บทที่ 385
เทียนเฉิง
ศึกประลองยุทธ์นั้นจัดขึ้นในทุกๆ 10 ปี และผู้จัดงานเองแน่นอนว่าจะต้องเป็นผู้มีอำนาจอันดับต้นๆในโลกผู้บำเพ็ญเพียรนั่นคือ 1 หลุน 2 เขา 3 สำนัก!
และผู้จัดงานการประลองยุทธ์ในครั้งนี้ก็เป็นสำนักซูซาน ซึ่งเทียนเฉิงนั้นเป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนัก ซูซาน ซึ่งด้านหลังของเมืองเทียนเฉิงก็คือภูเขาซูซานนั่นเอง ดังนั้นเทียนเฉิงจึงเป็นเมืองที่ใหญ่อีกเมืองหนึ่งในโลกผู้บำเพ็ญเพียร
เทียนเฉิงนั้นเป็นเมืองที่คึกคักตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ในเวลานี้ได้มีการจัดงานประลองยุทธ์ที่จะมีทุก 10 ปีครั้งขึ้นมา ทำให้มีผู้คนมาที่นี่มากขึ้นกว่าเดิมไปอีกทำให้เมืองนี้เนืองแน่นไปได้ผู้คน
“หากต้องการที่จะเข้าเมืองพวกคุณจะต้องจ่ายค่าเข้ามาก่อน หัวละ 10 หยกระดับต่ำ” ลูกศิษย์จำนวนหนึ่งของสำนัก ซูซานก็ได้ยืนอยู่ที่ประตูเมือง
“ทำไมถึงต้องเก็บค่าเข้าอีก? ไม่ใช่ว่าเมื่อวานพวกท่านก็เก็บเงินข้าไปแล้ว?” ผู้บำเพ็ญเพียรที่แต่งตัวปอนๆถามอย่างเก้ๆกังๆ
10 หินหยกระดับต่ำนั้นถือได้ว่าแพงในระดับหนึ่งสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรพเนจร พวกเขาสามารถหาได้แค่ไม่กี่ร้อยหินหยกต่อปีเท่านั้นเองสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรพเนจรระดับจู้จี
แล้วเหล่าลูกศิษย์ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูก็ได้พูดอย่างหมดความอดทน “นี่คือกฎที่ตั้งเอาไว้โดยสำนักของพวกเรา ต้องจ่ายก่อนถึงจะเข้าไปได้ ถ้าไม่จ่ายก็ห้ามเข้าไป”
“ไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไร? ทำไมพวกสำนักซูซานถึงจู่ๆมาเก็บค่าเข้าตามใจแบบนี้!” มีเสียงที่พูดอย่างไม่พอใจออกมาเบาๆ
แล้วลูกศิษย์ที่ดูแลประตูก็ได้พูดขึ้นมา “ก็เพราะมันคือกฎในเทียนเฉิงยังไงเล่า และพวกข้าสำนักซูซานก็คือกฎที่ว่านั่น ถ้าเจ้าไม่คิดจะเข้าไป ก็อย่ามาขวางทางคนอื่นเขา”
“ใช่แล้ว ถ้าไม่คิดจะเข้าไปก็อย่ามาขวางทางคนอื่นเขาเซ่!” มีเสียงพูดไม่พอใจดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
ฉิงเทียนที่เดินตามเสียงมาก็พบเตาไป๋ที่ห้อยดาบเต็มหลังของเขา และเดินไปที่คนเฝ้าประตูอย่างเชื่อฟังและหยิบเอาหินหยกระดับต่ำออกมา 20 ก้อนแล้วส่งให้พวกเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “พวกพี่ทั้งสองท่าน นี่ค่าเข้าเมือง ส่วนนี่แถมพิเศษให้พวกท่านทั้งสองคนที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย”
“ไม่เลวๆ เข้าไปได้!” ผู้ดูแลประตูทั้งสองคนผงกหัวให้เตาไป๋อย่างพึงพอใจ
“ไม่นึกเลยว่าเตาไป๋นั้นจะเป็นคนเลวโดยบริสุทธิ์จริงๆ” ฉิงหยูพูดอย่างดูถูก
ผู้ดูแลประตูทั้งสองคนนั้นมีพลังวัตรอยู่แค่ในระดับหยวนยิงเท่านั้น และเตาไป๋เองก็อยู่ในระดับหยวนยิงเช่นกัน แต่เตาไป๋นั้นกลับมีท่าทีประจบประแจงพวกเขา ทำให้ฉิงหยูนั้นรู้สึกไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าผู้คนมากมายนั้นจะไม่เข้าใจลูกศิษย์สำนักซูซานสองคนนี้ทำอะไรอยู่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นฉวยอาศัยตอนมีงานประลองยุทธ์หาเงิน ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทำแม้จะน่าเกลียด แต่งานประลองยุทธ์นี้ก็ดึงดูดเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรให้มารวมกันได้จริงๆ
ในช่วงหลายวันมานี้มีผู้คนมากมายที่เดินทางมายังเมืองเทียนเฉิงแห่งนี้ และมีผู้คนมากมายที่แสวงหาโอกาสจากงานนี้ ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องกัดฟันทนและยอมที่จะจ่ายไป
ซึ่งฉิงเทียนและฉิงหยูเองก็ยอมที่จะจ่ายเพื่อเข้าเมืองเทียนเฉิงเช่นกัน
ในเวลานี้ยังเหลือเวลาอยู่อีก 5 วันถึงจะเริ่มงานแข่งประลองยุทธ์ แต่เมืองนี้กลับเนืองแน่นไปด้วยผู้คนแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีการเก็บค่าเข้าเมือง แต่ก็ไม่อาจต้านทานความสนใจของผู้คนในโลกผู้บำเพ็ญเพียรได้
ถึงแม้ว่าเทียนเฉิงนั้นจะเป็นเมืองใหญ่ในโลกผู้บำเพ็ญเพียร แต่ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากขนาดนั้น อย่างไรเสียผู้บำเพ็ญเพียรล้วนแต่ฝึกวิชาอยู่ในสำนักบนภูเขา ดังนั้นคนส่วนมากจึงไปรวมกันอยู่ที่ภูเขามากกว่า ดังนั้นในเวลาเช่นนี้อย่าว่าแต่โรงเตี๊ยมจะมีน้อยนิดเลย มีแม้กระทั่งเต็นท์ที่ตั้งอยู่ถัดจากห้องน้ำด้วยซ้ำ
มีผู้คนมากมายแต่มีพื้นที่อยู่นิดเดียว จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเดินชนกัน โดยเฉพาะโรงเตี๊ยมในเมืองในเวลานี้แทบจะกลายเป็นสนามรบไปแล้ว
ตูม!

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย