บทที่ 405 10 คนสุดท้าย
เป็นการพ่ายแพ้ที่หลายคนคาดไม่ถึง เซวียนหยวนหูศิษย์คนที่สองของเจ้าสำนักซูซาน ยอมแพ้แล้ว
ทุกคนต่างก็จ้องมองอย่างตกตะลึง แม้แต่เจ้าสำนักทั้งหกต่างก็ไม่คิดว่าเซวียนหยวนหูนั้นจะแพ้เร็วขนาดนี้! ถึงเซวียนหยวนหูนั้นจะเก่งเป็นอันดับสองของสำนักซูซาน แต่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้เก่งอะไร แต่เป็นเพราะเจี้ยนอ้าวนั้นเก่งเกินไปต่างหาก
หากเทียบกับเหล่าศิษย์หัวกะทิของสำนักใหญ่ๆ ความสามารถของเซวียนหยวนหูนั้นจัดอยู่ในอันดับต้นๆ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาต่างก็ตกใจมากขึ้นไปอีกคือหยิงหยูเองก็สามารถเข้ารอบ 10 คนแรกได้เช่นกัน สามารถเข้ารอบ 10 คนมาได้ทั้งๆที่มีพลังวัตรแค่ระดับหยวนยิง ซึ่งนับเป็นการทำลายสถิติจากเดิมที่ในรอบ 10 คนสุดท้ายนั้นมีคนที่พลังวัตรต่ำที่สุดคือเฟิงเฉินนับตั้งแต่โบราณกาล แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาจะผ่านเข้ารอบไปได้หรือไม่นั้นก็ยังต้องรอดูกันต่อไป
“หึๆ ไม่นึกเลยว่าหยิงเทียนคนนี้จะแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้!” เจ้าสำนักโอสถมองไปที่ฉิงเทียนด้วยสีหน้าที่หนักอึ้ง และทำให้เขาสงสัยอย่างมากในสายฟ้าอัคคีที่ฉิงเทียนใช้เมื่อสักครู่ เขาสามารถบอกได้ทันทีเพียงมองแค่ปราดเดียวว่านั่นคือไฟโอสถไม่ผิดแน่ ซึ่งไฟนี้จะเป็นไฟที่มีเพียงนักปรุงยาจะมี และสายฟ้าอัคคีเมื่อสักครู่นั้นก็ทำให้เขารู้สึกถึงพลังคุกคามอย่างมาก ซึ่งอาจจะมากกว่าไฟโอสถของเขาเสียอีก
“หรือว่าเขาคือนักปรุงยาคนนั้น?” เจ้าสำนักโอสถคิ้วขมวดและคิด
คนของสำนักโอสถของเขาได้สูญเสียลูกศิษย์ไปจำนวนหนึ่งในเมืองเทียนเฉิง ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไร ปัญหาจริงๆคือเรื่องของศิษย์ของสำนักโอสถถูกฆ่านั้นถูกเปิดเผยออกไปมากกว่า ซึ่งได้ทำให้สำนักโอสถขายหน้า และยังมีสิ่งของที่อยู่ในโลงศพที่พวกเขาอยากได้อีก
“แต่กระบี่ในมือเขานั้นก็ไม่ตรงกับที่รายงานนี่นา!” เจ้าสำนักโอสถคิดในใจ จากที่ผู้อาวุโสในสำนักของเขาเล่ามา กระบี่ในมือของชายลึกลับคนนั้นจะส่องแสงและมีสายฟ้าปรากฏออกมาขณะที่ใช้พลังไฟฟ้า และยังมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด ถึงแม้ว่ากระบี่ในมือของหยิงเทียนนั้นจะดีมาก แต่มันก็ไม่ตรงตามที่เล่ามา
“ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่” เจ้าสำนักโอสถคิดในใจ
ในขณะเดียวกัน ผู้คนที่เอาชนะมาได้จากทั้ง 5 เวทีประกอบด้วย เจี้ยนอ้าวและหยูชูซินจากสำนักซูซาน, เหลียนเจวี๋ยจากสำนักโอสถ, หลินเยว่จากสำนักคุนหลุน, พระฝ่าจิ้งจากสำนักฝอซาน, ไป่โชว่จากสำนักร้อยสัตว์ป่า, นางฟ้าฮัวฮุ่ยจากสำนักหมื่นบุปผา, ฉิงเทียนและฉิงหยู และชายในชุดดำลึกลับเหยนหลิง
ทั้ง 10 คนที่เข้ารอบมานี้ต่างก็รับคำท้าจากคนอื่นมา พวกเขานั้นต่างก็โชว์ฝีมือสมกับที่เป็น 10 ยอดฝีมือที่แท้จริงโดยการเอาชนะการต่อสู้ และเป็นที่ยอมรับของเหล่าผู้ชมในโลกผู้บำเพ็ญเพียรนี้ และยังเป็นที่ชื่นชมจากคนอื่นๆด้วย อย่างไรก็ตามคนที่เหลือรอดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เคี้ยวยากทั้งสิ้น ซึ่งไม่มีใครที่จะสามารถถูกจัดการได้ง่ายๆเหมือนรอบก่อนๆอีกแล้ว เจี้ยนอ้าวผู้ดำรงตำแหน่งศิษย์เอกของสำนักซูซานโดยไม่สั่นคลอน พลังของเขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะอัจฉริยะในโลกผู้บำเพ็ญเพียร, และสำนักที่ลึกลับที่สุดอย่างสำนักคุนหลุนนั้น เป็นที่รู้กันในโลกผู้บำเพ็ญเพียรว่าเป็นสำนักที่ราวกับภูเขาไม่มีน้ำ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นสำนักอันดับหนึ่งในโลกผู้บำเพ็ญเพียร และไม่มีใครที่กล้าไปยุ่งลูกศิษย์ในสำนักคุนหลุนอย่างหลินเยว่ การสะบัดแส้ปัดของหลิวเยว่นั้นเป็นอะไรที่สุดยอดมาก
ส่วนไป่โช่วแห่งสำนักร้อยสัตว์ป่านั้น เขานั้นทั้งบ้าคลั่งและน่ากลัว ไม่มีใครที่กล้าเข้าไปยุ่งกับเขาไม่เพียงแต่ตัวเขาจะมีพลังวัตรอยู่ในระดับเหอถี่แล้ว เจ้าเสือร้ายของเขาก็ยังมีพลังวัตรระดับเหอถี่ด้วย สำนักร้อยสัตว์ป่านั้นมักจะมีสัตว์ป่าอยู่ในอาณัติด้วยเสมอ ซึ่งโดยปกติจะเป็นคู่หูหนึ่งคนหนึ่งตัว
และถึงแม้พระฝ่าจิ้งแห่งฝอซานนั้นจะดูไร้พิษสงต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่จะกล้าไปยุ่งกับเขา เขานั้นจะให้ความรู้สึกที่ลึกลับและทรงพลังเสมอ
ฉิงเทียนผู้ที่สามารถเอาชนะเซวียนหยวนหูได้ เขานั้นเป็นดั่งม้ามืด และถึงแม้เหยนหลิงจะลึกลับแต่ก็ไม่มีใครที่กล้าไปยุ่งกับเขาด้วยพลังวัตรของเขาที่อยู่ในระดับเหอถี่
ในบรรดาทั้ง 10 คนนี้ ผู้ที่น่าจะเอาชนะได้ง่ายที่สุดในรอบถัดไปก็เห็นจะเป็นเหลียนเจวี๋ยจากสำนักโอสถ อย่างไรเสียพลังด้านการต่อสู้ของสำนักโอสถนั้นออกจะด้อยที่สุดหากพลังวัตรเท่านั้น และสองสาวที่เข้ามาในรอบ 10 คนคนแรกมาได้นั้นก็ค่อนข้างจะอ่อนแอ แต่ที่อ่อนแอที่สุดก็เห็นจะเป็นฉิงหยูที่มีพลังวัตรเพียงระดับหยวนยิงเท่านั้น หลายๆคนที่จึงได้เพ่งเล็งไปที่ฉิงหยู
10 คนที่เหลือนี้ ถ้าเป็นไปได้เหล่าฝูงชนต่างก็ไม่อยากให้ใครต้องแพ้เลย แต่น่าเสียดายที่กติกาขอบงการแข่งนี้ได้บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจะต้องเอาชนะกันเองให้ได้ก่อนพวกเขาถึงจะลงจากเวทีได้
และในเวลานี้เองที่เตาไป่ก็ได้ขยับอย่างช้าๆ แล้วจากนั้นก็มองมาที่ฉิงหยู เมื่อสักครู่ตอนที่ฉิงหยูเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น เขารู้สึกได้ว่าฉิงหยูนั้นอ่อนแอมาก ในเวลานี้หากเขาต้องการที่จะเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย เขาจะต้องเอาชนะฉิงหยูไห้ได้ และฉิงหยูก็น่าจะเป็นคนที่เอาชนะได้ง่ายที่สุดด้วย
“ฮึ่ม” รวดเร็วดุจสายลม เตาไป่ก็ได้ก้าวขึ้นเวทีอย่างรวดเร็ว ด้วยความกลัวที่ว่าจะมีใครที่แย่งฉิงหยูไปจากเขา ซึ่งอย่างที่คิดมีคนที่แอบด่าเขาเมื่อเห็นเขาขึ้นไปบนเวทีของฉิงหยู เพราะพวกเขาต่างก็ต้องการที่ขึ้นไปบนเวทีเดียวกับฉิงหยูเช่นกัน
เมื่อเตาไป่ขึ้นมาบนเวที ก็รู้สึกได้ถึงรังสีฆ่าฟันที่น่ากลัวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าจะเปลี่ยนมันให้เป็นวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แท้จริง แล้วในชั่วขณะนั้นเองที่รังสีที่น่ากลัวนั้นก็ได้ห่อหุ้มไปทั่วทั้งเวทีประลองนั้น
ลูกนัยน์ตาของฉิงหยูหดเล็กลง เมื่อพบว่ารังสีฆ่าฟันของเตาไป่นั้นน่ากลัวมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ฉิงเทียนจึงอดเป็นห่วงไม่ได้และคิดที่จะทำอะไรสักอย่างก่อนไม่อย่างนั้นเขาตั้งสมาธิไม่ได้แน่
“เสี่ยวหยู ถ้าน้องไม่ไหวก็ยอมแพ้ได้นะ” ฉิงเทียนตะโกนบอกฉิงหยู ถึงแม้เขาจะเชื่อว่าไป๋กงหยางที่อยู่ในร่างของฉิงหยูนั้นจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง แต่ฉิงเทียนก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี
ฉิงหยูผงกหัวเบาๆ สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก เพราะแรงกดดันจากเตาไป่ที่ส่งมาที่เขานั้นรุนแรงมา



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย