บทที่ 334 ความตื่นเต้นของจ้าวเลี่ยง
“อืม ลูกไม่สามารถเป็นอมตะได้เหรอเนี่ย?” จ้างเลี่ยงรู้สึกหดหู่ขึ้นมานิดหน่อย ในเมื่อจ้าวเลี่ยงนั้นได้กลายเป็นผู้ที่มั่งคั่งในโม๋ตูแล้ว เขาก็ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีชีวิตที่ยืนยาว
จ้าวก่างนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเขาแล้วกล่าว “ท่านพ่อครับ ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยังไม่ได้เป็นอมตะ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ครับ”
“จริงรึ?” จ้าวเลี่ยงก็ได้จับไปที่แขนของจ้าวก่างอย่างตื่นเต้น และตัวของเขาก็สั่นขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นในใจของเขา
จ้าวก่างก็ได้จับมือของพ่อของเขาแล้วพูดอย่างจริงจัง “จริงครับ จากคำแนะนำของวิชาที่ผมฝึก เมื่อใดที่บำเพ็ญเพียรจนถึงชั้นต้าเฉิง ก็จะสามารถขึ้นไปยังโลกเซียนได้ แล้วจากนั้นก็จะมีชีวิตที่เป็นอมตะหลุดพ้นจากวัฏสงสาร”
“เจ้าลูกชาย รีบถ่ายทอดวิชาของลูกมาให้พ่อบ้างสิ!” จ้าวเลี่ยงพูดอย่างอดใจรอไม่ไหว ราวกับเป็นเด็กๆก็ไม่ปาน สายตาของเขานั้นไม่ได้หันเหออกไปจากจ้าวก่างเลย
มองดูพ่อของเขาที่ดูตื่นเต้นขนาดนั้น ถึงแม้ว่าจ้าวก่างนั้นอยากที่จะถ่ายทอดวิชาให้พ่อของเขา แต่ทว่าเขาก็นึกได้ว่าวิชานี้เขาได้รับการถ่ายทอดมาจากฉิงเทียนที่เป็นน้องชายของเขา ถ้าเกิดว่าเขาไปถ่ายทอดให้คนอื่นด้วยตนเองเช่นนี้ ก็จะถือว่าเป็นการไม่เคารพต่อฉิงเทียนได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้จ้าวก่างก็ได้ส่ายหัวของเขาให้พ่อของเขาที่กำลังตื่นเต้นแล้วกล่าว “พ่อครับ วิชานี้ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากน้องสี่ ดังนั้นถ้าผมจะถ่ายทอดให้พ่อ ผมก็จำเป็นจะต้องถามน้องสี่ก่อนครับ”
“ใช่, จริงด้วย ลูกพูดถูกแล้ว! ถ้าเช่นนั้นเราไปหาฉิงเทียนกันเถอะ” แล้วจากนั้นเขาก็ได้เตรียมพาจ้าวก่างออกไปข้างนอก
แต่ในเวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิท แล้วจ้าวก่างก็ได้พูดอย่างฝืนๆ “ท่านพ่อครับ คุณก็น่าจะเห็นว่าตอนนี้ดึกมาแล้ว น้องสี่ก็คงจะหลับไปแล้ว เอาไว้พวกเราค่อยไปพรุ่งนี้เถอะครับ!”
จ้าวเลี่ยงจึงได้มองดูท้องฟ้าที่มืดด้านนอก และนาฬิกาที่บอกว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว เขาจึงได้พูดพร้อมกับยิ้ม “พ่อรีบร้อนไปหน่อย เอาไว้ค่อยไปหาหลานฉิงพรุ่งนี้ก็ได้”
แล้วในคืนนั้น จ้าวเลี่ยงก็ได้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง แล้วคิดถึงชีวิตที่เป็นอมตะของเขา พรุ่งนี้ประตูสู่โลกใหม่ของเขากำลังจะถูกเปิดออก
อีกทางด้านหนึ่ง ณ ศูนย์บัญชาการสำนักงานรักษาความมั่นคงแห่งชาติในเมืองโม๋ตู
ณ ห้องประชุม ซวีอู๋จื่อนั่งลงอยู่ที่เก้าอี้และนั่งไขว่ห้าง ในขณะที่ถือแก้วชาที่มีกลิ่นหอมหวนในมือของเขา
ไม่ไกลจากเขานัก ผู้อำนวยการหานแห่งสมช.เมืองโม๋ตูก็ได้นั่งลงไม่ไกลจากซวีอู๋จื่อแล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ซวีอู๋จื่อ ทำไมเจ้าถึงได้พาคนที่ใช้การอะไรไม่ได้กับคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกลับมา”
ซวีอู๋จื่อซดน้ำชาก่อนจะวางลงแล้วตอบ “เจ้าโทษข้าเรื่องนี้ไม่ได้ มันเป็นฝีมือของฉิงเทียนต่างหาก”
“ฉิงเทียนเป็นคนทำงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าข้าให้เจ้าไปจับหานต้งไม่ใช่รึไง?” ผู้อำนวยการหานถามกลับไป แล้วเพ่งสายตาไปที่ซวีอู๋จื่อ
“ก็มันเป็นไปแล้ว จะให้ข้าทำอย่างไร?” ซวีอู๋จื่อพูดในใจด้วยความโกรธ แต่เขาก็ได้ตอบกลับไปด้วยสีหน้าและหัวใจที่ไม่เปลี่ยน “ใช่ ข้าจับหานต้งมาแล้ว แล้วพวกเขาก็อยู่ในคุกตามที่เจ้าสั่งแล้วไม่ใช่รึไง? ข้าจำไม่เห็นได้ว่าเจ้าได้สั่งรายละเอียดอย่างอื่นด้วย!” พูดจบเขาก็หลบสายตาของผูอำนวยการหานแล้วหยิบชาขึ้นมาซด!
มองไปที่สีหน้าของซวีอู๋จื่อ ผู้อำนวยการหานก็รู้ว่าจะต้องมีเรื่องอะไรไม่ธรรมดาอย่างที่เขาพูดแน่
“เฮ้อ หานต้งก็กลายเป็นคนวิกลจริตไปแล้ว แล้วสำนักอัคคีในโลกผู้บำเพ็ญเพียรก็หายไปแล้วด้วย ข้าก็หวังว่าจะได้รู้ความลับอะไรจากหานต้งบ้าง แต่ด้วยสภาพนี้ข้าจะไปเค้นถามเอาข้อมูลมาได้อย่างไร?” ผู้อำนวยการหานถอนหายใจออกมา
แล้วแก้วชาในมือของซวีอู๋จื่อก็สั่นแล้วพูดอย่างตกใจ “อะไรนะ? พวกสำนักอัคคีหายไปแล้ว พวกเขาหนีรอดไปจากสมาพันธ์ผู้บำเพ็ญเพียรได้เช่นนั้นรึ แล้วเจ้าพวกลูกศิษย์ที่อยู่ในระดับหยวนยิงพวกนั้นล่ะ?”
“พวกเขาก็ไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน” ผู้อำนวยการหานถอนหายใจ
ซวีอู๋จื่อคิ้วขมวด เขาไม่คิดว่าพวกสำนักอัคคีนั้นจะหนีรอดไปได้ แล้วซวีอู๋จื่อก็ได้พูดขึ้นมา “แต่เรื่องพวกนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า ปล่อยให้พวกอาวุโสในสมาพันธ์จัดการกันไป วิธีการดำเนินของพวกเขาช่างน่ารำคาญ! นานๆข้าจะได้ออกมาโลกบำเพ็ญเพียรสักที ขอข้าสนุกสักหน่อยก็แล้วกัน”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย