หลานเยียนกับสวีเสี่ยวหลานเยื้องย่างอยู่ในสำนัก
หญิงงามสองคนเดินเคียงคู่กันมา ย่อมทำให้ลูกศิษย์ไม่น้อยในสำนักแลมอง มิหนำซ้ำพวกนางยังเป็นถึงอัจฉริยะบุคคลในกลุ่มหนุ่มสาวแห่งสำนักวิหคชาดอีกด้วย กับแววตาเป็นประกายเหล่านี้ ทั้งคู่เคยชินนานแล้ว จึงไม่ได้สนใจเท่าใดนัก
“นั่นไง เมื่อครู่ข้าเจอพวกเขาที่นี่แหละ”
หลานเยียนชี้ไปยังลานเล็กเบื้องหน้า พูดอย่างเริงร่าว่า “ตอนนั้นพวกเขาทำท่าราวกับทัศนาจร ตลกนัก!”
สวีเสี่ยวหลานพยักหน้า “แล้วหลังจากนั้นล่ะ พวกเขาเดินไปทางไหนแล้ว”
หลานเยียนชะงัก จากนั้นก็พูดอย่างกระดากอายว่า “เอ่อ…ตอนนั้นข้าไม่ได้สังเกต เอาแต่หัวเราะท่าเดียว…”
“ท่าน…แล้วท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม!” สวีเสี่ยวหลานปวดหัวขึ้นมาทันควัน ไม่รู้ว่าศิษย์พี่คนนี้พานางมาทำพระแสงอะไรที่นี่
ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ขี่กระบี่ผ่านไปอย่างรีบเร่ง
“ฮาย! ศิษย์พี่ม่อไห่ รีบขนาดนี้จะไปไหนหรือ” เมื่อหลานเยียนเห็นชายคนนั้น ก็ร้องตะโกนอย่างลิงโลด
ม่อไห่เป็นอันดับหนึ่งของรุ่นหนุ่มสาวแห่งสำนักวิหคชาด ไม่ว่าจะเป็นพลังแห่งสายเลือด หรือความสามารถโดยรวมที่แสดงให้เห็น ล้วนเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นเหนือรุ่นราวคราวเดียวกัน
แม้แต่ผู้มีพรสวรรค์เหนือชั้นอย่างสวีเสี่ยวหลาน ก็เทียบชั้นเขาไม่ได้เช่นกัน
ม่อไห่ได้ฟังก็หยุดอยู่กลางอากาศ นัยน์ตาสีแดงเจือความตื่นเต้น “ที่แท้ก็เป็นศิษย์น้องหลานเยียนกับศิษย์น้องสวีเสี่ยวหลานนี่เอง เกิดเรื่องใหญ่ที่ลานฝึกยุทธ์ ข้าจะรีบไปดูสักหน่อย!”
“เรื่องอะไรหรือ” สวีเสี่ยวหลานร้อนรุ่มใจ นางนึกถึงคนที่ไปที่ไหนก็สร้างเรื่องไม่เว้นวายคนนั้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“ได้ยินว่าที่ลานฝึกยุทธ์มีคนคนหนึ่ง…ไม่สิ มีวานรตัวหนึ่ง ระดับความบริสุทธิ์ของพลังอัคคีสูงกว่าร้อยละเก้าสิบ ข้าจะไปดูสักหน่อยว่ามันเป็นเทพเจ้าจากแห่งหนใด!”
“เช่นนั้นขอตัวก่อนนะ!”
ม่อไห่พูดจบก็ขี่กระบี่เหาะไป ไม่อยากชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว
เมื่อสวีเสี่ยวหลานกับหลานเยียนได้ฟังก็งุนงงนิดหน่อย
“คุณพระ ความบริสุทธิ์ของพลังอัคคีเกินร้อยละเก้าสิบงั้นหรือ ข้าจำได้ เหมือนเจ้ากับม่อไห่จะแค่แปดสิบกว่าใช่ไหม วานรจากที่ใดกัน ไยจึงเก่งกาจปานนั้น” หลานเยียนพึมพำ
สวีเสี่ยวหลานติดอยู่ในภวังค์ เจ้าอัปลักษณ์งั้นหรือ
ไม่สิ เจ้าอัปลักษณ์ใช้กระบองเงินไม่ใช่หรือ พลังเซียนธาตุไฟของมันร้ายกาจปานนั้นตั้งแต่เมื่อใด
นางรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้ จึงขี่กระบี่ลอยขึ้นฟ้าทันใด “ศิษย์พี่ พวกเราก็ดูที่ลานฝึกยุทธ์กันเถอะ!”
หลานเยียนได้ฟังก็พยักหน้า จึงขี่พัดอัคนีตามหลังสวีเสี่ยวหลาน เหาะไปยังลานฝึกยุทธ์พร้อมกัน
ยามนี้ ลานฝึกยุทธ์แห่งอัคคีของสำนักวิหคชาด กำลังตกอยู่ในความโกลาหล
สภาพจิตใจของเหล่าลูกศิษย์ของสำนักวิหคชาดราวกับผ่านการนั่งรถไฟเหาะมา
พวกเขาตกตะลึงก่อน เมื่อเห็นหน้าค่าตาของเจ้าอัปลักษณ์ก็ตกใจ จากนั้นก็เริ่มตะลึงพรึงเพริด
จากนั้นก็ค่อยๆ…แปรเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งเช่นตอนนี้!
เหล่าลูกศิษย์กรูกันเข้าไปรุมล้อมพวกอันหลิน เรียกได้ว่าเบียดเสียดจนน้ำลอดผ่านไม่ได้
“พี่ลิงๆ ท่านมาจากสำนักไหนหรือ”
“อะไรนะ! มาจากเขตหมื่นเขางั้นหรือ”
“พลังอัคคีของท่านร้ายกาจเช่นนี้ ร่ำเรียนกับใครมาหรือ บอกข้าได้ไหม”
“อะไรนะ! พี่ลิงเป็นสัตว์เลี้ยงของน้องชายคนนี้หรือ!”
“หา เจ้าน่ะหรืออันหลินที่มาจากสรวงสวรรค์”
…
คำถามต่างๆ นานาถูกถามอย่างไม่ขาดสาย ทำเอาหูของอันหลินแทบแตกแล้ว
แต่เจ้าอัปลักษณ์กลับเพลิดเพลินใจ ฉีกยิ้มน่าเกลียดน่าชังของมันตลอดเวลา
เพราะเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่มันได้รับการต้อนรับเช่นนี้…
ขณะนั้นเอง ลำแสงสีแดงเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในลานฝึกยุทธ์
มีลูกศิษย์อุทานว่า “ศิษย์พี่ม่อไห่มาแล้ว!”
เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายเห็นต่างก็พากันหลีกทางให้
ม่อไห่เป็นอันดับหนึ่งของรุ่นหนุ่มสาวแห่งสำนักวิหคชาด ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ หรือศักยภาพในภายภาคหน้า ล้วนน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพวกเขาเห็นศิษย์พี่ม่อไห่เข้ามา ย่อมไม่กล้าขวางทาง ต่างก็จดจ้องศิษย์พี่คนนี้อย่างเคารพยำเกรง
อันหลินเห็นชายรูปร่างหน้าตาธรรมดา ดวงตาสีแดงคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ใช่แล้ว” เจ้าอัปลักษณ์พยักหน้ายอมรับ
“หึๆ ดีมาก…”
แววตาของม่อไห่ลุกเป็นไฟ ระเบิดพลังออกมาแล้วอย่างสิ้นเชิง
ตูม!
คลื่นความร้อนระอุเริ่มแผ่กระจายออกมาโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม