“โอ้แม่เจ้า!” เมื่ออันหลินเห็นรอยหมัดบนหน้าผา ก็อดอุทานขึ้นมาไม่ได้
อานุภาพของวิชาเซียน เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ผู้ที่ร่ายมนตร์อย่างเขา ก็ยังสะดุ้งโหยง
หลังตกตะลึงแล้ว ใบหน้าของอันหลินก็แสดงอาการกระหยิ่มใจและตื่นเต้น
หมัดสะเทือนขุนเขา วิชาเซียนอันแรกของระบบ ไม่คิดว่าอานุภาพจะยิ่งใหญ่ปานนี้ แล้วอัสนีมรรควิถีล่ะจะเป็นอย่างไร
ตอนนี้เขาเกิดความคิดชั่ววูบอยากค้นหาสถานที่สักแห่ง จากนั้นถูกสายฟ้าสวรรค์ผ่าสักที
วิชานั้นแค่ได้ยินชื่อก็สุดยอดมากแล้ว เมื่อมีตัวอย่างของหมัดสะเทือนขุนเขา อันหลินก็เกิดความกระเหี้ยนกระหือรือยิ่งขึ้น
สวีเสี่ยวหลานเห็นอันหลินดำดิ่งอยู่ในวิชาเซียนของตัวเอง แถมยังทำหน้าลำพองใจอีกด้วย ก็อดส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอไม่ได้
แม้นางจะไม่รู้ว่าอันหลินไปได้วิชาเซียนวิชานี้มาจากไหน แต่นางรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
“วิชาเซียนนี่ก็ไม่ได้ร้ายกาจเท่าใดนัก ดูของข้า!”
พูดจบ สวีเสี่ยวหลานก็เงื้อมือฟาดออกไปทางหน้าผาข้างหน้า ฝ่ามือเปลวอัคคีกว้างสองจั้งกว่าก็ลอยหวีดหวิวออกมา
อุณหภูมิสูงจนน่ากลัวของฝ่ามือเปลวอัคคี แม้สวีเสี่ยวหลานจะอยู่ห่างจากอันหลิน แต่ก็รู้สึกถึงความร้อนระอุ
ต่อมาฝ่ามือก็ประทับรอยลงบนหน้าผา ทำให้มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ตูม!
เมื่อสิ้นเสียงดังสนั่น ก็มีรอยฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่กว่ารอยหมัดของอันหลินหลายเท่าปรากฏบนหน้าผา
แถมรอบๆ ก็ดำสนิท แม้แต่ก้อนหินก็ไหม้เกรียมแล้ว!
อันหลินอ้าปากกว้าง สบตากับสวีเสี่ยวหลานแวบหนึ่ง
จากนั้น อันหลินก็เห็นสีหน้าสบายๆ ของนาง
เสมือนว่าฝ่ามือนั้น นางปล่อยออกมาโดยที่ไม่เปลืองแรงเลยสักนิด
อารมณ์ของอันหลินเริ่มดิ่งลงอีกครั้ง…
อะไรกัน คนอื่นก็ปล่อยฝ่ามือออกไปง่ายๆ อานุภาพก็รุนแรงกว่าหมัดสะเทือนขุนเขาของเรามากขนาดนั้น ที่แท้วิชาเซียนของเราเป็นแค่วิชาธรรมดาเองเหรอเนี่ย…
อันหลินไม่รู้ว่า ฝ่ามือของสวีเสี่ยวหลาน นางใช้พลังของปราณหงส์สวรรค์ร่วมด้วยพลังยุทธ์กายแห่งมรรคขั้นสิบของนาง ถึงจะได้ผลลัพธ์อย่างที่เห็นนี้
อานุภาพหมัดของอันหลิน หากกล่าวตามวิชาเซียน อันที่จริงถือว่าแข็งแกร่งผิดธรรมดาแล้ว
สวีเสี่ยวหลานกังวลว่าเขาจะลำพองใจเพราะรู้วิชาเซียนนี้ จึงหวังดีเจตนาใช้วิธีนี้
จากนั้น นางแอบชำเลืองมองอันหลิน เมื่อเห็นอากัปกิริยาของอันหลิน ก็แอบพยักหน้า ระริกระรี้ในใจ
ดูท่าทางผลลัพธ์จะไม่เลวทีเดียว…
อย่างน้อย เขาก็ไม่แสดงอาการกระหยิ่มยิ้มย่องว่ามีวิชาเซียนอยู่กับมือเช่นนั้นอีก
…
หลังได้กินจิตวิญญาณแห่งขุนเขาแล้ว อันหลินรู้ดีว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงกลับที่พักของตัวเอง
เมื่อถึงห้อง เขาก็เริ่มกระตุ้นกำลังภายใน ดูดซึมพลังชีวิตของฟ้าดินเพื่อฝึกกาย
ท่าทางเราต้องพยายามให้หนักขึ้นแล้ว ยิ่งเป็นคนโง่เขลาก็ยิ่งต้องพยายามให้มากขึ้น!
วันนี้อันหลินสะเทือนใจไม่น้อยเลย
เมื่อก่อนเขาคิดว่าตัวเองสามารถพึ่งพาระบบ ไต่เต้าเป็นอัจฉริยะของแดนนี้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าความจริงอันโหดร้ายบอกเขาว่า ความคิดของตัวเองช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน
ตัวเองที่ไม่มีพรสวรรค์ ไม่มีต้นทุน ไม่มีสำนักคอยหนุนหลัง แค่ใช้ระบบจะไล่ตามฝีเท้าของเหล่าอัจฉริยะทันงั้นเหรอ
หากไม่พยายามด้วยตัวเอง คิดแต่จะพึ่งพาระบบทุกวี่ทุกวัน เกรงว่าระยะห่างจะยิ่งไกลขึ้นไปทุกทีน่ะสิ
อันหลินไม่ใช่คนที่กลัวความล้มเหลว ยิ่งหนทางข้างหน้าลำบาก ก็จะยิ่งกระตุ้นความมุ่งมั่นของเขา
และเป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงใช้เวลาทุกวินาทีในการตั้งใจบำเพ็ญเพียร
พรสวรรค์ไม่พอ ใช้เวลาให้พอ!
แต่ขณะที่เขาเริ่มบำเพ็ญเพียรด้วยความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยม จู่ๆ ท้องน้อยของเขาก็เกิดปวดบิดขึ้นมา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม