บทที่ 351 รองประธานฉิง
ที่ห้องประชุม เหล่าพนักงานระดับสูงของบริษัทได้มาอยู่รวมกันพร้อมหน้าแล้ว แน่นอนว่ารวมถึงเฝิงจ้าวผู้ที่ถูกฉิงเทียนทำร้ายด้วย และได้จ้องมองมาที่ฉิงเทียนอย่างเคียดแค้น สายตาของเขานั้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อฉิงเทียน
“อ้าว คุณเฝิงจมูกของคุณไปโดนอะไรมา?” ผู้บริหารอาวุโสท่านหนึ่งถาม
“ไม่ใช่เรื่องของแก!” เฝิงจ้าวพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี ข้าไม่ปล่อยให้แกสุขสบายแน่, ฉิงเทียน
เมื่อสักครู่ เฝิงจ้าวได้ทำการสืบค้นประวัติของฉิงเทียนทั้งหมดแล้ว แต่แน่นอนว่าข้อมูลทั้งหมดที่ได้ไปนั้นเป็นข้อมูลที่ฉิงเทียนปล่อยให้คนอื่นเห็นได้เท่านั้น
เพราะตัวตนที่แท้จริงของฉิงเทียนนั้นได้ถูกเก็บเป็นความลับนับตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าร่วมกับสมช.แล้ว คนธรรมดาเช่นเขาก็จะพบแต่ข้อมูลที่เปิดเผยได้เท่านั้น
ดังนั้นในความคิดของเฝิงจ้าวแล้ว ฉิงเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดาที่หวังอยากได้เงินและอำนาจ และโชคดีที่ได้หัวใจของซูเสวี่ยไปครอง นอกจากฝีมือด้านการต่อสู้แล้ว ก็เป็นแค่ไอ้หน้าหล่อธรรมดาๆเท่านั้น
“ไม่ว่าแกจะเก่งวิทยายุทธมากเพียงใดก็ตาม แต่สักวันฉันจะจับแกให้ได้และทรมานแกจนตาย ฮึ่ม ส่วนนังซูเสวี่ยฉันจะจับคุณแก้ผ้าอยู่บนเตียงผมสักวันหนึ่งคอยดู” เฝิงจ้าวคิดอย่างโกรธเกรี้ยว
“คุณ…คุณ!” เมื่อเห็นเฝิงจ้าวที่พูดรุนแรงใส่ ผู้บริหารอาวุโสคนนั้นก็ได้ชี้มาที่เฝิงจ้าวด้วยความโกรธ “เฝิงจ้าว คุณพูดเกินไปแล้วนะ!”
“ทุกคนเงียบด้วย!” ซูเสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แล้วในห้องประชุมนั้นก็พลันเงียบทันที
“ต่อไป ฉันจะขอประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่า คุณฉิงเทียนที่อยู่ตรงนี้จะมาดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทของซูกรุ๊ปควบตำแหน่งผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ภายใต้สายตาที่เคียดแค้นของเฝิงจ้าว ฉิงเทียนก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้กับทุกคน “นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มาอยู่ในตำแหน่งสูงเช่นนี้ ผมเลยอยากขอให้ทุกคนที่นี่คอยช่วยดูแลผมในอนาคตด้วยครับ”
ทันทีที่ฉิงเทียนพูดจบ ชายวัยกลางคนอายุ 40 ก็ได้ลุกขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ฉิงเทียนแล้วถาม “คุณเป็นใครกันแน่ แล้วทำไมคนอย่างคุณถึงได้มาดำรงตำแหน่งรองประธานได้? เขาได้ทำประโยชน์อะไรให้กับบริษัทของเราบ้าง?”
“ผมคิดว่าตำแหน่งรองประธานนั้นสมควรจะเป็นของคุณเฝิง ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทของพวกเรามาโดยตลอด ผมเชื่อว่าทุกคนก็คงสงสัยว่าทำไมว่าทำไมถึงได้ยกตำแหน่งนี้ให้กับบุคคลภายนอกอย่างเขาด้วย” ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนของเฝิงจ้าวก็ได้พูดเหมือนฟังดูยุติธรรมแต่ประจบประแจงเฝิงจ้าว
เฝิงข้าวที่อยู่ไม่ไกลจากเขาก็ได้ทำเป็นตกใจกับคำพูดนั้นแล้วกล่าวอย่างยกยอผู้อื่น “ที่ผู้บริหารโจวว่ามานั้น ผมไม่กล้ารับเอาไว้คนเดียวหรอก เพราะทุกคนที่นี่ต่างก็ทำเพื่อบริษัทของพวกเราทั้งนั้น”
“ในความคิดของผม คุณเฝิงนั้นคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งรองประธานบริษัทมากที่สุด หากเทียบกับคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างผู้ชายคนนี้ หึๆ” ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าผู้บริหารโจวนั้นก็ได้มองมาที่ฉิงเทียนด้วยสายตาดูถูก
ส่วนซูเสวี่ยก็ได้มองไปที่ชายคนนั้นด้วยแววตาที่ดำมืดมากขึ้นเรื่อยๆ แฟนหนุ่มของเธอโดนพูดดูถูก เธอจึงได้โกรธขึ้นมาทันที แต่ฉิงเทียนก็ได้ห้ามเธอเอาไว้
ฉิงเทียนนั้นยิ้มให้กับผู้บริหารโจวแล้วกล่าว “ดูเหมือนคุณโจว จะค่อนข้างมีปัญหากับผมสินะครับ”
“ฮึ่ม”
ฉิงเทียนก็ได้ลุกจากที่นั่งของเขาแล้วเดินไปหาผู้บริหารโจว จากนั้นก็ได้ยิ้มและตบไปที่ไหล่ของผู้บริหารโจวแล้วกล่าว “มีอะไรจะกล่าวอีกไหมครับ? ทำไมคุณโจวถึงได้ดูหงุดหงิดนัก ทั้งๆที่ต่อจากนี้พวกเราทุกคนก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้วแท้ๆ”
“ฮึ ใครจะไปเป็นเพื่อนร่วมงานของคุณกัน? การแต่งตั้งและถอดถอนตำแหน่งรองประธานบริษัทนั้นจะต้องผ่านบอร์ดผู้บริหารเสียก่อน”
“บอร์ดผู้บริหาร? ถ้าผมจำไม่ผิดผู้ถือหุ้นส่วนในบริษัทซูกรุ๊ปนั้นก็ยังเป็นของตระกูลของท่านประธานซูอยู่ ดังนั้นการแต่งตั้งจากท่านประธานซูก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ฉิงเทียนพูดแล้ววางมือที่ไปที่ผู้บริหารโจว แต่จริงๆแล้วฉิงเทียนได้แอบปล่อยพลังวิญญาณจากในตัวของฉิงเทียนผ่านทางมือเข้าไปในตัวของผู้บริหารโจว
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ผู้บริหารโจวนั้นก็ไม่ใช่คนโง่เขลา เขาไม่ยอมตกหลุมพรางง่ายๆและรีบบอกปัดทันที
“อ้าว ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าผมไม่ดีเท่าคุณเฝิงอย่างนั้นเหรอ?” ฉิงเทียนปล่อยมือออกจากไหล่ของท่านประธานโจวแล้วเดินไปหาเฝิงจ้าวแล้วกล่าว “คุณคิดว่าผมด้อยกว่าคุณรึเปล่าคุณเฝิง? คิดว่าผมไม่สามารถดำรงตำแหน่งรองประธานได้อย่างนั้นหรือเปล่าครับ?”
เฝิงจ้าวนั้นอยากที่จะตอบว่าไม่ออกไป แต่เมื่อเขาคิดถึงความเจ็บปวดที่จมูกของเขาแล้ว ไม่ว่าเขานั้นจะชิงชังมากเพียงใดในใจของเขา แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องเก็บเอาความแค้นนั้นไว้ก่อน วีรบุรุษย่อมไม่กลัวความพ่ายแพ้ แล้วก็ได้ตอบออกไปอย่างเย็นชา “ผมไม่ใส่ใจเรื่องนี้”
“เห็นไหมครับ? แม้แต่คุณเฝิงก็ยังเห็นด้วยเลย แล้วคุณจะมากัดกับผมเป็นหมาทำไม?” ฉิงเทียนพูดอย่างยิ้มๆ
“แก แกว่าฉันเป็นอะไรนะ?” ผู้บริหารโจวชี้ไปที่ฉิงเทียนด้วยอารมณ์โมโห แน่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกด่าว่าเป็นหมาเช่นนี้ และด้วยการขยับนิ้วของฉิงเทียน พลังวิญญาณของฉิงเทียนที่อยู่ในร่างกายของโจวก็ได้ทำงานทันที
แล้วในตอนนั้นเองก็มีกลิ่นของฉี่ลอยออกมาจากใต้โต๊ะของโจว
“อ๊ะ คุณกำลังทำอะไรน่ะ คุณโจว?” พนักงานหญิงอาวุโสคนหนึ่งก็ได้ถามเขาอย่างตกใจ
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมต่างหากที่โดนเขาด่าว่าเป็นหมาน่ะ” ผู้บริหารโจวพูดด่าสวน และเนื่องจากตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพลังวิญญาณของฉิงเทียน ทำให้ผู้บริหารโจวไม่แม้แต่จะรู้ตัวว่าเขานั้นฉี่แตก
ทุกคนในห้องประชุมนั้นต่างก็เอามืออุดจมูกและมองไปที่เขาด้วยความขยะแขยง เมื่อมองตามสายตาของทุกคนแล้ว เขาจึงได้รู้สึกตัวว่าที่ใต้โต๊ะของเขานั้นเปียกๆ และมีเสียงน้ำหยดออกมาเป็นจังหวะ
“ว้าก ที่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” ผู้บริหารโจวได้รีบแจ้นออกไปจากห้องนี้ด้วยความตกใจ เขานั้นไม่มีหน้าพอที่จะอยู่ในห้องต่อแล้ว ผู้ชายอายุวัย 40 แต่กลับฉี่แตกรดกางเกงในที่สาธารณะเช่นนี้
“โอ้ นี่ผมแค่ว่าเขาเป็นหมาเองนะ แต่เขากลับฉี่เรี่ยราดซะได้ ไม่ต่างอะไรจากหมาจริงๆ แล้วเราจะปล่อยให้ผู้บริหารเช่นนี้อยู่ที่บริษัทของเราต่อได้อย่างไร? ท่านประธานซูครับผมขอเสนอให้ไล่เขาออกจะดีกว่าครับ” ฉิงเทียนได้ยิ้มยิงฟันขาวสองแถวออกมา
เมื่อเห็นท่าทีของแฟนหนุ่มของเธอแล้วซูเสวี่ยก็ได้หัวเราะออกมา ที่ผู้บริหารจ้าวฉี่แตกนั้นจะต้องเป็นฝีมือของเขาแน่ๆ แต่เขาเองก็สมควรจะโดนไล่ออกจริงๆ เขาคงจะนัดแนะกับเฝิงจ้าวก่อนหน้าการประชุมนี้แล้ว โดยไม่เห็นหัวท่านประธานอย่างเธออยู่ในสายตา
“คุณฉิงพูดถูกแล้ว พวกเราคงไม่สามารถปล่อยให้คนเช่นนั้นอยู่ในบริษัทของพวกเราต่อได้ เขาจะถูกไล่ออกนับตั้งแต่วันนี้” ซูเสวี่ยประกาศออกมา
เมื่อทุกคนได้ยินคำประกาศของซูเสวี่ยแล้ว พวกเขาต่างก็ไม่กล้าที่จะหายใจ โดยเฉพาะคนของเฝิงจ้าวแล้ว ในตอนแรกพวกเขารู้สึกอิจฉาผู้บริหารโจวที่กล้าออกหน้าและพูดชื่นชมเฝิงจ้าว แต่ในตอนนี้แต่ละคนต่างก็รู้สึกยินดีที่พวกเขาไม่ได้รีบเสนอหน้าออกไปเช่นนั้น

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย