พวกอันหลินเดินเท้ากลับเมืองติ้งอัน ระหว่างนี้ใช้เวลาไปห้าวัน
หลังทุกคนได้รับการสืบทอด ความสามารถก็พุ่งทะยาน ปรับตัวให้ชินและขุดค้นพลังแห่งสายเลือดของตัวเองไม่หยุดมาตลอดทาง
บอกตามตรง การสืบทอดสายเลือดที่ไป๋หลิงเลือกให้ทุกคน ล้วนเหมาะสมกับวิถีของพวกเขาเป็นอย่างมาก
ซุนเซิ่งเหลียนได้รับมรรควิถีแห่งทอง เพลงกระบี่มีความก้าวหน้ามาก บวกกับการสืบทอดของสายเลือดมังกรกระบี่ ยามนางปล่อยกระบี่มันเจือด้วยอิทธิฤทธิ์มังกร พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี
การสืบทอดกระต่ายเงินของเหมียวเถียน ทำให้ตัวนางคล่องแคล่วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้กริชหรือกงจักร ล้วนปราดเปรียวและอันตรายถึงชีวิตกว่าเดิม
ส่วนจงหย่งเหยียน ตอนแรกเขาศึกษาเฉพาะวิชาแห่งวายุ การสืบทอดเพียงพอนลมเพิ่มอานุภาพยามสำแดงวิชาเซียนของเขาอย่างง่ายดายและป่าเถื่อน ผลลัพธ์เด่นชัดที่สุด
การสืบทอดวานรปีศาจของลั่วจื่อผิงทำให้เขาตัวใหญ่ขึ้น สูงขึ้นและแข็งแกร่งมากขึ้น!
อืม มีเท่านี้แหละ
จากการสัมผัสโดยตรงของอันหลิน ความสามารถของพวกเขาน่าจะอยู่ในระดับกลางและต้นอันดับเซียนแห่งรั้วสำนัก
ต้องรู้ว่า ตอนนั้นในศึกแห่งอิสรภาพ ห้องของพวกเขามีแค่สิบกว่าคนที่ติดอันดับเซียน
ส่วนคนที่อยู่ในระดับกลางและต้น นอกจากเซวียนหยวนเฉิงกับซูเฉี่ยนอวิ๋นแล้ว ก็มีแค่อันหลิน สวีเสี่ยวหลาน ลู่จ้านและลู่อี้ชิงสี่คนเท่านั้น
ตอนนี้ความสามารถของพวกเขามาถึงขั้นนั้นได้ ล้วนเป็นเพราะประโยชน์จากพลังแห่งการสืบทอดอย่างสิ้นเชิง
เชื่อว่าอีกไม่นาน พวกเขาจะสามารถบรรลุเข้าสู่ระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณได้อย่างราบรื่น
ส่วนการสืบทอดเทพแห่งความมืดของเจ้าอัปลักษณ์ แม้แต่ตัวของมันเองก็อธิบายไม่ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่มันก็สัมผัสได้ว่า เพราะการสืบทอดนี้ มันแตะประตูระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายแล้ว
ส่วนการสืบทอดของเสี่ยวหง มันก็ได้แสดงฝีมือแล้ว บอกว่าเป็นการสังเคราะห์แสง คลื่นแสงอาทิตย์ต่างๆ นานา คลื่นแสงเส้นหนึ่งสร้างประสิทธิภาพอันเผาทำลายล้าง
สุดท้ายก็ต้องให้พวกอันหลิน ยึดหลักการมนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันโดยสันติ ใช้พลังเซียนเรียกพายุฝน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
สิ่งที่เสี่ยวหงใช้น่าจะเป็นคาถาที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดสายเลือดอีกาทอง ส่วนการสืบทอดกระจกสมาน มันยังไม่เข้าใจ
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงเดินทางกลับเมืองติ้งอันอย่างคึกคัก
ภายในสวน พวกอันหลินก็รายงานผลของระยะเวลานี้แก่เซียนกระบี่หลิงเซียว
ตามเป้าหมายสัตว์ประหลาดสามพันตัวของห้องพวกเขา เมื่อแบ่งให้แต่ละกลุ่มแล้ว สังหารสัตว์ประหลาดหนึ่งร้อยห้าสิบตัวเท่านั้นเป็นพอ
และตอนนี้ กลุ่มของพวกอันหลินล่าสัตว์ประหลาดไปแล้วทั้งสิ้นห้าร้อยสิบสองตัว มีผลงานเป็นอันดับหนึ่งจากบรรดายี่สิบกลุ่ม มันทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาแปลกใจไม่น้อยเลย
แต่ไม่นานอาจารย์ที่ปรึกษาก็กระจ่างใจ อันหลินกับเจ้าอัปลักษณ์อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ มีผลงานเช่นนี้ก็ปกติอย่างมาก มิหนำซ้ำ รัศมีของสมาชิกที่เหลือเมื่อเทียบกับครั้งก่อน ดูเหมือนว่าจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
เซียนกระบี่หลิงเซียวมองพวกอันหลิน พยักหน้ายิ้มๆ “ท่าทางครั้งนี้พวกเจ้าจะได้ประโยชน์มากมายนัก”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว อันดับหนึ่งต้องเป็นของกลุ่มเราแน่!” อันหลินไม่สนใจคำพูดมีเลศนัยของอาจารย์ที่ปรึกษา ตอบอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
เมื่อรายงานผลเสร็จ สมาชิกของกลุ่มอันหลินก็ออกจากสวน ย้อนกลับไปยังที่พักอาศัย
สองวันสุดท้ายของการทดสอบประจำปี พวกอันหลินแค่ล่าสัตว์ประหลาดรอบๆ เมืองติ้งอันเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปในเขตหมื่นเขา
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ หลังสิ้นสุดการทดสอบประจำปี ผลงานของกลุ่มอันหลินก็เป็นที่หนึ่งอยู่ดี
เพราะกลุ่มของลู่จ้านเจอรังแมงมุมที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด จึงอยู่ในอันดับที่สอง
ลำดับต่อไปก็เป็นกลุ่มของเซวียนหยวนเฉิง ซูเฉี่ยนอวิ๋นกับสวีเสี่ยวหลาน
ไม่พูดไม่ได้ว่า ความสามารถสำคัญต่อการทดสอบในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
จากนั้น กลุ่มปลาเค็มของหวังเสี่ยวไป๋ก็อยู่อันดับสุดท้ายไม่ผิดจากที่คาดไว้ ดึงเป้าของห้องลงต่ำได้สำเร็จ ได้ยินหัวหน้ากลุ่มบอกว่าถูกอาจารย์ที่ปรึกษาทุบไปทีหนึ่ง
ห้องของพวกเขาสังหารสัตว์ประหลาดไปทั้งสิ้นห้าพันหนึ่งร้อยกว่าตัว เกินเป้าที่สำนักมอบหมายให้ไปเยอะโข
ต้องยกความดีความชอบส่วนใหญ่ให้กองทัพสัตว์ครั้งนั้น แน่นอนว่า ความพยายามของนักเรียนก็มีส่วน นอกจากกลุ่มปลาเค็มส่วนน้อยแล้ว กลุ่มโดยส่วนใหญ่ล้วนแต่เอาการเอางานเป็นอย่างมาก
เซียนกระบี่หลิงเซียวพอใจกับผลลัพธ์นี้ยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้ยามย้อนกลับเมืองในแคว้นสือหลง จึงงดให้เหล่านักเรียนเดินทางนับพันลี้ต่อวัน
เมื่ออันหลินได้ยินข่าวนี้ ความจริงแล้วก็รู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยเลย
เขายังอยากแสดงทักษะการขี่ก้อนอิฐเหาะเหินอยู่เลย ไม่คิดเลยว่าวีรบุรุษจะไม่ได้แสดงความสามารถ ทำได้แค่เยื้องย่างไปกับเหล่านักเรียน



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม