็บซ่อนอาการอยู่
แล้วตาของเฉินหยางนั้นก็ได้ส่องแสงออกมาพร้อมกับความทรงจำ “เมื่อสิบปีก่อนนั้น มีคนจากสำนักอัคคีมาหาที่ตระกูลเฉินของพวกเราเป็นครั้งแรก แล้วเขาก็ได้ขอให้พวกเราช่วยรวบรวมชายหญิงคู่หนึ่งที่มีพลังหยินและหยางกล้าแกร่งให้เขา”
“คู่ชายหญิงที่มีหยินและหยางกล้าแกร่งงั้นเหรอ?” ฉิงเทียนรู้สึกหนาวไปถึงข้างหลัง ถึงสำนักอัคคีนั้นต้องการที่จะดูดซับพลังวิญญาณของมนุษย์ แต่ทำไมต้องเลือกคู่ชายหญิงแล้วยังต้องมีพลังหยินและหยางกล้าแกร่งด้วยล่ะ? ซึ่งสำนักบำเพ็ญตนไม่น่าจะมีอะไรอย่างนี้นี่นา
หรือว่าจะมีเหตุผลเฉพาะในช่วงเวลานั้น “อธิบายมาให้ละเอียดกว่านี้ วิญญาณของพ่อแม่พวกเรายังอยู่ใช่ไหม?” ฉิงเทียนถามอย่างร้อนรน
ถ้าพ่อแม่ของพวกเขายังไม่ได้ และวิญญาณก็ยังอยู่ แล้วถ้าเขาสร้างร่างกายใหม่ขึ้นมาให้พวกเขาแล้วเอาวิญญาณของพ่อแม่ใส่เข้าไปแล้วล่ะ เขาก็อาจจะชุบชีวิตพ่อแม่ของพวกเขาขึ้นมาได้ก็ได้

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย