ร้านค้าจากแดนสวรรค์ (仙界淘宝) ข้ามได้รีรันเฉยๆของเก่าหาย นิยาย บท 412

บทที่ 412 ที่หนึ่ง

บนเวที, ฉิงเทียนกับเจี้ยนอ้าวต่างก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางที่องอาจ พวกเขากำลังจะสู้ศึกรอบชิงชนะเลิศ และผู้ชนะเลิศก็จะถือกำเนิดจากทั้งสองคนนี้

ผู้อาวุโสเจี้ยนก็ได้จ้องมองไปที่เวที เจี้ยนอ้าวนั้นจะแพ้ไม่ได้ แน่นอนว่าเขาเปิดสุสานกระบี่ก็เพื่อการนี้ ไม่ใช่เพราะจู่ๆเขาใจดีเฉยๆแน่

ในสมัยที่สำนักซูซานยังเรืองรองนั้น จะมีกระบี่เซียนคู่เขียวม่วงอยู่ด้วยกันเสมอ โดยกระบี่ม่วงนั้นจะถือโดยผู้บำเพ็ญเพียรชาย ในขณะที่กระบี่เขียวนั้นจะถือโดยผู้บำเพ็ญเพียรหญิง

พลังของกระบี่คู่ม่วงเขียวนั้นลำลึกสุดหยั่ง เรียกได้ว่าในโลกผู้บำเพ็ญเพียรทุกวันนี้ นอกจากสำนักคุนหลุนที่แสนลึกลับแล้ว ก็ไม่รู้เลยว่าจะยังมีอาวุธเซียนหลงเหลืออยู่มากแค่ไหน แต่กระบี่คู่ม่วงเขียวนี้ก็น่าจะทรงพลังมากที่สุดแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการผสานกันระหว่างกระบี่คู่ม่วงเขียวแล้วนั้น ก็ยังสามารถสร้างกระแสธารขนาดมหึมาที่สามารถใช้เชื่อมต่อกับโลกเซียนได้ โลกบำเพ็ญเพียรในปัจจุบันนั้นขาดการติดต่อกับโลกเซียนมานานหลายปีแล้ว และในหลายปีมานี้ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถบรรลุแล้วขึ้นไปโลกเซียนได้เลย แต่ถ้าหากกระบี่ม่วงและกระบี่เขียวมารวมกันแล้วล่ะก็ สำนักซูซานก็จะสามารถติดต่อกับโลกเซียนได้ แล้วจากนั้นสำนักซูซานก็จะได้เป็นที่นับหน้าถือตาและพัฒนาจนโดดเด่นที่สุดในโลกผู้บำเพ็ญเพียร แล้วก็จะมีผู้มีพรสวรรค์จำนวนมากที่อยากจะเข้าร่วมกับสำนักซูซานเพราะอยากที่จะบรรลุสู่สวรรค์มากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วสำนักซูซานก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือคำความฝันของเจ้าสำนักซูซานทุกคนและเป็นความฝันของผู้อาวุโสเจี้ยนด้วย ซึ่งในเวลานี้กระบี่เขียวได้ปรากฏออกมาแล้ว หากว่าเขาได้กระบี่ม่วงจากในสุสานกระบี่เมื่อไร ก็จะเข้าใกล้การฟื้นฟูสำนักซูซานมากขึ้นเรื่อยๆ

หากว่าเจี้ยนอ้าวสามารถชนะเลิศได้แล้วชิงเอาพลังโชคมาจากผู้ลงแข่งเหล่านั้น ที่เหลือก็แค่เขาไปในสุสานกระบี่แล้วหวังให้เขามีโอกาสที่จะได้รับกระบี่ม่วงเท่านั้น

“เจ้านั้นแข็งแกร่ง แต่เจ้าก็ยังต้องแพ้ข้าอยู่ดี!” กระบี่ในมือของเจี้ยนอ้าวได้ชี้ไปที่ฉิงเทียนแล้วปล่อยรังสีฆ่าฟันที่รุนแรงออกมา พลังวัตรในระดับเหอถี่ของเขาได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ เทียบกับฉิงเทียนที่อยู่แค่ในระดับเฟิงเฉินขั้นปลายแล้ว การต้องเจอกับเขาที่อยู่ในระดับเหอถี่แล้วย่อมสามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย

เจี้ยนอ้าวนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจของการต่อสู้ และวิชากระบี่ของเขานั้นก็ฝึกฝนมาจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นสมบูรณ์ ซึ่งจะเห็นได้จากการต่อสู้ของเขากับเหยนหลิง ยิ่งไปกว่านั้นเจี้ยนอ้าวก็เป็นถึงศิษย์เอกของสำนักซูซาน วิชาของเขานั้นจะแย่ได้อย่างไร ตัวเขานั้นจึงเรียกได้ว่ายืนอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว และกระบี่ที่อยู่ในมือของเขานั้นฉิงเทียนสามารถบอกได้ทันทีว่ามันเป็นกระบี่วิญญาณอย่างแน่นอน ระดับสูงไม่แพ้กระบี่สองเล่มที่เขาระเบิดไปก่อนหน้านี้เลยด้วย! เขารู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่น่าเกรงขามที่ออกมาจากตัวของเขา ฉิงเทียนรู้ได้เลยว่าการเผชิญหน้ากับเจี้ยนอ้าวนั้นจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุดที่เขาเจอมาอย่างแน่นอน

หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักเพียงใด พลังวัตรของเขาก็เพิ่มมาแค่หน่อยเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขาน่าจะถึงสุดกำแพงนั้นแล้วและไม่สามารถบรรลุไปยังระดับเหอถี่ได้

ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปทำให้เขาไม่สามารถบรรลุไปยังระดับเหอถี่ได้ ฉิงเทียนรู้ดีว่าเขาพ่ายแพ้ด้านพลังวัตรอย่างมากต่อเจี้ยนอ้าว และในตอนนี้เขาก็ไม่สามารถระเบิดกระบี่วิญญาณทิ้งได้อีกแล้วด้วย เจี้ยนอ้าวคงได้เตรียมแผนมารับมือเขาเป็นแน่

“ฮึ่ม!” มีแสงสว่างวาบออกมาในทันที และฉิงเทียนก็ได้หยิบกระบี่วิญญาณอีกเล่มมาอยู่ในมือของเขา กระบี่วิญญาณเล่มนี้คุณภาพดีกว่ากระบี่วิญญาณอีกสองเล่มที่ระเบิดไปแล้วด้วย ยิ่งกว่านั้นกระบี่วิญญาณเล่มนี้ก็ได้ส่องแสงสีทองสว่างไสวออกมา มีพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากตัวกระบี่อย่างรุนแรงไปทั่วทุกที่ และพลังวิญญาณในตัวของฉิงเทียนก็ได้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการเพิ่มพูนของกระบี่วิญญาณเล่มนั้น

“ยังมีกระบี่วิญญาณอีกเล่มเรอะ เจ้าหมอนี่ทำไมถึงได้มีกระบี่วิญญาณเยอะขนาดนี้เนี่ย?”

“สวรรค์ เจ้าหมอนี่คงจะไม่ระเบิดอาวุธวิญญาณตัวเองทิ้งเล่นอีกแล้วใช่ไหม?” เหล่าผู้ชมต่างก็หวั่นใจจนเลือดแทบจะไหลรินออกจากหัวใจ เพราะจากที่ฉิงเทียนทำในรอบก่อนๆนั้น จึงพากันคิดว่าอาวุธวิญญาณนี้คงไม่แคล้วได้พังอีกแน่

หลายๆคนต่างก็รู้สึกเสียดายอาวุธวิญญาณในมือของฉิงเทียน! แม้แต่เจ้าสำนักใหญ่ๆต่างก็ยังพากันส่ายหัว เมื่อคิดว่าคนคนนี้ยังมีของวิญญาณเหลืออยู่อีก และพวกเขาต่างก็พากันสงสัยว่าคนคนนี้ไปเอาของวิญญาณมาจากไหนเยอะแยะ

ฉิงเทียนก็ได้ปลดปล่อยพลังของเขาออกมาทั้งหมดโดยไม่ซ่อนเร้น เขาจะต้องสู้กับเจี้ยนอ้าวอย่างสุดกำลัง

“ที่ตัวของเขา…..” ในเวลานี้เองที่สายตาของเหล่าผู้ชมดูเหมือนจะได้เห็นภาพที่น่าทึ่ง เมื่อพบว่ามีไฟสีขาวออกมาจากตัวของฉิงเทียน และไฟนั้นก็ได้ห้อมล้อมตัวของฉิงเทียนเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“เขาสามารถเปลี่ยนไฟให้เป็นชุดเกราะได้!” เจ้าสำนักโอสถตกใจและพูดขึ้นมาในใจ กับการที่ฉิงเทียนเปลี่ยนไฟให้กลายเป็นชุดเกราะ เพราะในฐานะนักปรุงยานั้นย่อมรู้ดีถึงความยากในการควบคุมไฟดี และเขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้แล้ว แม้แต่ศิษย์เอกของสำนักโอสถอย่างเหลียนเจวี่ยก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้เลย

“มาสู้กัน แล้วผู้ชนะเลิศนั้นจะต้องเป็นของข้าเท่านั้น” เจี้ยนอ้าวพูดขึ้นมาและสะบัดกระบี่ในมือของเขา เขาได้พุ่งเข้าไปหาฉิงเทียนแต่ทว่าฉิงเทียนยังคงยืนนิ่งเฉยอยู่ และมีสีหน้าที่หาได้ลังเลไม่แล้วพลังวิญญาณในร่างของเขาก็ได้ระเบิดออกมา แล้วกระบี่ของเขาก็เต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจหยั่งถึงและน่ากลัว

แต่เจี้ยนอ้าวหาได้กลัวไม่ แล้วสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยในแต่ละก้าวนั้นกระบี่ในมือขวาของเขานั้น ก็ได้ทำการปล่อยพลังที่อัดแน่นอยู่ในกระบี่ออกมา แล้วกระบี่นั้นก็ได้เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นหลุมดำทำการกลืนกินพลังของเขาเข้าไปและเกิดเสียงดังหึ่งๆขึ้นมา ผู้คนต่างก็รู้สึกได้ถึงพลังฆ่าฟันที่ออกมาจากกระบี่เล่มนั้น ไม่ว่าฉิงเทียนนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องพ่ายให้กับพลังนี้แน่นอน สมกับที่เป็นศิษย์เอกของสำนักซูซาน เจี้ยนอ้าวนั้นเป็นผู้ใช้กระบี่อันดับหนึ่งจริงๆ! ทำไมเขาจะต้องกลัวในการต่อสู้นี้ด้วย? ยังไงผู้ชนะเลิศการแข่งนี้ก็จะต้องเป็นเจี้ยนอ้าวอย่างแน่นอน

แล้วฉิงเทียนก็ได้เข้าปะทะกับเจี้ยนอ้าว เขานั้นรู้สึกกลัวแค่นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ว่าฉิงเทียนจะทำอะไรก็ตาม ก็จะพ่ายต่อเขาอยู่ดี เจี้ยนอ้าวคิดอย่างมั่นใจ

แล้วทั้งสองคนก็ได้เข้าปะทะกัน แล้วกระบี่ของเจี้ยนอ้าวก็ได้ชี้และเล็งมาที่หัวของฉิงเทียน แต่ทว่าฉิงเทียนก็ได้สะบัดกระบี่ในมือขวาของเขา แล้วพลังวิญญาณมหาศาลก็ได้ปะทุออกมา และปัดป้องกระบี่ไปพร้อมกัน แต่ด้วยคนอย่างเจี้ยนอ้าวแล้ว กระบี่ของเขายังคงพุ่งต่อไป เกิดเป็นแสงที่สว่างวาบออกมาทันที และกระบี่ของเจี้ยนอ้าวก็ได้เสียบลงไปที่หน้าอกของฉิงเทียน

ในเวลานี้เจี้ยนอ้าวเองก็ระวังตัวมากเช่นกัน แล้วก็มีแสงปรากฏออกมาจากตัวของเจี้ยนอ้าวและห่อหุ้มตัวเขาด้วยชั้นของแสงนั้นราวกับเป็นเกราะ เกราะนี้คือเกราะจริงๆไม่เหมือนกับสายฟ้าอัคคีของฉิงเทียน แต่เป็นของวิเศษระดับวิญญาณ

VERIFYCAPTCHA_LABELยืนยัน