บทที่ 398
ปรากฏตัว
แล้วเหล่าเจ้าสำนักต่างๆก็ได้มองไปที่ผู้อาวุโสเจี้ยนเจ้าสำนักซูซานด้วยดวงตาที่เหมือนกับคบเพลิง คนพวกนี้นั้นล้วนแล้วทั้งอายุมากและเจ้าเล่ห์ พวกเขาต่างก็รู้ถึงความสำคัญของสุสานกระบี่ของสำนักซูซาน แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าผู้อาวุโสเจี้ยนนั้นจะยอมเอาของจากในสุสานกระบี่ของเขามาเป็นของรางวัล พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขานั้นแอบมีแผนการอะไรอยู่หรือไม่
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าจะเลือกไม่ให้ลูกศิษย์ของพวกเจ้าเข้าร่วมก็ได้นะ” ผู้อาวุโสเจี้ยนพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ และเมินเฉยต่อคำถามของเจ้าสำนักคนอื่นๆ เพราะเขารู้ดีถึงความน่าดึงดูดใจของสุสานกระบี่ที่มีต่อสำนักต่างๆ เพราะว่ามีของวิเศษมากมายอยู่ในสุสานกระบี่แห่งนั้น ทำให้พวกเขาต่างก็ไม่อยากที่จะพลาดโอกาสนี้ต่อให้มีแผนการอยู่จริงๆก็ตาม
อย่างที่คาดเอาไว้ เจ้าสำนักอื่นๆต่างก็พากันคิ้วขมวด พวกเขาไม่อาจต่อต้านความยั่วยวนของสุสานกระบี่ได้เลย แต่ละคนต่างก็จ้องไปที่ล้านกว้างอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่รู้ว่าแผนการนั้นคืออะไร
“ถอยไปซะ อย่ามาขวางทางศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองของพวกเรา” มีเสียงที่ฟังดูหยิ่งยโสมาจากด้านหลังของฉิงเทียน เขาก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมานิดหน่อย แล้วเมื่อหันกลับไปก็พบผู้บำเพ็ญเพียรสองคนที่สวมชุดดูอลังการ และมีผู้คนคอยรุมล้อมประจบประแจงอยู่รอบๆสองคนนั้นและคนที่พูดไล่ฉิงเทียนก็เป็นหนึ่งในพวกเขา
“มัวแต่ยืนนิ่งอะไรอยู่? ไม่ได้ยินที่พวกข้าพูดรึยังไง? ออกไปได้แล้ว” เมื่อเห็นว่าฉิงเทียนยังไม่ยอมขยับ ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นก็ได้พูดต่อว่าเขา
“พวกคุณอยากลองลงกลิ้งไปดูไหม?” ฉิงหยูพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ราวกับว่าเขานั้นพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ ถ้าเขาเห็นอะไรที่ไม่สบอารมณ์
เมื่อเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรเห็นฉิงหยูที่โผล่มาท้าทายพวกเขา จึงได้โมโหขึ้นมาแล้วกล่าว “ทำตัวเป็นหมาเชื่องๆแล้วไปให้พ้นทางเสีย ที่นี่คือถิ่นของพวกเราสำนักซูซานนะ ถ้าพวกข้าบอกให้เจ้าไป เจ้าก็ต้องไป”
ที่พวกเขากล้าพูดเช่นนั้น เพราะอย่างหนึ่งคือเขาเห็นว่าฉิงหยูนั้นมีพลังวัตรอยู่ในระดับหยวนยิงเหมือนกับพวกเขา และถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถระบุพลังวัตรของฉิงเทียนได้ แต่ด้วยอิทธิพลของสำนักซูซานแล้ว จะมีใครกล้ามาหือกับพวกเขา? และอีกอย่างคือทั้งฉิงเทียนและฉิงหยูนั้นไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนักใหญ่ๆที่ไหนเลย จึงได้คิดที่จะทำเป็นเบ่งเพื่อประจบประแจงศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา
แล้วในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงอาฆาตดังขึ้นมา “พวกเจ้าว่าอะไรนะ ขอโทษเจ้านายข้าเดี๋ยวนี้” จากนั้นก็ได้มีรังสีสังหารแผ่ออกมายังเหล่าลูกศิษย์สำนักซูซาน และลูกศิษย์เหล่านั้นต่างก็รู้สึกเหมือนกับอยู่นรกขุมที่ 9 ราวกับว่าพวกเขาจะตายในทันทีทันใด
“ตุบ” ลูกศิษย์ของสำนักซูซานนั้นไม่อาจต้านทานต่อรังสีสังหารของไป๋ฉี่ ต่างก็ลงไปคุกเข้าอยู่กับพื้นทันที เขาเป็นใครกัน? ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนจะถูกฆ่าได้? เรากำลังจะตายอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ทราบว่าพี่ชายท่านนี้ ทำเกินไปหรือเปล่า?” เซวียนหยวนหูสะบัดมือของเขาแล้วจ้องไปที่ไป๋ฉี่ ความแข็งแกร่งของคนคนนี้แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แล้วรังสีสังหารเมื่อสักครู่ก็ได้หายไป เหล่าลูกศิษย์สำนักซูซานจึงได้พากันหอบ ราวกับว่าพวกเขาได้ไปเยือนนรกมา เหงื่อไหลออกมาเต็มหลัง
แม้แต่เจี้ยนอ้าวก็ยังมองไปที่ไป๋ฉี่ ด้วยสีหน้าที่สนใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา เจี้ยนอ้าวนั้นสมกับชื่อของเขา เขานั้นสนใจแต่เรื่องของกระบี่และคนเก่งๆเท่านั้น จึงทำให้เจี้ยนอ้าวนั้นรู้สึกสนใจไป๋ฉี่ขึ้นมา
“หึๆ พวกคุณสำนักซูซานนั้นคิดจะด่าใครก็ได้ด่าได้งั้นเหรอ คงไม่ใช่ว่าสำนักของคุณจะสอนให้ปากหมากันแบบนี้ใช่ไหม?” ฉิงหยูพูดอย่างโมโห และกวาดสายตามองไปที่เหล่าลูกศิษย์ของสำนักซูซาน แล้วทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาก็ได้เต็มไปด้วยความดีใจ และร่างกายของเขาก็สั่นอย่าต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นในใจของเขา
ศิษย์สำนักซูซานคนหนึ่งที่สวมชุดสีฟ้าน้ำทะเลแล้วยังสวมหน้ากากสีฟ้าบนใบหน้าของเธอ คนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสี่ยวซินที่พวกเขาออกตามหา
ฉิงหยูนั้นอยากจะรีบวิ่งไปทันที ชั่วขณะนี้เขาคิดแต่เพียงว่าจะกอดเธอในอ้อมแขนของเขาและจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหนอีกตลอดชีวิตของเขา และบอกเธอว่าเขาต้องลำบากมากเพียงใดเพื่อตามหาเธอ
แล้วในตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ว่ามือของเขากำลังถูกดึงโดยใครบางคนอยู่ “พี่ครับ พี่กำลังทำอะไรน่ะครับ เสี่ยวซินอยู่ตรงหน้าผมกำลังรอให้ไปช่วยอยู่นะครับ”
มองไปที่สายตาของเธอที่มองดูน้องก่อนเถอะ” ฉิงเทียนพูดแนะนำ
ฉิงหยูก็ได้มองไปตามที่ฉิงเทียนบอก แล้วพบว่าสายตาของเสี่ยวซินนั้นมีอะไรแปลกๆไป สายตาของเสี่ยวซินนั้นเหมือนกับมองเห็นคนแปลกหน้า มันจะเป็นได้อย่างไร ฉิงหยูรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกกรีดจนเป็นแผล
“พี่ครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย ทำไมเสี่ยวซินจึงได้มองผมด้วยสายตาคนแปลกหน้าได้” ฉิงหยูพูดอย่างกระวนกระวาย เขานั้นยอมรับไม่ได้ว่าคนรักของเขานั้นได้ลืมเขาไปแล้ว
“เธอน่าจะถูกผนึกความทรงจำเอาไว้น่ะ!” ไป๋กงหยางกล่าว
“สำนักซูซานมันพรากเธอไปจากผมตลอดชีวิตแล้ว” ฉิงหยูตะโกนกู่ร้องในใจ พวกเขาไม่เพียงแต่เอาตัวเสี่ยวซินไป แต่ยังลบความทรงจำของเธออีกด้วย
“เราปล่อยไปก่อนเถอะ! ตอนนี้ที่นี่มีเจ้าสำนักมากมายกำลังมองดูอยู่ มันยังเร็วเกินไปที่จะลงมือตอนนี้” ฉิงเทียนมองไปที่คนที่นั่งอยู่ที่ที่นั่งกิตติมศักดิ์ทั้ง 6 คนนั้น
“ฮึ่ม” ฉิงหยูเองก็รู้ดีว่าวันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะเริ่มลงมือ จึงได้มองไปที่หยูชูซินอย่างห่วงหา ก่อนที่จะยกเท้าของเขาแล้วเดินจากไป
หยูชูซินที่อยู่ในบรรดาลูกศิษย์ของสำนักซูซานนั้นก็ได้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเมื่อเธอถูกฉิงหยูจ้อง เขาคนนั้นเป็นใครกันทำไมเราเห็นเขามีสีหน้าเจ็บปวด หัวใจของเราเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีด้วยเช่นกัน
ในตอนนั้นเองที่กลุ่มคนเมื่อสักครู่ก็ได้มาล้อมฉิงเทียนและคนอื่นๆเอาไว้และพูดอย่างอวดดี “ใครบอกให้พวกเจ้าไปได้ เมื่อสักครู่เจ้ามองมาที่ศิษย์น้องหยูของพวกเราด้วยสายตาก้อร่อก้อติก! ถ้าพวกเจ้าอยากที่จะไปต้องให้พวกข้าควักเอาลูกตาทั้งสองข้างของเจ้าออกมาก่อนและขอโทษศิษย์น้องหยูของพวกข้า
“พวกคุณมั่นใจนะว่าจะเอาแบบนี้จริงๆ สำนักซูซานสอนพวกคุณแบบนี้เหรอ?” ฉิงเทียนพูดอย่างโมโห
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย